แม่แฟนคือมือที่สามที่แท้จริงใช่หรือเปล่า

ขออนุญาติปรึกษาค่ะ  คือเราอยากเลิกกับแฟนแต่เขาไม่ยอมปล่อยเราสักที  ปัญหาที่คิดว่าไม่อยากไปต่อประกอบด้วยสองส่วนคือพฤติกรรมของเขาตลอดเวลาที่คบกันทั้งปัญหาเรื่องผู้หญิง  อบายมุข เรื่องติดเพื่อนติดเที่ยวไม่กลับบ้าน  ไหนจะเรื่องครอบครัวของเขาอีกซึ่งอันหลังเราเหนื่อยที่จะสู้  ครอบครัวเขาไม่ชอบเราค่ะและแฟนของเราดันเป็นคนดีกับทุกคนเป็นคนที่รักครอบครัว ครอบครัวของเขาต้องมาก่อน  เขาจะเชื่อแม่เขาเสมอ  เวลามีเงินเขาก็จะรีบกลับบ้าน  หมดเงินเขาก็จะขึ้นมา 
เรากับแฟนคบกันมา 9 -10  ปีเขาเป็นตำรวจค่ะเราเริ่มคบกับเขาตอนที่เราเพิ่งจะเรียนจบใหม่ๆเรามาส่งเขาทำงานที่กรุงเทพฯและเมื่อเราเรียนจบเราก็ตัดสินใจขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯเพื่อหาลู่ทางในการประกอบอาชีพให้ได้มาอยู่ใกล้เขา ก่อนที่จะขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯเราเคยเจอครอบครัวแฟนประมาณ 2 ครั้งเรากับครอบครัวแฟนเป็นคนที่พาแฟนขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพฯพร้อมกันเรารู้สึกว่าแม่แฟนไม่ค่อยชอบเราตั้งแต่แรกเพราะว่าตอนนั้นเราอาจจะเป็นแค่นักศึกษาอยู่ก็ได้ หลังจากนั้นเราขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯเราก็โดนแม่แฟนพูดกับแฟนว่าระวังเสียเปรียบเรานะระวังเรามาเกาะกินนะนี่คืออีกคำพูดหนึ่งที่ทำให้เราฝังใจเสมอมา ลืมเกริ่นว่าว่าเราเป็นนักศึกษาครูตอนนั้นตอนที่แม่แฟนพูดแบบนี้เราสอบติดแล้วค่ะแต่รอเรียกบรรจุเราตัดสินใจไปทำงานที่โรงเรียนเอกชนแต่เนื่องจากแฟลตของแฟนและที่ทำงานอยู่ไกลกันมากเราใช้เวลาในการเดินทางไปทำงานวันนึงเกือบ 2 ชั่วโมงเดินทางกลับก็เช่นเดียวกัน + รถติดอีกเราทำงานได้แค่ 1 เดือนแล้วตัดสินใจลาออกเนื่องจากว่าไม่ไหวกับการเดินทางและก็บวกกับปัญหาสุขภาพแม่แฟนรู้แบบนี้เขาก็พูดกับลูกชายเขาว่าระวังเรามาเกาะกินนะระวังเราเอาเปรียบนะแต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ทางบ้านเราส่งเงินให้เราใช้ทุกเดือนถึงแม้จะไม่มากก็ตามเราก็เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจไม่เคยแสดงออกแต่นึกคิดว่าแฟนเรารู้ว่าเรารู้สึกไม่ดีกับคำพูดนี้เราก็พยายามที่จะทำดีกับครอบครัวแฟนตลอดเลยนะคะทุกสิ้นเดือนเราก็จะซื้อของขนมนมเนยส่งไปที่บ้านแฟนให้พ่อให้แม่ให้หลานของแฟนซื้ออุปกรณ์การเรียนส่งไปให้หลานแฟนคอยโทรถามข่าวเป็นระยะๆโทรหาทุกเทศกาลสำคัญวันปีใหม่วันพ่อวันแม่วันเกิดคนนั้นคนนี้เราก็พยายามโทรไป จุดเปลี่ยนและหลายอย่างมีอยู่ว่าด้วยความที่แฟนเราทำงานเป็นตำรวจสังคมของตำรวจหลายๆคนก็น่าจะรู้บ้างแฟนเราค่อนข้างเจ้าชู้ค่ะตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันกับเขาที่แฟลตก็มีเรื่องให้ปวดหัวให้เสียใจตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิงเรื่องกินเรื่องดื่มแล้วก็ไม่รู้จะกลับห้องแล้วตัดสินใจโทรปรึกษาแม่ของแฟนเรื่องการที่แฟนกินเหล้าไม่รู้จะกลับบ้านยังเขาออกมาห้องตั้งแต่ช่วงเที่ยงเขาจะกลับห้องมาเช้าอีกวันหรือบางวันหายไปเลยเราทนค่ะเพราะเรารัก  ครอบครัวเราก็รับรู้แต่ไม่เคยพูดอะไรเขาอาจจะให้เราเป็นคนตัดสินใจเอง แต่ทุกครั้งที่เราโทรปรึกษาแม่แฟนเขาก็จะทำเสียงเหมือนไม่พอใจและเขาก็ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของลูกชายเขาเขาจะมองว่าเราเองที่เป็นคนผิดเขาก็จะบอกว่าเคยบอกแล้วว่าอย่าโทรหาตอนที่เขาเมา และก็มีหลายๆเหตุการณ์ที่แม่แฟนด่าว่าเราขึ้นกูขึ้นหาว่าเรางี่เง่าเอาแต่ใจแล้วเขาก็ไม่เคยโทษลูกชายเขาเลยหลังจากนั้นเราก็เริ่มเว้นระยะห่างจากครอบครัวของแฟนค่ะเราไม่ค่อยคุยเหมือนแต่ก่อนไม่ค่อยโทรถามข่าวเหมือนแต่ก่อนแต่เราจะอาศัยการโทรไปตามเทศกาลสำคัญเช่นวันพ่อวันแม่แล้วก็ของก็มีส่งไปให้บ้างตามโอกาสอย่างหลานสาวเขาอยากได้เสื้อผ้ากางเกงยีนส์เราก็ส่งไปให้เกริ่นมาเยอะเชียวค่ะแต่สิ่งที่ต้องการปรึกษาคือตลอดระยะเวลาที่เราอยู่กับแฟนรายจ่ายภายในครอบครัวแทบจะ 80 %เราต้องเป็นคนออกเขาไม่ได้เป็นคน support เรานะคะตรงกันข้ามเราต่างหากที่เป็นคนคอย support เขา กับข้าวข้าวของเครื่องใช้ครีมผงซักผ้ายาสีฟันน้ำยาล้างจานทุกอย่างแทบจะเป็นเรา แฟนไม่เคยถามเราเลยว่าจะซื้อของอะไรเข้าห้องไหมเนี่ยตังค์ช่วยกันไม่เคยมีอะไรค่ะ เราพักอาศัยอยู่ที่แฟลตของแฟนซึ่งเป็นแฟลตส่วนกลางเราอาจจะไม่ได้เสียค่าห้องแต่เราต้องเสียค่าน้ำแล้วก็ค่าไฟ OK อันนี้ยอมรับว่าแฟนเป็นคนจ่ายค่าน้ำเนื่องจากว่าค่าน้ำเนี่ยเขาจะหักจากบัญชีเงินเดือนแต่ค่าไฟเดือนเราจะเป็นคนจ่าย เดือนละพันกว่าทุกเดือน เราก็คิดบ้างนะเราก็มีบ่นให้ทางครอบครัวเราฟังบ้างแต่ครอบครัวเราจะสอนว่าอย่าคิดแบบนี้อยู่ด้วยกันอย่ามองว่าเงินใครเงินมันมองแบบนี้ไม่ได้เรามีเราก็ออกก่อนครอบครัวเราจะสอนแบบนี้ตลอดครอบครัวเราไม่เคยพูดสักคำว่าระวังเสียเปรียบ
ต่างจากทางบ้านแฟน  เราแอบได้ยินเขาโทรศัพท์กับแม่เขาแม่สอนลูกชายเขาประมาณว่าระวังเสียเปรียบนะอย่าโง่  กระเป๋าตังค์ให้แยกใครแยกมัน  และแฟนเราก็เป็นแบบนั้นค้ะทุกครั้งที่เราคุยเรื่องเงินถามรายรับรายจ่ายเขา  จะทะเลาะกันทุกที เขาจะพูดตลอดว่ากระเป่าใใครกระเป๋ามัน  เขายังดูแลพ่อแม่เขาได้ไม่ดีพอ  เราก็เลยเลิกพูดถึงอีกเลย แฟนเรายืมสร้อยทองเราไปไปจำนำเพื่อนำเงินไปให้ญาติเขาปล่อยดอกเขาได้ดอกจากญาติเขารวมๆแล้วเดือนละประมาณ 6,000 บาทเชื่อไหมว่าเราได้ใช้กับเขาแค่เดือนเดียวก็คือครั้งแรกที่เขานำไปปล่อยซึ่งใช้ในที่นี้เราไม่ได้นำมาใช้จ่ายส่วนตัวนะคะและเงิน 1,500 ที่เขาให้มานั้นเราเป็นคนถามเองว่าไม่ไม่แบ่งมาให้หนูบ้างหรอทองก็ทองหนูหนูจะได้เอาไปจ่ายค่าไฟเขายื่นให้เรา 1,500 บาทซึ่งเงินส่วนนั้นเราก็เอาไปจ่ายค่าไฟซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยหยิบยื่นให้เราอีกเลย  แฟนเราแทบไม่เคยซื้ออะไรให้เราเลยนะคะด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีซึ่งเราซื้อให้เขาทุกเทศกาลเลยและเราก็เคยบอกว่าบางครั้งสิ่งของมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาถ้าพี่เห็นว่าพี่อยากให้หนูพี่ก็แค่เก็บตังค์เดือนละแค่ 100 พี่ก็สามารถซื้ออะไรให้หนูเล็กๆน้อยๆได้แล้วในเทศกาลสำคัญเพราะหนูก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน เขาจะเป็นคนชอบพูดให้ความหวังว่าเดี๋ยวจะซื้อนั่นซื้อนี่ให้มีช่วงหนึ่งเราเคยอยากได้ต่างหูทองคำวันนั้นเราไปทำบุญด้วยกันแถววัดที่กรุงเทพฯแล้ววันนั้นเขาก็ถูกหวยลอตเตอรี่เลขท้าย 3 ตัวทั้งหมด 5 ใบก็ 20,000 บาทเขาก็พูดกับเราที่วัดว่าเขาจะซื้อทองเป็นต่างหูให้เราสักคู่คู่เล็กๆคู่ละไม่กี่พันแต่เชื่อไหมคะหลังจากกลับจากวัดเขาพาเราขี่เลยไปขึ้นเงินเสร็จแล้วเขามาส่งเราที่แฟลตแล้วเอาเงินโอนไปให้พี่สาวปล่อยต่อ บางทีเราก๋อยากให้เขาหยิบยื่นให้เราบ้าง 500-1000  แค่บอกว่าเอาไว้ไปซื้อใช้ในห้องก็ยังดี  เราอยู่นี้เราทำให้เขาทุกอย่างเลย งานบ้าน  กับข้าว  เราไปทำงานเช้า  ถึงห้องก็สามสี่ทุ่มเพราะบางทีงาน ก็ยุ่งและบางวันเราก็มีสอนพิเศษกลับมาเขาก็ไม่ค่อยยู่ห้องหรอก ส่วนมากก็กินเหล้ากับเพื่อนข้างนอกกลับเช้า  บางวันเขาเข้าห้องเราออกห้องไปทำงานพอดี  เราขับมอไซด์คันเก่าไปทำงานระยะทางเกือบสิบโลหน้าฝนก็ตากฝนในขณะที่แฟนขับรถยนต์หากินเหล้า
เกริ่นมาถึงตรงนี้ปัญหาหลักของเราจริงๆก็คือเรารู้สึกว่าแฟนเราเอาแต่ครอบครัวของ เขาเป็นลูกชายคนเล็กเขาเป็นลูกชายที่รักแม่มากเชื่อฟังแม่มากมีอะไรเขาจะคุยกับแม่เขาตลอดมีอะไรกินดีๆเขาก็จะอยากให้แม่ให้พ่อเขาได้กินอะไรเที่ยวสวยๆเขาก็จะอยากให้แม่ให้พ่อเขาได้เที่ยวซึ่งอันนี้เรามองว่าเป็นเรื่องปกติเราไม่ได้ว่าเพราะเราเป็นคนนอกอย่างเราเองก็พยายามที่จะส่งนั่นส่งนี่ไปบ้านเขาให้หลานเขาตลอด แต่เรารู้สึกว่าเขาไม่เคยหยิบยื่นอะไรเข้ามาในชีวิตคู่ของเราเลยอะไรอร่อยๆเขาไม่เคยซื้อเข้ามาค่ะเขาสั่งแล้วเขาก็ส่งกลับบ้าน  พวกอาหารทะเลอะไรแบบนี้ อะไรอร่อยๆเขา แต่ไม่เคยซื้อมาห้องเลย
เราทำงานพิเศษนอกบ้านแล้วเราก็เลิกงานดึกมากแต่ละวันกว่าจะถึงห้องก็เกือบ 4ทุ่ม แล้วตื่นเช้าเไปทำงานพิเศษนอกบ้านในช่วงเสาร์อาทิตย์เขาก็ส่งข้อความพูดประมาณว่าทำไมเราไม่ตื่นเช้าแล้วทำกับข้าวห่อไปกินทำไมต้องไปซื้อข้าวเซเว่นกินให้เปลืองซึ่งเรามองว่าเราซื้อข้าวเซเว่นกินแต่ละครั้งก็ประมาณ 100 ไม่เกินร้อยกว่า เราอยู่กับแฟนมาตั้งแต่วันที่เขาไม่มีอะไรจนวันนี้เขาผ่อนรถหมดแล้วเงินดาวน์รถก็เป็นเงินของเราทั้งหมด เกือบสองแสน บาทปัญหาระหว่างเรากับเขาก็ถือว่าหนักพอสมควรทั้งเรื่องผู้หญิงไหนจะเรื่องพฤติกรรมการติดเพื่อนกินเหล้า เราก็ทนมาตลอดเพราะเรารักและไหนจะปัญหาของเรากับครอบครัวของเขาที่เรารู้สึกว่ามันไปกันไม่ได้แต่ปัญหาก็คือทุกวันนี้แฟนเราก็กลับบ้านเงินเดือนออกก็กลับบ้านต่อกันหลายเดือนมากแล้วก็ปล่อยให้เราอยู่คนเดียวล่าสุดก็คือช่วงโควิค เขากลับบ้านซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็เพิ่งกลับต่อกันมาประมาณ 3-4 ครั้งทุกๆวันที่เงินเดือนออกก็จะกลับบ้านแต่เหมือนเงินเขาหมดเขาก็จะขึ้นมาแล้วพอขึ้นมาแล้วก็จะบ่นว่าไม่เหลือเงินแล้วนะนั่นโน่นนี่นั่นก็เหมือนเดิมค่ะเราก็เป็นคน support เขาไม่มากก็น้อย
วันนั้นเขากลับบ้านกลับโดยที่ไม่บอกเราด้วยซ้ำเราโทรหาตอนนั้นประมาณเที่ยงคืนเขาบอกว่าเขาถึงบ้านแล้วตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเราก็บ่นไปตามประสาว่าทำไมไม่บอกกันบ้างเขาบอกว่าบอกแล้วเดี๋ยวก็เป็นนั่นเป็นนี่อีกเราก็เลยถามว่าสถานการณ์โควิตแบบเนี้ยทำไมทิ้งให้เราอยู่คนเดียวทำไมไม่มาอยู่เป็นเพื่อนกันเขาก็พูดมาประโยคหนึ่งว่าเขาอยู่แล้วเขาจะช่วยอะไรเราได้หลังจากนั้นเราตัดสินใจไม่ติดต่อเขาอีกเลยค่ะ  จากนั้นไม่นานเราก็ได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนสนิทของเขาที่อยู่ในหมู่บ้านซึ่งตามจริงเราก็รู้จักพี่เขามานานแล้วแหละเพื่อนสนิทของเขาบอกว่าแม่เขาอยากได้คนรวยมาเป็นลูกสะใภ้ แม่เขาจะชอบพูดเรื่องเราให้คนข้างบ้านฟังว่าเราเอาแต่ใจ ว่าเราเป็นภาระลูกชายเขา และที่สำคัญแม่เขาต้องการให้เขาย้ายขึ้นมาทำงานที่บ้านไปช่วยงานไร่งานสวนแม่เขา คิดว่าเขาก็เชื่อแม่เขา  ก่อนหน้าไม่ใช่แบบนี้เนื่องจากว่าเรารู้ว่าความสัมพันธ์ของเรากับแม่เขาไม่ค่อยโอเคเราก็เลยเคยคุยกับเขาว่าถ้าวันนึงเราแต่งงานกันเราจะไม่ไปอยู่บ้านเขานะเขาก็บอกว่าแล้วแต่เราตัดสินใจถ้าเราจะตัดสินใจอยู่กทม.ก็เดี๋ยวหาเงินซื้อบ้านอยู่กทม.ด้วยกันแต่ปี 2 ปีมานี้เรารู้สึกว่าไม่ใช่เขากลับบ้านบ่อยมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีเงินถึงเวลาเขาได้เงินก้อนมา วันที่เงินเดือนออก  วันรุ่งขึ้นเขาก็จะกลับบ้านทันทีค่ะเขาก็จะไปอยู่บ้านประมาณเกือบเดือนนึงค่อยกลับมาพอกลับมาก็บ่นไม่มีตังค์และเพื่อนของเขาคนนั้นก็พูดให้เราฟังว่าแม่เขาล่ะขอให้เขาขึ้นมาทำงานที่บ้าน  ในแต่ละวันแม่เขาจะโทรหาแฟนเราตลอดและก็จะถามตลอดว่าจะขึ้นมาบ้านอีกเมื่อไรคือชวนแฟนเรากลับบ้านตลอด (ลืมบอกค่ะแฟนเราเป็นตำรวจท่องเที่ยวช่วงนี้งานไม่ค่อยมีเพราะโควิดก็จะทำงาน WFH หาหมาย บลาๆๆๆ) แล้วก็แม่เขานะพูดกับเขาว่าเหมือนประมาณว่าไม่ให้อยากมาแต่งเราประมาณว่าไม่ได้อยากเสียสินสอด แฟนเป็นคนรักพ่อแม่มากคือใครจะพูดถึงหรือแตะต้องไม่ได้เลยวันหนึ่งเขาถามเราว่าเราเป็นอะไรกับแม่เขาหรือเปล่าเราก็พยายามเลี่ยงที่จะตอบเราเป็นผู้น้อยเราไม่ควรจะพูดถึงแต่แฟนเราก็จี้ เราก็เลยตัดสินใจพูดไปว่าหนูรู้สึกว่าแม่พี่ไม่ได้รักไม่ได้เอ็นดูหนูเลยทุกครั้งที่หนูกับพี่มีปัญหากันและหนูโทรไปปรึกษาคนที่ผิดจะกลายเป็นหนูเสมอไม่ว่าพี่พูดอะไรแม่พี่ก็จะเชื่อพี่แล้วก็โทษว่าหนูเป็นคนผิดไหนจะเป็นคำหยาบคายกูที่แม่พี่ด่าหนูพูดหนูทั้งๆที่บางครั้งคนก่อเรื่องไม่ใช่หนูดังนั้นหนูเลยรู้สึกว่าถ้าเขาไม่ได้รักไม่ได้เอ็นดูเราเราก็ควรเว้นระยะห่างเพราะทุกวันนี้หนูทำงานหนูก็เหนื่อยแล้วก็เครียดอยู่แล้วหนูไม่อยากไปเครียดกับเรื่องแม่พี่อีกเขาถามเรามาประโยคหนึ่งว่าปรายจะไปเลี้ยงแม่พี่ไหม  เลยบอกว่าหนูคงไม่สามารถไปอยู่บ้านพี่ได้ เขาก็เงียบไปสักพัก หลังจากนั้นเราก็เลยตัดสินใจถามเขาว่าถ้าวันนึงหนูมีปัญหากับแม่พี่พี่จะแก้ปัญหายังไงพอเขาได้ยินแค่นั้นเขาก็โมโหขึ้นมาทันทีเลยนะว่าจะด่าแม่กูหรอเราก็เลยบอกว่าหนูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นหนูหมายความว่าถ้าเกิดวันนึงสมมุติว่าเรามีปัญหากันหรืออาจจะทะเลาะกันนิดหน่อยพี่จะเป็นคนกลางพี่จะแก้ปัญหายังไงเขาก็ถามว่าจะไปด่าอะไรจะไปว่าอะไรให้แม่กูเป็นผู้น้อยไม่มีสัมมาคารวะหรอเราก็เลยพูดไปว่าพี่คบกับหนูมา 8 ปีขนาดที่หยาบคายใส่หนูทุกคำหนูไม่เคยมีคำหยาบคายใส่พี่แม้แต่คำเดียวแล้วแม่พี่เป็นผู้ใหญ่หนูจะไปกล้าว่าท่านได้ยังไงหนูก็แค่สมมุติเราก็เลยบอกว่าแค่ถามแค่นี้หนูก็รู้แล้วล่ะว่าเป็นยังไงรู้แล้วล่ะว่าพี่เข้าข้างใครเขาก็พูดมาประโยคหนึ่งว่าก็นั่นแม่กู ปอลอเราอายุจะ 30 ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่