เมื่อประมาณปี 2558 ตอนนั้นเราเรียนมหาลัยปี 2 เราได้รับคำขอเป็นเพื่อนบน Facebook จากผู้ชายคนนึง เรากดเข้าไปดูก็พบว่ามีเพื่อนร่วมกันอยู่ก็เลยตัดสินใจกดรับแล้วก็ได้ทักไปคุยจึงรู้ว่าเป็นเพื่อนที่โรงเรียนเก่าของเพื่อนปัจจุบันเรา
คุยไปคุยมาเราก็เห็นว่าผู้ชายคนเนี่ยมีไลฟ์สไตล์การเที่ยวแบบลุยๆ แบบรถโฟวิวเข้าป่าลุยโคลน เป็นการเที่ยวแบบที่เราสนใจแต่ยังไม่เคยมีโอกาสจะได้ไปพบเจอกับประสบการณ์แบบนี้
พอเราบอกไปว่าเราสนใจจะเที่ยวแบบนี้ จังหวะตอนนั้นอีก 5 วัน เค้าก็จะมีออกทริปกับเพื่อนเค้าอยู่พอดีเค้าจึงชวนเราไป เราก็ตกลงแบบไม่คิด (ใจกล้ามากไม่รู้จักเค้าแต่ไปกับเค้าเฉย5555)
ซึ่งทริปนี้ไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี
แพลนของทริปนี้ก็คือขับรถตู้ไปกันค่ะแล้วก็จะไปนอนที่บ้านของเพื่อนคนนี้เนี่ยหนึ่งคืนจากนั้นเนี่ยเราก็จะไปกางเต้นท์ที่น้ำตกผาสวรรค์ซึ่งตอนนั้นเนี่ยอุทยานนี่เพิ่งเปิดใหม่สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังไม่มีเลยแล้วทางเข้าเนี่ยก็ขุขระมากจากถนนใหญ่นะเข้าไปถึงอุทยานนะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย ส่วนคืนสุดท้ายเราไปนอนแพกันบนเขื่อน สบายสุดๆ เป็นทริปที่ดีที่สุดชีวิตเราเลยก็ว่าได้ อ๋อ เราลืมบอกไปว่าเพื่อนคนนี้อ่ะเป็นอิสลามนะแล้วตอนที่ไปขึ้นรถน่ะเราก็พบว่ามีเพื่อนเค้าอีก 9 คนเป็นอิสลามแล้วเป็นผู้ชายหมดเลย ตอนเราไปถึงเนี่ยเราตกใจมากอยู่ดีดีก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแต่ก็ใจดีสู้เสือ ทั้ง 10 คน น่ารักมาก ให้เกียรติ์และเทคแคร์ดีมากๆ
ซึ่งรู้สึกขอบคุณตัวเองตอนนั้นที่เราตัดสินใจแบบนี้เพราะว่าเราได้เพื่อนที่จริงใจที่สุดในชีวิตเรามาถึง 10 คนเลยอ่ะ แต่ว่าเป็นผู้ชายหมดเลยนะ 555
มันก็จบทริปด้วยดีนะแฮปปี้ดีเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มาตลอดในทุกๆปีเราก็จะมีจัดทริปประมาณเนี่ย
อย่างน้อยปีละครั้งจนเข้าปีที่สามเพื่อนคนนี้ ที่ชวนเราไปออกทริปก็บอกว่า “ชอบเรา”
จริงๆตอนนั้นเราก็ชอบเพื่อนคนนี้นะเค้าเป็นคนที่แบบรับข้อเสียเขาได้ทุกเรื่องยอมเราตลอดเราเป็นตัวเองได้แบบสุดๆเวลาอยู่กับคนนี้
เวลาที่เราไปเที่ยวอ่ะเราอาจจะเที่ยวกันแบบลำบากก็จริง แต่เราไม่เคยต้องลำบากเลยอ่ะ
เค้าดูแลเราดีมากแต่ปัญหามันติดตรงที่เพื่อนเราคนเนี่ยเป็นอิสลามแต่เราอ่ะเป็นคนจีน คือในฐานะเพื่อนนะความสัมธ์ที่เป็นแบบนี้มันก็ดีนะ แต่ถ้าไปไกลกว่านี้มันต้องมีปัญหาแน่ๆ เราเลยปฏิเสธไป แล้วเราก็หนีทุกวิถีทางหลบหน้าไม่คุยอยู่หนึ่งปีได้จนเราก็คิดทบทวนไตร่ตรองแล้วก็พบว่าเราเองก็ชอบมันจริงๆแหละ บางทีเรื่องศาสนาหรือการไม่กินหมูอ่ะก็ช่างมันก็ได้เนอะอาจจะไม่ได้ขนาดนั้นเราเลยไปบอกมันว่าเรา “ชอบมันเหมือนกันลองดูมั้ยล่ะ” แต่มันก็ตอบว่า “มืงบอกกุช้าไปว่ะกุตัดสินใจคุยกับน้องคนหนึ่ง แล้วกุก็ทำเค้าท้อง”
ตอนนั้นถึงเพิ่งเข้าใจคำที่ว่า “เวลามันไม่เคยรอใคร โอกาสบางอย่างมันไม่รอเราให้คำตอบมันหรอกนะคิดนานเกินไปก็อาจจะเสียอะไรไปก็ได้”ถามว่าเสียใจไหมมันก็ยังไม่ได้เสียใจฟูมฟายขนาดนั้นมันก็แค่เราเจอคนที่คลิกอ่ะแต่ดันมาในรูปแบบของเพื่อนก่อนการจะเปลี่ยนความสัมพันธ์มันก็ลำบากใจการจะรักกันอย่างลึกซึ้งมันก็คงจะยาก เสียดาย เสียใจ แต่ก็เพื่อนแหละจนทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ ก็ยังคุยก็ยังเที่ยวกันปกติแต่ก็มีบ้างอ่ะที่เมียมันก็มาหึงเพราะเมียมันก็รู้แหละมันก็คงจะเล่าให้ฟัง 5555
แต่ก็เพื่อนกันแหละเนอะเพื่อนก็คือเพื่อนตอนนี้ก็เข้าปีที่แปดได้แล้วที่เป็นเพื่อนกันมาก็รู้สึกว่าอาจจะไม่โชคดีเรื่องความรักแต่โชคดีเรื่องเพื่อนมั้งเรื่องราวของเราก็ประมาณนี้แหล่ะก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอรักแท้แพ้ศาสนาหรืออะไรใดใดที่มันจะอยู่ในโหมดนี้ ตลกดีเหมือนกันเนอะชีวิตขอบคุณทุกคนนะที่อ่านมาจนจบ
ประสบการณ์ เพื่อนรัก รักเพื่อน รักแท้แพ้ศาสนา
คุยไปคุยมาเราก็เห็นว่าผู้ชายคนเนี่ยมีไลฟ์สไตล์การเที่ยวแบบลุยๆ แบบรถโฟวิวเข้าป่าลุยโคลน เป็นการเที่ยวแบบที่เราสนใจแต่ยังไม่เคยมีโอกาสจะได้ไปพบเจอกับประสบการณ์แบบนี้
พอเราบอกไปว่าเราสนใจจะเที่ยวแบบนี้ จังหวะตอนนั้นอีก 5 วัน เค้าก็จะมีออกทริปกับเพื่อนเค้าอยู่พอดีเค้าจึงชวนเราไป เราก็ตกลงแบบไม่คิด (ใจกล้ามากไม่รู้จักเค้าแต่ไปกับเค้าเฉย5555)
ซึ่งทริปนี้ไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี
แพลนของทริปนี้ก็คือขับรถตู้ไปกันค่ะแล้วก็จะไปนอนที่บ้านของเพื่อนคนนี้เนี่ยหนึ่งคืนจากนั้นเนี่ยเราก็จะไปกางเต้นท์ที่น้ำตกผาสวรรค์ซึ่งตอนนั้นเนี่ยอุทยานนี่เพิ่งเปิดใหม่สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังไม่มีเลยแล้วทางเข้าเนี่ยก็ขุขระมากจากถนนใหญ่นะเข้าไปถึงอุทยานนะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย ส่วนคืนสุดท้ายเราไปนอนแพกันบนเขื่อน สบายสุดๆ เป็นทริปที่ดีที่สุดชีวิตเราเลยก็ว่าได้ อ๋อ เราลืมบอกไปว่าเพื่อนคนนี้อ่ะเป็นอิสลามนะแล้วตอนที่ไปขึ้นรถน่ะเราก็พบว่ามีเพื่อนเค้าอีก 9 คนเป็นอิสลามแล้วเป็นผู้ชายหมดเลย ตอนเราไปถึงเนี่ยเราตกใจมากอยู่ดีดีก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแต่ก็ใจดีสู้เสือ ทั้ง 10 คน น่ารักมาก ให้เกียรติ์และเทคแคร์ดีมากๆ
ซึ่งรู้สึกขอบคุณตัวเองตอนนั้นที่เราตัดสินใจแบบนี้เพราะว่าเราได้เพื่อนที่จริงใจที่สุดในชีวิตเรามาถึง 10 คนเลยอ่ะ แต่ว่าเป็นผู้ชายหมดเลยนะ 555
มันก็จบทริปด้วยดีนะแฮปปี้ดีเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มาตลอดในทุกๆปีเราก็จะมีจัดทริปประมาณเนี่ย
อย่างน้อยปีละครั้งจนเข้าปีที่สามเพื่อนคนนี้ ที่ชวนเราไปออกทริปก็บอกว่า “ชอบเรา”
จริงๆตอนนั้นเราก็ชอบเพื่อนคนนี้นะเค้าเป็นคนที่แบบรับข้อเสียเขาได้ทุกเรื่องยอมเราตลอดเราเป็นตัวเองได้แบบสุดๆเวลาอยู่กับคนนี้
เวลาที่เราไปเที่ยวอ่ะเราอาจจะเที่ยวกันแบบลำบากก็จริง แต่เราไม่เคยต้องลำบากเลยอ่ะ
เค้าดูแลเราดีมากแต่ปัญหามันติดตรงที่เพื่อนเราคนเนี่ยเป็นอิสลามแต่เราอ่ะเป็นคนจีน คือในฐานะเพื่อนนะความสัมธ์ที่เป็นแบบนี้มันก็ดีนะ แต่ถ้าไปไกลกว่านี้มันต้องมีปัญหาแน่ๆ เราเลยปฏิเสธไป แล้วเราก็หนีทุกวิถีทางหลบหน้าไม่คุยอยู่หนึ่งปีได้จนเราก็คิดทบทวนไตร่ตรองแล้วก็พบว่าเราเองก็ชอบมันจริงๆแหละ บางทีเรื่องศาสนาหรือการไม่กินหมูอ่ะก็ช่างมันก็ได้เนอะอาจจะไม่ได้ขนาดนั้นเราเลยไปบอกมันว่าเรา “ชอบมันเหมือนกันลองดูมั้ยล่ะ” แต่มันก็ตอบว่า “มืงบอกกุช้าไปว่ะกุตัดสินใจคุยกับน้องคนหนึ่ง แล้วกุก็ทำเค้าท้อง”
ตอนนั้นถึงเพิ่งเข้าใจคำที่ว่า “เวลามันไม่เคยรอใคร โอกาสบางอย่างมันไม่รอเราให้คำตอบมันหรอกนะคิดนานเกินไปก็อาจจะเสียอะไรไปก็ได้”ถามว่าเสียใจไหมมันก็ยังไม่ได้เสียใจฟูมฟายขนาดนั้นมันก็แค่เราเจอคนที่คลิกอ่ะแต่ดันมาในรูปแบบของเพื่อนก่อนการจะเปลี่ยนความสัมพันธ์มันก็ลำบากใจการจะรักกันอย่างลึกซึ้งมันก็คงจะยาก เสียดาย เสียใจ แต่ก็เพื่อนแหละจนทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ ก็ยังคุยก็ยังเที่ยวกันปกติแต่ก็มีบ้างอ่ะที่เมียมันก็มาหึงเพราะเมียมันก็รู้แหละมันก็คงจะเล่าให้ฟัง 5555
แต่ก็เพื่อนกันแหละเนอะเพื่อนก็คือเพื่อนตอนนี้ก็เข้าปีที่แปดได้แล้วที่เป็นเพื่อนกันมาก็รู้สึกว่าอาจจะไม่โชคดีเรื่องความรักแต่โชคดีเรื่องเพื่อนมั้งเรื่องราวของเราก็ประมาณนี้แหล่ะก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอรักแท้แพ้ศาสนาหรืออะไรใดใดที่มันจะอยู่ในโหมดนี้ ตลกดีเหมือนกันเนอะชีวิตขอบคุณทุกคนนะที่อ่านมาจนจบ