หาเงินออนไลน์ที่ไหนดี ระหว่าง Tiktok YouTube Facebook⁉️
Social Platform ทั้ง 3 ต่อไปนี้ (Facebook / Tiktok / YouTube)
ซึ่งทุกคนน่าจะรู้จักกันดี ต่างมีข้อดี ข้อเสีย ในการสร้างรายได้ที่แตกต่างกัน
แล้วแบบไหนกันนะ ที่จะเหมาะกับเราที่สุดและรวยเร็วที่สุด❓❓
💵ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ คืออะไร ถ้าหากเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่าย ๆ นั่นก็คือ "ตลาด" ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ซื้อกับผู้ขายมาเจอกัน และได้เคลื่อนย้ายมาทำการซื้อขายหรือทำธุรกิจบนออนไลน์ โดยที่แพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ล้วนออกแบบมาเพื่อเป็นตัวกลางระหว่างผู้ที่ต้องการซื้อ และ ผู้ที่ต้องการกระจายสินค้าหรือบริการต่างๆ คุณรู้หรือไม่ว่า การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ กลายเป็น New Normal หรือชีวิตปกติแนวใหม่ของผู้คนเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าประเภทใด ก็สามารถใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการให้มาส่งที่หน้าบ้านได้ง่าย ๆ รวมไปถึงการโฆษณาให้กลุ่มลูกค้ารับรู้ถึงการทำธุรกิจของผู้ประกอบการได้อย่างกว้างขวางอีกด้วย
👍จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลาย ๆ คน หันมาทำธุรกิจโดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่คนทั่วไปสามารถเริ่มทำกันได้เลย โดยแทบไม่ต้องลงทุนหากคุณไม่มีปัจจัยด้านการเงินมากพอ
👉ซึ่งวันนี้ผมจึงอยากมาแก้ข้อสงสัยให้กับผู้ประกอบการที่สนใจอยากจะทำธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง
Tiktok, YouTube, Facebook เพื่อนำไปประกอบพิจารณาว่าแพลตฟอร์มใดที่เหมาะกับคุณมากที่สุด โดยผมจะทำข้อเปรียบเทียบให้คุณเข้าใจได้ง่าย ๆ ดังนี้
เครดิตภาพจาก
https://marketeeronline.co/archives/166657
✅แพลตฟอร์มที่1 Tiktok : ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์น้องใหม่ที่กำลังมาแรง เป็นแอปพลิเคชั่นที่เป็นบริการเครือข่ายสังคมสัญชาติจีน และเป็นบริการประเภทไมโครบล็อกกิ้ง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาคอนเทนต์เป็นวิดีโอสั้น ๆ
👀การมองเห็นของผู้ที่ยังไม่ได้ติดตามแบบออร์แกนิก : ระบบจะแนะนำ เช่นว่า คุณโพสต์วิดีโอลงไปเรียบร้อยแล้ว ทาง Tiktok จะเป็นคนช่วยโปรโมทหรือส่งต่อให้คนอื่น ๆ ได้เห็นคลิปของคุณ เพื่อเป็นการวัดอัลกอริทึม ขั้นตอนหรือลำดับการประมวลผลว่ามีคนดูคลิปของคุณมากน้อยแค่ไหน ดูซ้ำหรือไม่หรือเห็นแล้วกดผ่าน ถ้าหากมีคนดูคลิปคุณน้อยลง Tiktok ก็จะค่อย ๆ ลดการแนะนำคลิปของคุณนั่นเอง
👁️👁️การมองเห็นของผู้ที่ยังติดตามแล้วแบบออร์แกนิก : เท่าที่ผมได้สังเกตมา เมื่อไหร่ที่เราโพสต์คลิปวีดีโอทาง Tiktok คนที่ติดตามเรามักจะได้รับการแจ้งเตือนจึงทำให้เกิดการมองเห็นได้ใน ระดับมาก แต่อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเราไม่รู้ว่า คนที่ติดตามเขาคุณจะหยุดดูวิดีโอของคุณในขณะนั้นเลยหรือไม่
💵รายได้จากแพลตฟอร์ม : ไม่มีรายได้ที่ขัดเจนอาจจะต้องรอไปอีกสักระยะ
รายได้อื่นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม : ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม
🌟ข้อดี : ทำคอนเทนต์ง่ายและเพิ่มผู้ติดตามได้ง่ายกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ
⭕ข้อเสีย : ต้องหาสินค้าและบริการเพื่อหารายได้เอง
✅✅แพลตฟอร์มที่2 YouTube : เนื้อหาของ YouTube ประกอบด้วย คลิปวิดีโอ ที่ให้บริการรับชมกันผ่านหน้าเว็บไซต์แบบฟรี ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยคลิปวิดีโอส่วนใหญ่จะมาจากทางบ้าน หรือใคร ๆ ที่ต้องการโชว์ความสามารถต่าง ๆ ของตนเองก็สามารถอัพโหลดไฟล์วิดีโอขึ้นสู่หน้าเว็บได้เลย ซึ่งปัจจุบันเปรียบได้เหมือนทีวีที่มีความหลากหลาย
👀การมองเห็นของผู้ที่ยังไม่ได้ติดตามแบบออร์แกนิก : ส่วนยูทูปนั้นจะเป็นลักษณะการค้นหาระบบแนะนำคล้ายกับแฟลตฟอร์มออนไลน์ Tiktok แต่จะเน้นการค้นหาหรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องเสียมากกว่า เช่น คุณค้นหาคำว่า หาเงินออนไลน์ ไม่ว่าจะทาง Googgle หรือ YouTube ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะปรากฏให้คุณได้เลือก ซึ่งจะเรียงจากคนที่ค้นหามากไปจนถึงค้นหาน้อย
👁️👁️การมองเห็นของผู้ที่ยังติดตามแล้วแบบออร์แกนิก : ส่วนใหญ่แล้วถ้าคุณมีโอกาสได้ติดตามยูทูปเบอร์คนใดคนหนึ่ง เขามักจะย้ำเรื่องการ กดติดตาม หรือ subscribe เพื่อเวลาที่เขาหรือคุณลงคลิปใหม่ทาง YouTube ก็จะแจ้งเตือนให้คนที่ติดตามได้รู้ ส่วนถ้าหากใครที่ไม่ได้ติดตาม ทาง YouTube จะใช้หลักการสุ่มว่าคุณเคยเข้ามาดูช่องนี้มากน้อยแค่ไหน แต่จะไม่ใช่ทุกคลิป ฉะนั้น สำหรับผมแล้วการมองเห็นในการใช้ YouTube อาจอยู่ใน ระดับน้อย ถ้าหากคุณไม่มีคนติดตาม
💵รายได้จากแพลตฟอร์ม : ส่วนแบ่งค่าโฆษณาในคลิปแต่ละคลิป โดยทาง YouTube จะเป็นคนจัดการเรื่องโฆษณาคั่นเวลาให้เอง ซึ่งจะดูจากยอดวิวของคุณว่ามีคนดูมากน้อยแค่ไหน และรายได้ที่คุณจะได้ในส่วนแบ่งค่าโฆษณาคนที่ดูวีดีโอของคุณก็ต้องดูโฆษณาให้จบเช่นเดียวกัน
รายได้อื่นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม : ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม
🌟ข้อดี : สร้างรายได้จากโฆษณาพื้นฐานได้ง่าย
⭕ข้อเสีย : ทำคอนเทนต์ยากและเพิ่มผู้ติดตามยาก
✅✅✅แพลตฟอร์มที่3 Facebook : เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่คนรู้จักกันอย่างล้นหลาม สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสาร ไปตลอดจนทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ หรือบุคคลอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งประเด็นถามตอบในเรื่องที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ เขียนบทความหรือบล็อกเพจ ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้ว่าชอบทำคอนเทนต์แบบไหน
👀การมองเห็นของผู้ที่ยังไม่ได้ติดตามแบบออร์แกนิก : ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน Facebook จะทำกระบวนการคล้ายกับแพลตฟอร์มที่ได้กล่าวมา แต่ ณ เวลานี้ Facebook ได้ลดการมองเห็นสำหรับใครที่มีคอนเทนต์เข้าข่ายขายของ นอกจากว่าคอนเทนต์นั้นจะมีการกดไลค์และกดแชร์คนส่วนใหญ่มองเห็นคอนเทนต์คุณได้มากขึ้น
👁️👁️การมองเห็นของผู้ที่ยังติดตามแล้วแบบออร์แกนิก : ในบรรดาทั้งหมด Facebook ดูเหมือนว่าคนจะเข้าถึงได้มากที่สุด แต่ขั้นตอนในบางขั้นตอนไม่ได้ง่ายเสมอไป อาทิเช่น การกดติดตาม ถ้าหากคุณอยากจะให้กลุ่มลูกค้าได้เห็นคอนเทนต์ของคุณทุกครั้ง
‼️สิ่งที่คุณต้องทำ นั่นก็คือ แนะนำกลุ่มลูกค้าของคุณไปตั้งค่า และกดคำว่า การติดตาม แล้วต่อด้วย คำว่า รายการโปรด Facebook ถึงจะแจ้งเตือนให้คนที่ติดตามได้เห็นเป็นคนแรก ๆ ซึ่งบางครั้งหากเป็นคนสูงอายุหรือคนที่ไม่เก่งเทคโนโลยีก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก พอยุ่งยากก็ไม่ได้สนใจที่จะกดติดตาม จึงทำให้กลุ่มลูกค้าบางรายไม่ได้เห็นความเคลื่อนไหวของคุณ ซึ่งถ้าจะเห็นก็คงจะเห็นได้ใน ระดับน้อยถึงน้อยมาก นั่นเอง
💵รายได้จากแพลตฟอร์ม : ปกติแล้ว Facebook ก็จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากส่วนแบ่งค่าโฆษณาเฉพาะในส่วนของคอนเทนต์ที่มีคลิปวิดีโอนั้น ๆ
รายได้อื่นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม : ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม
🌟ข้อดี : สามารถทำคอนเทนต์ได้หลากหลายไม่จำเป็นต้องทำแค่สื่อวิดีโอ
⭕ข้อเสีย : เพิ่มผู้ติดตามยากและมีรายได้จากคลิปวิดีโอไม่มาก ต้องหาสินค้าหรือบริการเพื่อสร้างรายได้เอง
💡💡ดังนั้น การทำธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ในแต่ละรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Tiktok YouTube Facebook นั้น ย่อมมีความแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผมจะเรียงลำดับให้คุณดูว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ใดสามารถเล่นได้ง่ายมากที่สุด
👉นั่นก็คือ
1. Tiktok
2. YouTube
3. Facebook
แต่ความยากง่ายก็ต้องมาดูในส่วนของรูปแบบแพลตฟอร์มอีกที อย่างเช่น Tiktok และ YouTube ที่มีคอนเทนต์คล้าย ๆ กัน แต่ระยะความสั้นความยาวของคลิปไม่เหมือนกัน แต่ติ๊กต๊อกจะมีข้อดีอยู่ที่ว่า หากคอนเทนต์นั้น ๆ จะมีสาระหรือไม่มีสาระคนก็ชอบดูมากกว่า YouTube เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นคลิปที่มีระยะสั้น ก็อาจจะสรุปหรือมีเนื้อหาที่กระชับมากกว่านั่นเอง
💚💚เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการหาเงินออนไลน์ ระหว่าง Tiktok YouTube Facebook คุณสามารถเริ่มพิจารณาได้แล้วหรือไม่ ว่าแพลตฟอร์มไหนที่สามารถนำไปใช้ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์คุณได้บ้าง เพราะผมเชื่อว่าแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ สามารถที่จะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการทั้งหลายได้ไม่มากก็น้อย หรือคุณคิดว่าอย่างไร สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ 😊😊😊
===========
วรัทภพ รชตนามวงษ์
หาเงินออนไลน์ที่ไหนดี ระหว่าง Tiktok YouTube Facebook⁉️
Social Platform ทั้ง 3 ต่อไปนี้ (Facebook / Tiktok / YouTube)
ซึ่งทุกคนน่าจะรู้จักกันดี ต่างมีข้อดี ข้อเสีย ในการสร้างรายได้ที่แตกต่างกัน
แล้วแบบไหนกันนะ ที่จะเหมาะกับเราที่สุดและรวยเร็วที่สุด❓❓
💵ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ คืออะไร ถ้าหากเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่าย ๆ นั่นก็คือ "ตลาด" ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ซื้อกับผู้ขายมาเจอกัน และได้เคลื่อนย้ายมาทำการซื้อขายหรือทำธุรกิจบนออนไลน์ โดยที่แพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ล้วนออกแบบมาเพื่อเป็นตัวกลางระหว่างผู้ที่ต้องการซื้อ และ ผู้ที่ต้องการกระจายสินค้าหรือบริการต่างๆ คุณรู้หรือไม่ว่า การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ กลายเป็น New Normal หรือชีวิตปกติแนวใหม่ของผู้คนเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าประเภทใด ก็สามารถใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการให้มาส่งที่หน้าบ้านได้ง่าย ๆ รวมไปถึงการโฆษณาให้กลุ่มลูกค้ารับรู้ถึงการทำธุรกิจของผู้ประกอบการได้อย่างกว้างขวางอีกด้วย
👍จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลาย ๆ คน หันมาทำธุรกิจโดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่คนทั่วไปสามารถเริ่มทำกันได้เลย โดยแทบไม่ต้องลงทุนหากคุณไม่มีปัจจัยด้านการเงินมากพอ
👉ซึ่งวันนี้ผมจึงอยากมาแก้ข้อสงสัยให้กับผู้ประกอบการที่สนใจอยากจะทำธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง
Tiktok, YouTube, Facebook เพื่อนำไปประกอบพิจารณาว่าแพลตฟอร์มใดที่เหมาะกับคุณมากที่สุด โดยผมจะทำข้อเปรียบเทียบให้คุณเข้าใจได้ง่าย ๆ ดังนี้
เครดิตภาพจาก https://marketeeronline.co/archives/166657
✅แพลตฟอร์มที่1 Tiktok : ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์น้องใหม่ที่กำลังมาแรง เป็นแอปพลิเคชั่นที่เป็นบริการเครือข่ายสังคมสัญชาติจีน และเป็นบริการประเภทไมโครบล็อกกิ้ง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาคอนเทนต์เป็นวิดีโอสั้น ๆ
👀การมองเห็นของผู้ที่ยังไม่ได้ติดตามแบบออร์แกนิก : ระบบจะแนะนำ เช่นว่า คุณโพสต์วิดีโอลงไปเรียบร้อยแล้ว ทาง Tiktok จะเป็นคนช่วยโปรโมทหรือส่งต่อให้คนอื่น ๆ ได้เห็นคลิปของคุณ เพื่อเป็นการวัดอัลกอริทึม ขั้นตอนหรือลำดับการประมวลผลว่ามีคนดูคลิปของคุณมากน้อยแค่ไหน ดูซ้ำหรือไม่หรือเห็นแล้วกดผ่าน ถ้าหากมีคนดูคลิปคุณน้อยลง Tiktok ก็จะค่อย ๆ ลดการแนะนำคลิปของคุณนั่นเอง
👁️👁️การมองเห็นของผู้ที่ยังติดตามแล้วแบบออร์แกนิก : เท่าที่ผมได้สังเกตมา เมื่อไหร่ที่เราโพสต์คลิปวีดีโอทาง Tiktok คนที่ติดตามเรามักจะได้รับการแจ้งเตือนจึงทำให้เกิดการมองเห็นได้ใน ระดับมาก แต่อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเราไม่รู้ว่า คนที่ติดตามเขาคุณจะหยุดดูวิดีโอของคุณในขณะนั้นเลยหรือไม่
💵รายได้จากแพลตฟอร์ม : ไม่มีรายได้ที่ขัดเจนอาจจะต้องรอไปอีกสักระยะ
รายได้อื่นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม : ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม
🌟ข้อดี : ทำคอนเทนต์ง่ายและเพิ่มผู้ติดตามได้ง่ายกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ
⭕ข้อเสีย : ต้องหาสินค้าและบริการเพื่อหารายได้เอง
✅✅แพลตฟอร์มที่2 YouTube : เนื้อหาของ YouTube ประกอบด้วย คลิปวิดีโอ ที่ให้บริการรับชมกันผ่านหน้าเว็บไซต์แบบฟรี ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยคลิปวิดีโอส่วนใหญ่จะมาจากทางบ้าน หรือใคร ๆ ที่ต้องการโชว์ความสามารถต่าง ๆ ของตนเองก็สามารถอัพโหลดไฟล์วิดีโอขึ้นสู่หน้าเว็บได้เลย ซึ่งปัจจุบันเปรียบได้เหมือนทีวีที่มีความหลากหลาย
👀การมองเห็นของผู้ที่ยังไม่ได้ติดตามแบบออร์แกนิก : ส่วนยูทูปนั้นจะเป็นลักษณะการค้นหาระบบแนะนำคล้ายกับแฟลตฟอร์มออนไลน์ Tiktok แต่จะเน้นการค้นหาหรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องเสียมากกว่า เช่น คุณค้นหาคำว่า หาเงินออนไลน์ ไม่ว่าจะทาง Googgle หรือ YouTube ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะปรากฏให้คุณได้เลือก ซึ่งจะเรียงจากคนที่ค้นหามากไปจนถึงค้นหาน้อย
👁️👁️การมองเห็นของผู้ที่ยังติดตามแล้วแบบออร์แกนิก : ส่วนใหญ่แล้วถ้าคุณมีโอกาสได้ติดตามยูทูปเบอร์คนใดคนหนึ่ง เขามักจะย้ำเรื่องการ กดติดตาม หรือ subscribe เพื่อเวลาที่เขาหรือคุณลงคลิปใหม่ทาง YouTube ก็จะแจ้งเตือนให้คนที่ติดตามได้รู้ ส่วนถ้าหากใครที่ไม่ได้ติดตาม ทาง YouTube จะใช้หลักการสุ่มว่าคุณเคยเข้ามาดูช่องนี้มากน้อยแค่ไหน แต่จะไม่ใช่ทุกคลิป ฉะนั้น สำหรับผมแล้วการมองเห็นในการใช้ YouTube อาจอยู่ใน ระดับน้อย ถ้าหากคุณไม่มีคนติดตาม
💵รายได้จากแพลตฟอร์ม : ส่วนแบ่งค่าโฆษณาในคลิปแต่ละคลิป โดยทาง YouTube จะเป็นคนจัดการเรื่องโฆษณาคั่นเวลาให้เอง ซึ่งจะดูจากยอดวิวของคุณว่ามีคนดูมากน้อยแค่ไหน และรายได้ที่คุณจะได้ในส่วนแบ่งค่าโฆษณาคนที่ดูวีดีโอของคุณก็ต้องดูโฆษณาให้จบเช่นเดียวกัน
รายได้อื่นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม : ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม
🌟ข้อดี : สร้างรายได้จากโฆษณาพื้นฐานได้ง่าย
⭕ข้อเสีย : ทำคอนเทนต์ยากและเพิ่มผู้ติดตามยาก
✅✅✅แพลตฟอร์มที่3 Facebook : เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่คนรู้จักกันอย่างล้นหลาม สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสาร ไปตลอดจนทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ หรือบุคคลอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งประเด็นถามตอบในเรื่องที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ เขียนบทความหรือบล็อกเพจ ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้ว่าชอบทำคอนเทนต์แบบไหน
👀การมองเห็นของผู้ที่ยังไม่ได้ติดตามแบบออร์แกนิก : ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน Facebook จะทำกระบวนการคล้ายกับแพลตฟอร์มที่ได้กล่าวมา แต่ ณ เวลานี้ Facebook ได้ลดการมองเห็นสำหรับใครที่มีคอนเทนต์เข้าข่ายขายของ นอกจากว่าคอนเทนต์นั้นจะมีการกดไลค์และกดแชร์คนส่วนใหญ่มองเห็นคอนเทนต์คุณได้มากขึ้น
👁️👁️การมองเห็นของผู้ที่ยังติดตามแล้วแบบออร์แกนิก : ในบรรดาทั้งหมด Facebook ดูเหมือนว่าคนจะเข้าถึงได้มากที่สุด แต่ขั้นตอนในบางขั้นตอนไม่ได้ง่ายเสมอไป อาทิเช่น การกดติดตาม ถ้าหากคุณอยากจะให้กลุ่มลูกค้าได้เห็นคอนเทนต์ของคุณทุกครั้ง
‼️สิ่งที่คุณต้องทำ นั่นก็คือ แนะนำกลุ่มลูกค้าของคุณไปตั้งค่า และกดคำว่า การติดตาม แล้วต่อด้วย คำว่า รายการโปรด Facebook ถึงจะแจ้งเตือนให้คนที่ติดตามได้เห็นเป็นคนแรก ๆ ซึ่งบางครั้งหากเป็นคนสูงอายุหรือคนที่ไม่เก่งเทคโนโลยีก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก พอยุ่งยากก็ไม่ได้สนใจที่จะกดติดตาม จึงทำให้กลุ่มลูกค้าบางรายไม่ได้เห็นความเคลื่อนไหวของคุณ ซึ่งถ้าจะเห็นก็คงจะเห็นได้ใน ระดับน้อยถึงน้อยมาก นั่นเอง
💵รายได้จากแพลตฟอร์ม : ปกติแล้ว Facebook ก็จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากส่วนแบ่งค่าโฆษณาเฉพาะในส่วนของคอนเทนต์ที่มีคลิปวิดีโอนั้น ๆ
รายได้อื่นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม : ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม
🌟ข้อดี : สามารถทำคอนเทนต์ได้หลากหลายไม่จำเป็นต้องทำแค่สื่อวิดีโอ
⭕ข้อเสีย : เพิ่มผู้ติดตามยากและมีรายได้จากคลิปวิดีโอไม่มาก ต้องหาสินค้าหรือบริการเพื่อสร้างรายได้เอง
💡💡ดังนั้น การทำธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ในแต่ละรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Tiktok YouTube Facebook นั้น ย่อมมีความแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผมจะเรียงลำดับให้คุณดูว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ใดสามารถเล่นได้ง่ายมากที่สุด
👉นั่นก็คือ
1. Tiktok
2. YouTube
3. Facebook
แต่ความยากง่ายก็ต้องมาดูในส่วนของรูปแบบแพลตฟอร์มอีกที อย่างเช่น Tiktok และ YouTube ที่มีคอนเทนต์คล้าย ๆ กัน แต่ระยะความสั้นความยาวของคลิปไม่เหมือนกัน แต่ติ๊กต๊อกจะมีข้อดีอยู่ที่ว่า หากคอนเทนต์นั้น ๆ จะมีสาระหรือไม่มีสาระคนก็ชอบดูมากกว่า YouTube เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นคลิปที่มีระยะสั้น ก็อาจจะสรุปหรือมีเนื้อหาที่กระชับมากกว่านั่นเอง
💚💚เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการหาเงินออนไลน์ ระหว่าง Tiktok YouTube Facebook คุณสามารถเริ่มพิจารณาได้แล้วหรือไม่ ว่าแพลตฟอร์มไหนที่สามารถนำไปใช้ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์คุณได้บ้าง เพราะผมเชื่อว่าแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ สามารถที่จะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการทั้งหลายได้ไม่มากก็น้อย หรือคุณคิดว่าอย่างไร สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ 😊😊😊
===========
วรัทภพ รชตนามวงษ์