ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต ครับผม
........ ( ตาพิน เซียนหวย ) ........
........สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้ผมจะมาชวนท่านคุยกันเรื่องเบา ๆ สักเรื่อง ที่ว่าเบาก็เพราะเลยวันหวยออกไปหลายวันแล้ว หลายท่านอาการอกหักคงบรรเทาไปมาก แต่ถ้าคุยกันในระยะวันสองวันหลังหวยออก เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องหนักไปทันที
ถ้าจะถามว่าผมรู้เรื่องนี้ดีแค่ไหนถึงมาชวนคุย ผมก็จะบอกว่าครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปี 37 – 38 ผมเคยเล่นหวยอย่างหนักเหมือนกัน หนักขนาดที่ว่าทำสูตรเอง คิดเลขเอง แล้วไปซื้อใต้ดิน งวดหนึ่งหมดเงินไปสามถึงสี่พันบาท สมัยนั้นนับว่าเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว
ที่ผมเลิกเล่นหวยได้ มาเกือบสามสิบปี มีสาเหตุหลัก คือ ตกงาน ต้องระเหเร่ร่อนย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดหลายแห่งด้วยกัน เลยไม่มีเงินและไม่มีโอกาสเล่น นั่นเป็นเหตุผลแรก เหตุผลต่อมาคือ ผมทำใจได้โดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าหมดวาระกรรม หรืออะไรก็ยากจะเดา แต่ตอนก่อนเลิก สามสี่งวดสุดท้ายผมโดนหวยกินติดต่อกันจนหาเงินใช้หนี้เขาไม่ทัน ซึ่งก่อนหน้านั้นผมถูกงวดเว้นงวดมาตลอด บางครั้งถูกสองงวดติดกันก็ยังเคย ขณะกำลังลังเลว่าจะเลิกหรือจะเล่นต่อดี ก็มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันหวยออกกลางเดือน
ผมไปทำงานขับรถส่งของตามปกติในตอนเช้า และแวะซื้อกับข้าวตรงรถเข็นข้างทางตอนขากลับประมาณแปดโมงครึ่ง ตอนนั้นคนรุมซื้อกับข้าวกันสิบกว่าคนเพราะเป็นเวลาหากับข้าวกันพอดี หลายคนคุ้นกันกับผม เพราะเจอกันบ่อยเนื่องจากผมมาส่งของแถวนี้และแวะซื้อกับข้าวร้านนี้ทุกเช้าเป็นประจำ ป้าคนหนึ่งแกเห็นผมแกก็ถามดัง ๆ ออกมาอย่างคุ้นเคย
“งวดนี้เล่นอะไรเล่าอาจารย์”
บางคนเรียกผมอาจารย์เป็นการหยอกล้อกัน ในฐานะที่ผมถูกหวยบ่อยจนชาวบ้านแถวนี้เอาไปลือ
“เก้าสามป้า”
ผมตอบไปตามความจริง เพราะงวดนั้นผมเล่นสองตัวสามตัวติดเก้าสามไว้ทุกหาง เรียกว่าถึงออกมาเก้าศูนย์สามผมก็ยังถูก เพราะดักไว้ทุกทาง คิดแล้วเล่นตัวละห้าสิบคูณห้าสิบรวม ๆ ได้สี่พันพอดี
ตอนบ่ายสี่หลังหวยออก มันออก
เก้าสอง ทั้งบนทั้งล่าง แต่สามตัวบน อีกตัวผมจำไม่ได้แล้ว จำได้แต่สองตัวท้าย
เก้าสอง ผมตัวเบาหวิวเลย หนี้เก่าเก้าพันกว่า หนี้ใหม่อีกสี่พัน วันนั้นกินข้าวเย็นแทบไม่ลง คอมันแห้งไปหมด แถมพอนึกถึงตอนเช้ายังต้องโดนโห่อีก เพราะบอกเลขให้คนโดนกินไปอีกสิบกว่าคน เลยทำให้นอนกระสับกระส่ายทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมไปส่งของตามปกติ แต่ไม่ค่อยพูดค่อยคุยกับใครเพราะใจคอไม่ค่อยดี เงินใช้หนี้ก็ยังหาไม่ได้ ไหนตอนซื้อกับข้าวยังต้องโดนแซวอีก ตอนแวะร้านแกงผมเลยลงรถและเดินเข้าไปอย่างเนือย ๆ
“อาจารย์ เฮ้ยพวกเรา อาจารย์มาแล้ว”
พอได้ยินเสียงป้าคนเมื่อวานผมหน้าซีดเลย นึกหาคำแก้ตัวให้วุ่นไปหมด กะว่าวันนี้โดนแค่ไหนก็ต้องยอม เพราะยังไงต้องมาแถวนี้ทุกวันอยู่ดี ผ่านไปอึดใจคนนู้นก็เดินมาหา คนนี้ก็เดินมาหา หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ในมือมีถุงแกง ถุงขนม อะไรต่ออะไรหิ้วมาคนละถุงสองถุง แล้วก็ส่งให้ผม ผมงงจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าป้า ๆ ไปมา จนป้าคนเดิมพูดขึ้นผมเลยเข้าใจ
“แหม่ แน่นอนจริง ๆ อาจารย์เรา บอกเก้าสองออกเก้าสองตรง ๆ งวดหน้าขออีกนะ”
สรุปว่าวันนั้นผมไม่ต้องซื้อกับข้าวกิน เพราะป้าคนขายแกงก็พลอยถูกกับเขาได้ไปหลายพัน ผมนึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าคนสิบกว่าคน ฟังเลขสาม เป็นเลขสอง เหมือนกันหมดได้ยังไง และตัดสินใจเลิกเล่นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เพราะเข้าใจถึงคำว่า
“ดวงใครดวงมัน” ขึ้นมาทันที
หลังจากตัดใจเลิกเล่นหวยเด็ดขาดแล้ว ผมก็ยังพูดคุยกับป้า ๆ ที่ยังเล่นอยู่ตามปกติ แต่เวลาแกถามเลขเด็ดมาผมก็ตอบเลี่ยง ๆ ไป จนหลาย ๆ งวดเข้าแกก็เลิกถามเพราะรู้ว่าผมไม่เล่นแล้วจริง ๆ ได้แต่ฟัง และมองอาการของคนถูกหวยกินหลังสี่โมงเย็นของทุกครึ่งเดือน จึงเห็นว่า คำพูดของแต่ละคน แต่ละสถานที่นั้น ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะคำที่ว่า
“นั่นไง ข้าว่าแล้ว ตามทุกงวด แต่งวดนี้ไม่ซื้อ ดันออกซะได้”
ใช่แล้วครับ เพราะหวยทุกงวดนั้น เลขที่ออกมาจะเป็นเลขใกล้ตัว เลขซึ่งมองเห็นกันอยู่ทุกวัน ดังนั้น พอหวยออก คนก็จะนึกออก ว่าใช่เลขที่เขาเคยเห็น แต่ไม่ได้ซื้อเลขนั้น พอออกมาแล้วจึงเกิดความเสียดาย
“นึกแล้ว ต้องเป็นทะเบียนรถนายก”
นี่ก็ได้ยินบ่อย เพราะเลขใกล้ตัวอย่างว่านั่นแหละ และอาจารย์ใบ้หวยบ้านเราก็มีมากมายหลายคน คนหนึ่งก็ให้มาสิบกว่าชุดยาวเป็นหางว่าว ทะเบียนรถคนดังมีเป็นร้อยคน มันก็ต้องออกตรง ๆ มีคนถูกมั่งละน่า แล้วเป็นเรื่องแปลกนะครับ คนโดนกินมักจะบ่นกันอยู่ในวงแคบ ๆ ข่าวคนถูกหวยรับประทานจึงไม่ค่อยครึกโครมเหมือนข่าวคนถูกหวย ซึ่งประโคมกันไปหลายช่องทาง ยิ่งบ้านไหนบนไว้ว่าถูกหวยแล้วจะแก้ผ้ารำถวาย บ้านนั้นนักข่าวรีบไปกางมุ้งรอล่วงหน้าตั้งแต่หวยออกใหม่ ๆ จนคนบนต้องเลี่ยงไปแก้บนเวลาปลอดคนแทน เลยไม่มีช่องไหนได้ถ่ายทอดสดออกมาให้ดู
อีกอย่างหนึ่งคือ ทะเบียนรถของตัวเอง เลขนี้เป็นอะไรที่แกล้งเจ้าของรถได้ทุกงวดไป ตามมาสิบกว่างวด พองวดไหนไม่เล่นเลขนี้ มีอันต้องออกตรง ๆ ให้เจ็บใจได้ทุกที
“โธ่เว้ย ขี่อยู่ทุกวันแท้ ๆ เคยซื้อทุกงวด พอหยุดปุ๊บออกเลย”
นี่ก็เป็นเสียงบ่นของเจ้าของเลขทะเบียนที่ตรงกับหวยงวดนั้นพอดี แต่ผมลองคิดดูแล้ว เลขทะเบียนนี้น่าจะมีซ้ำกันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคัน ดังนั้นพอหวยออก คนถูก ก็ออกมาโฆษณาเหมือนอย่างเคย สร้างความเจ็บใจและเสียดายให้กับคนที่ไม่ได้ซื้อ แต่
“ขี่อยู่ทุกวัน” กันไป
อายุ ก็เป็นหนึ่งในปริศนาคาใจเซียนหวยทั่วประเทศมาหลายสิบปี เพราะคนรอบข้างซึ่งทั้งดังและไม่ดัง ทั้งมีชื่อเสียงมากและมีชื่อเสียงปานกลาง ต่างโดนเซียนหวยจ้องเอาอายุไปเป็นเลขเด็ดกันเป็นประจำ โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงตามวัด หรือตามสำนักต่าง ๆ ถ้าก่อนหวยออกสักสองสามวัน ท่านออกมาพูดหรือออกมาทำกิจกรรมการกุศลอะไรบางอย่าง งวดนั้นอายุของท่านจะเป็นเป้าหมายของเซียนหวยทั้งจังหวัด รวมทั้งทะเบียนรถท่าน วันเกิด ปีเกิด เวลาเริ่มพิธี แม้กระทั้งประโยคสนทนาของท่านยังสามารถนำมาถอดรหัสจากปริศนาในวาจานั้น เพื่อแก้สมการออกมาเป็นเลขสองหลัก หรือสามหลักตามสูตรของใครก็ของใคร เล่นเอาบางครั้งเจ้ามือถึงกับต้องอั้นไม่รับแทงกันเลยทีเดียว
และแล้ว พอหลังหวยออกตอนสี่โมงเย็นของงวดนั้น เสียงฮือฮาก็ดังประสานกันอย่างเคย
“แหม่มเอ๊ย ไปออกอายุประธานฝ่ายฆราวาสซะได้ ว่าแล้ว ผู้ว่าออกงานไหน หวยออกอายุท่านทุกที”
อีกอย่างหนึ่ง ที่เซียนหวยทั่วไปมักประสบพบกับตัวเองมาคนละหลาย ๆ ครั้ง คือ
“ตัดตัวถูกออก” เรื่องนี้เป็นธรรมดาของเจ้ามือที่รู้กำลังลูกค้าของตัวเอง ว่าสามารถจ่ายได้เท่าไรต่องวด ไม่ว่าลูกค้าเงินสด หรืองวดชนงวด การจ่ายงวดชนงวดคือแทงไปก่อนยังไม่ต้องจ่าย เอาไว้พองวดใหม่ค่อยจ่ายของเก่า แล้วค่อยเซ็นของใหม่ต่อไป ทีนี้คนเราคบกันมานานก็ต้องรู้ว่าคนซื้อสามารถแทงได้หลักหมื่น หลักพัน หรือหลักร้อย ไอ้คนซื้อหวยได้ทีละหมื่นนั้นไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกหรอก จะมีก็มีทีเดียว ติดไว้ห้าหกหมื่นแล้วหนีไปเลย แต่เรื่องจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นกับคนที่แทงหลักร้อยทั่วไป ดังนั้น ถ้าเกินห้าหกร้อยเจ้ามือจะเบรกไว้ว่าให้แทงแค่พองาม เพราะกลัวจ่ายไม่ไหวนั่นเอง
คุณลูกค้าจะทำไงดีทีนี้ จดไว้ยาวเหยียดจะตัดตัวไหนออกก็เสียดาย เลขแม่น้ำน้อยเก้าชุด เลขไอ้ขลุ่ยเก้าชุด เจ้าแม่ตะเคียนคู่เก้าชุด เมื่อคืนฝันเห็นพ่อกับแม่มาหาอีก เอาขนมมาให้เป็นหอบเลย เล่นอายุพ่อ อายุแม่ วันเกิดวันตาย วันที่เกิด วันที่ตาย พ.ศ. เกิดไปอีกเก้าชุด ขนาดลดเหลือตัวละสิบคูณสิบยังเกินงบ เลยต้องตัดใจ หลับหูหลับตาจิ้มมั่ว ๆ ตัดออกไปสองชุด และพอหวยออก ก็เป็นอย่างที่ทุกท่านเดาละครับ เดาถูกเผงเลย
“แหม่มเอ๊ย ตัดตัวไหนไม่ตัด ไปตัดปีเกิดพ่อ ออกสามตัวตรง ๆ เลย แหม่มเอ๊ย”
นั่นคือลักษณะของเซียนหวยทั่วไปที่เราจะเห็นได้รอบตัว ดังนั้นหลายท่านจึงชินกับคำพูด และอาการอกหักหลังหวยออกเหล่านั้นเป็นอย่างดี แต่ผมเคยเจอเซียนหวยคนหนึ่ง ซึ่งหายใจเข้าออกเป็นตัวเลขแทบทุกวินาที ชนิดลงรากฝังลึกเข้าไปในกระดูกเลยทีเดียว และเซียนหวยท่านนั้น มีสูตรตัวเลขแห่งจักรวาลอยู่ยี่สิบห้าสูตรด้วยกัน ซึ่งถ้าคำนวณตามสูตรแต่ละสูตรออกมา แล้วตัวเลขตรงกันเก้าสูตรขึ้นไป โอกาสที่จะได้เงินจากเจ้ามือมีร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม นี่เป็นคำบอกเล่าของท่านผู้นั้น ผมจะขอใช้ชื่อสมมุติเพื่อเรียกแทนตัวแกว่า
“ตาพิน”
ตาพินอายุประมาณหกสิบปลาย ๆ บ้านแกอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่ง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณสามสิบกิโล เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวอยู่ตรงข้ามวัดประจำหมู่บ้าน มีถนนดินไม่กว้างนักกั้นกลาง หน้าบ้านตาพินกว้างสักสองห้องเห็นจะได้ แต่ตัวบ้านลึกเข้าไปพอสมควร จึงเหมาะกับการเปิดเป็นร้านของชำ เพราะเรียงของสารพัดเข้าไปได้ยาว ส่วนด้านหน้าก็ขายก๋วยเตี๋ยว โดยเมียแกเป็นหลักในการขายทั้งสองอย่าง ส่วนตัวตาพินเองมีหน้าที่เก็บกวาดจัดร้านและล้างถ้วยจาน ดังนั้น เวลาของแกจึงมีอย่างเหลือเฟือ
ตัวเลขสองหลักและสามหลัก เริ่มซึมเข้าเส้นเลือดของตาพินตั้งแต่เมื่อไรผมไม่รู้ รู้แค่ว่าเวลาไปส่งของที่ร้านจะเห็นแกถือชอล์กที่ครูใช้เขียนกระดานดำไว้ตลอดเวลา แล้วก็เขียน ๆ ลบ ๆ ตรงใกล้ ๆ บริเวณที่แกนั่ง อะไรก็ได้ขอให้ชอล์กเขียนติด ตาพินเขียนได้หมด บนโต๊ะ บนม้านั่งยาว ข้างฝาบ้าน แผ่นป้ายโฆษณาน้ำอัดลมที่ติดไว้ข้างฝา ตามเสาไม้กลม ๆ ที่ตั้งค้ำหลังคาเป็นระยะก็มีรอยชอล์กขาวโพลนเลอะเต็มไปหมด ผมได้แต่มองหลายครั้ง ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับใครแถวนั้นในเรื่องนี้ เพราะไปถึงที่ร้านทีไร ลูกค้ากำลังชุลมุนทุกที
เลยรู้เท่าที่สายตามองเห็นว่า ที่ตาพินเขียน ๆ ลบ ๆ แต่ละครั้งนั้น มันเป็นตัวเลขนับสิบตัว.....
( มีต่อครับ )
.....เรื่องสั้น........ เรื่อง.......ตาพิน เซียนหวย........@@ โดย ลุงแผน
........ ( ตาพิน เซียนหวย ) ........
........สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้ผมจะมาชวนท่านคุยกันเรื่องเบา ๆ สักเรื่อง ที่ว่าเบาก็เพราะเลยวันหวยออกไปหลายวันแล้ว หลายท่านอาการอกหักคงบรรเทาไปมาก แต่ถ้าคุยกันในระยะวันสองวันหลังหวยออก เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องหนักไปทันที
ถ้าจะถามว่าผมรู้เรื่องนี้ดีแค่ไหนถึงมาชวนคุย ผมก็จะบอกว่าครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปี 37 – 38 ผมเคยเล่นหวยอย่างหนักเหมือนกัน หนักขนาดที่ว่าทำสูตรเอง คิดเลขเอง แล้วไปซื้อใต้ดิน งวดหนึ่งหมดเงินไปสามถึงสี่พันบาท สมัยนั้นนับว่าเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว
ที่ผมเลิกเล่นหวยได้ มาเกือบสามสิบปี มีสาเหตุหลัก คือ ตกงาน ต้องระเหเร่ร่อนย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดหลายแห่งด้วยกัน เลยไม่มีเงินและไม่มีโอกาสเล่น นั่นเป็นเหตุผลแรก เหตุผลต่อมาคือ ผมทำใจได้โดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าหมดวาระกรรม หรืออะไรก็ยากจะเดา แต่ตอนก่อนเลิก สามสี่งวดสุดท้ายผมโดนหวยกินติดต่อกันจนหาเงินใช้หนี้เขาไม่ทัน ซึ่งก่อนหน้านั้นผมถูกงวดเว้นงวดมาตลอด บางครั้งถูกสองงวดติดกันก็ยังเคย ขณะกำลังลังเลว่าจะเลิกหรือจะเล่นต่อดี ก็มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันหวยออกกลางเดือน
ผมไปทำงานขับรถส่งของตามปกติในตอนเช้า และแวะซื้อกับข้าวตรงรถเข็นข้างทางตอนขากลับประมาณแปดโมงครึ่ง ตอนนั้นคนรุมซื้อกับข้าวกันสิบกว่าคนเพราะเป็นเวลาหากับข้าวกันพอดี หลายคนคุ้นกันกับผม เพราะเจอกันบ่อยเนื่องจากผมมาส่งของแถวนี้และแวะซื้อกับข้าวร้านนี้ทุกเช้าเป็นประจำ ป้าคนหนึ่งแกเห็นผมแกก็ถามดัง ๆ ออกมาอย่างคุ้นเคย
“งวดนี้เล่นอะไรเล่าอาจารย์”
บางคนเรียกผมอาจารย์เป็นการหยอกล้อกัน ในฐานะที่ผมถูกหวยบ่อยจนชาวบ้านแถวนี้เอาไปลือ
“เก้าสามป้า”
ผมตอบไปตามความจริง เพราะงวดนั้นผมเล่นสองตัวสามตัวติดเก้าสามไว้ทุกหาง เรียกว่าถึงออกมาเก้าศูนย์สามผมก็ยังถูก เพราะดักไว้ทุกทาง คิดแล้วเล่นตัวละห้าสิบคูณห้าสิบรวม ๆ ได้สี่พันพอดี
ตอนบ่ายสี่หลังหวยออก มันออก เก้าสอง ทั้งบนทั้งล่าง แต่สามตัวบน อีกตัวผมจำไม่ได้แล้ว จำได้แต่สองตัวท้าย เก้าสอง ผมตัวเบาหวิวเลย หนี้เก่าเก้าพันกว่า หนี้ใหม่อีกสี่พัน วันนั้นกินข้าวเย็นแทบไม่ลง คอมันแห้งไปหมด แถมพอนึกถึงตอนเช้ายังต้องโดนโห่อีก เพราะบอกเลขให้คนโดนกินไปอีกสิบกว่าคน เลยทำให้นอนกระสับกระส่ายทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมไปส่งของตามปกติ แต่ไม่ค่อยพูดค่อยคุยกับใครเพราะใจคอไม่ค่อยดี เงินใช้หนี้ก็ยังหาไม่ได้ ไหนตอนซื้อกับข้าวยังต้องโดนแซวอีก ตอนแวะร้านแกงผมเลยลงรถและเดินเข้าไปอย่างเนือย ๆ
“อาจารย์ เฮ้ยพวกเรา อาจารย์มาแล้ว”
พอได้ยินเสียงป้าคนเมื่อวานผมหน้าซีดเลย นึกหาคำแก้ตัวให้วุ่นไปหมด กะว่าวันนี้โดนแค่ไหนก็ต้องยอม เพราะยังไงต้องมาแถวนี้ทุกวันอยู่ดี ผ่านไปอึดใจคนนู้นก็เดินมาหา คนนี้ก็เดินมาหา หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ในมือมีถุงแกง ถุงขนม อะไรต่ออะไรหิ้วมาคนละถุงสองถุง แล้วก็ส่งให้ผม ผมงงจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าป้า ๆ ไปมา จนป้าคนเดิมพูดขึ้นผมเลยเข้าใจ
“แหม่ แน่นอนจริง ๆ อาจารย์เรา บอกเก้าสองออกเก้าสองตรง ๆ งวดหน้าขออีกนะ”
สรุปว่าวันนั้นผมไม่ต้องซื้อกับข้าวกิน เพราะป้าคนขายแกงก็พลอยถูกกับเขาได้ไปหลายพัน ผมนึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าคนสิบกว่าคน ฟังเลขสาม เป็นเลขสอง เหมือนกันหมดได้ยังไง และตัดสินใจเลิกเล่นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เพราะเข้าใจถึงคำว่า “ดวงใครดวงมัน” ขึ้นมาทันที
หลังจากตัดใจเลิกเล่นหวยเด็ดขาดแล้ว ผมก็ยังพูดคุยกับป้า ๆ ที่ยังเล่นอยู่ตามปกติ แต่เวลาแกถามเลขเด็ดมาผมก็ตอบเลี่ยง ๆ ไป จนหลาย ๆ งวดเข้าแกก็เลิกถามเพราะรู้ว่าผมไม่เล่นแล้วจริง ๆ ได้แต่ฟัง และมองอาการของคนถูกหวยกินหลังสี่โมงเย็นของทุกครึ่งเดือน จึงเห็นว่า คำพูดของแต่ละคน แต่ละสถานที่นั้น ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะคำที่ว่า
“นั่นไง ข้าว่าแล้ว ตามทุกงวด แต่งวดนี้ไม่ซื้อ ดันออกซะได้”
ใช่แล้วครับ เพราะหวยทุกงวดนั้น เลขที่ออกมาจะเป็นเลขใกล้ตัว เลขซึ่งมองเห็นกันอยู่ทุกวัน ดังนั้น พอหวยออก คนก็จะนึกออก ว่าใช่เลขที่เขาเคยเห็น แต่ไม่ได้ซื้อเลขนั้น พอออกมาแล้วจึงเกิดความเสียดาย
“นึกแล้ว ต้องเป็นทะเบียนรถนายก”
นี่ก็ได้ยินบ่อย เพราะเลขใกล้ตัวอย่างว่านั่นแหละ และอาจารย์ใบ้หวยบ้านเราก็มีมากมายหลายคน คนหนึ่งก็ให้มาสิบกว่าชุดยาวเป็นหางว่าว ทะเบียนรถคนดังมีเป็นร้อยคน มันก็ต้องออกตรง ๆ มีคนถูกมั่งละน่า แล้วเป็นเรื่องแปลกนะครับ คนโดนกินมักจะบ่นกันอยู่ในวงแคบ ๆ ข่าวคนถูกหวยรับประทานจึงไม่ค่อยครึกโครมเหมือนข่าวคนถูกหวย ซึ่งประโคมกันไปหลายช่องทาง ยิ่งบ้านไหนบนไว้ว่าถูกหวยแล้วจะแก้ผ้ารำถวาย บ้านนั้นนักข่าวรีบไปกางมุ้งรอล่วงหน้าตั้งแต่หวยออกใหม่ ๆ จนคนบนต้องเลี่ยงไปแก้บนเวลาปลอดคนแทน เลยไม่มีช่องไหนได้ถ่ายทอดสดออกมาให้ดู
อีกอย่างหนึ่งคือ ทะเบียนรถของตัวเอง เลขนี้เป็นอะไรที่แกล้งเจ้าของรถได้ทุกงวดไป ตามมาสิบกว่างวด พองวดไหนไม่เล่นเลขนี้ มีอันต้องออกตรง ๆ ให้เจ็บใจได้ทุกที
“โธ่เว้ย ขี่อยู่ทุกวันแท้ ๆ เคยซื้อทุกงวด พอหยุดปุ๊บออกเลย”
นี่ก็เป็นเสียงบ่นของเจ้าของเลขทะเบียนที่ตรงกับหวยงวดนั้นพอดี แต่ผมลองคิดดูแล้ว เลขทะเบียนนี้น่าจะมีซ้ำกันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคัน ดังนั้นพอหวยออก คนถูก ก็ออกมาโฆษณาเหมือนอย่างเคย สร้างความเจ็บใจและเสียดายให้กับคนที่ไม่ได้ซื้อ แต่ “ขี่อยู่ทุกวัน” กันไป
อายุ ก็เป็นหนึ่งในปริศนาคาใจเซียนหวยทั่วประเทศมาหลายสิบปี เพราะคนรอบข้างซึ่งทั้งดังและไม่ดัง ทั้งมีชื่อเสียงมากและมีชื่อเสียงปานกลาง ต่างโดนเซียนหวยจ้องเอาอายุไปเป็นเลขเด็ดกันเป็นประจำ โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงตามวัด หรือตามสำนักต่าง ๆ ถ้าก่อนหวยออกสักสองสามวัน ท่านออกมาพูดหรือออกมาทำกิจกรรมการกุศลอะไรบางอย่าง งวดนั้นอายุของท่านจะเป็นเป้าหมายของเซียนหวยทั้งจังหวัด รวมทั้งทะเบียนรถท่าน วันเกิด ปีเกิด เวลาเริ่มพิธี แม้กระทั้งประโยคสนทนาของท่านยังสามารถนำมาถอดรหัสจากปริศนาในวาจานั้น เพื่อแก้สมการออกมาเป็นเลขสองหลัก หรือสามหลักตามสูตรของใครก็ของใคร เล่นเอาบางครั้งเจ้ามือถึงกับต้องอั้นไม่รับแทงกันเลยทีเดียว
และแล้ว พอหลังหวยออกตอนสี่โมงเย็นของงวดนั้น เสียงฮือฮาก็ดังประสานกันอย่างเคย
“แหม่มเอ๊ย ไปออกอายุประธานฝ่ายฆราวาสซะได้ ว่าแล้ว ผู้ว่าออกงานไหน หวยออกอายุท่านทุกที”
อีกอย่างหนึ่ง ที่เซียนหวยทั่วไปมักประสบพบกับตัวเองมาคนละหลาย ๆ ครั้ง คือ “ตัดตัวถูกออก” เรื่องนี้เป็นธรรมดาของเจ้ามือที่รู้กำลังลูกค้าของตัวเอง ว่าสามารถจ่ายได้เท่าไรต่องวด ไม่ว่าลูกค้าเงินสด หรืองวดชนงวด การจ่ายงวดชนงวดคือแทงไปก่อนยังไม่ต้องจ่าย เอาไว้พองวดใหม่ค่อยจ่ายของเก่า แล้วค่อยเซ็นของใหม่ต่อไป ทีนี้คนเราคบกันมานานก็ต้องรู้ว่าคนซื้อสามารถแทงได้หลักหมื่น หลักพัน หรือหลักร้อย ไอ้คนซื้อหวยได้ทีละหมื่นนั้นไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกหรอก จะมีก็มีทีเดียว ติดไว้ห้าหกหมื่นแล้วหนีไปเลย แต่เรื่องจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นกับคนที่แทงหลักร้อยทั่วไป ดังนั้น ถ้าเกินห้าหกร้อยเจ้ามือจะเบรกไว้ว่าให้แทงแค่พองาม เพราะกลัวจ่ายไม่ไหวนั่นเอง
คุณลูกค้าจะทำไงดีทีนี้ จดไว้ยาวเหยียดจะตัดตัวไหนออกก็เสียดาย เลขแม่น้ำน้อยเก้าชุด เลขไอ้ขลุ่ยเก้าชุด เจ้าแม่ตะเคียนคู่เก้าชุด เมื่อคืนฝันเห็นพ่อกับแม่มาหาอีก เอาขนมมาให้เป็นหอบเลย เล่นอายุพ่อ อายุแม่ วันเกิดวันตาย วันที่เกิด วันที่ตาย พ.ศ. เกิดไปอีกเก้าชุด ขนาดลดเหลือตัวละสิบคูณสิบยังเกินงบ เลยต้องตัดใจ หลับหูหลับตาจิ้มมั่ว ๆ ตัดออกไปสองชุด และพอหวยออก ก็เป็นอย่างที่ทุกท่านเดาละครับ เดาถูกเผงเลย
“แหม่มเอ๊ย ตัดตัวไหนไม่ตัด ไปตัดปีเกิดพ่อ ออกสามตัวตรง ๆ เลย แหม่มเอ๊ย”
นั่นคือลักษณะของเซียนหวยทั่วไปที่เราจะเห็นได้รอบตัว ดังนั้นหลายท่านจึงชินกับคำพูด และอาการอกหักหลังหวยออกเหล่านั้นเป็นอย่างดี แต่ผมเคยเจอเซียนหวยคนหนึ่ง ซึ่งหายใจเข้าออกเป็นตัวเลขแทบทุกวินาที ชนิดลงรากฝังลึกเข้าไปในกระดูกเลยทีเดียว และเซียนหวยท่านนั้น มีสูตรตัวเลขแห่งจักรวาลอยู่ยี่สิบห้าสูตรด้วยกัน ซึ่งถ้าคำนวณตามสูตรแต่ละสูตรออกมา แล้วตัวเลขตรงกันเก้าสูตรขึ้นไป โอกาสที่จะได้เงินจากเจ้ามือมีร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม นี่เป็นคำบอกเล่าของท่านผู้นั้น ผมจะขอใช้ชื่อสมมุติเพื่อเรียกแทนตัวแกว่า “ตาพิน”
ตาพินอายุประมาณหกสิบปลาย ๆ บ้านแกอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่ง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณสามสิบกิโล เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวอยู่ตรงข้ามวัดประจำหมู่บ้าน มีถนนดินไม่กว้างนักกั้นกลาง หน้าบ้านตาพินกว้างสักสองห้องเห็นจะได้ แต่ตัวบ้านลึกเข้าไปพอสมควร จึงเหมาะกับการเปิดเป็นร้านของชำ เพราะเรียงของสารพัดเข้าไปได้ยาว ส่วนด้านหน้าก็ขายก๋วยเตี๋ยว โดยเมียแกเป็นหลักในการขายทั้งสองอย่าง ส่วนตัวตาพินเองมีหน้าที่เก็บกวาดจัดร้านและล้างถ้วยจาน ดังนั้น เวลาของแกจึงมีอย่างเหลือเฟือ
ตัวเลขสองหลักและสามหลัก เริ่มซึมเข้าเส้นเลือดของตาพินตั้งแต่เมื่อไรผมไม่รู้ รู้แค่ว่าเวลาไปส่งของที่ร้านจะเห็นแกถือชอล์กที่ครูใช้เขียนกระดานดำไว้ตลอดเวลา แล้วก็เขียน ๆ ลบ ๆ ตรงใกล้ ๆ บริเวณที่แกนั่ง อะไรก็ได้ขอให้ชอล์กเขียนติด ตาพินเขียนได้หมด บนโต๊ะ บนม้านั่งยาว ข้างฝาบ้าน แผ่นป้ายโฆษณาน้ำอัดลมที่ติดไว้ข้างฝา ตามเสาไม้กลม ๆ ที่ตั้งค้ำหลังคาเป็นระยะก็มีรอยชอล์กขาวโพลนเลอะเต็มไปหมด ผมได้แต่มองหลายครั้ง ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับใครแถวนั้นในเรื่องนี้ เพราะไปถึงที่ร้านทีไร ลูกค้ากำลังชุลมุนทุกที เลยรู้เท่าที่สายตามองเห็นว่า ที่ตาพินเขียน ๆ ลบ ๆ แต่ละครั้งนั้น มันเป็นตัวเลขนับสิบตัว.....
( มีต่อครับ )