ประมาณตีสองครึ่งกว่าเซธจะเสร็จงานตรวจเมืองหลวงยามค่ำคืน เขาพบกับหลายสิ่งที่ต่างกับรายงานของเจ้าหน้าที่การเมือง การโจรกรรมตามซอกซอยบอกว่าสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ กลุ่มคนออกดักล่าเหยื่อยามวิกาลเพื่อประโยชน์ของตนเหมือนสัตว์ป่า ผู้รักษาความสงบทำตามใจแทนที่จะปกป้องประชาชน ผู้เป็นอมตะเดินเท้าไปในซอกหลืบของเมืองทำหน้าที่เหมือนนักล่าค้นหาการกระทำผิดแล้วจับตัวส่งเจ้าหน้าที่ที่ไว้ใจได้ในรัฐสภา
การปรับตัวกับเวทมนตร์ในอากาศค่อนไปทางสมดุลเมื่อตะวันตกดิน ร่างกายของเซธแทบไม่แสดงอาการผิดปกตินอกจากตอนใช้เวทมนตร์ผ่านพิณเทพ ราวสลักกั้นการเปิดใช้พลังของเขาชำรุดมานานจนควบคุมไม่ได้ การใช้อาวุธธาตุทุกครั้งจบลงด้วยการทำลายรอบข้างจนแหลกต่างกับก่อนหน้านี้ที่ฝึกจนชำนาญได้ไม่ยาก ผู้เป็นอมตะหน้าซีดเมื่อต้องควักเงินจ่ายค่าเสียหายก้อนโตเป็นค่าซ่อมแซมอาคารครึ่งหลัง ผู้สวมรอยเป็นท่านผู้นั้นปลอบภายหลังว่าจะหางานให้ทำเพื่อหาเงินเพิ่มแทนส่วนเสียไป
“ต้องถามอิกริดตอนกลับมา เขาเคยเป็นอย่างนี้เหมือนกันแต่หลงอำนาจกว่าและไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย คงนึกภาพได้ไม่ยากนัก” ท่านผู้นั้นตัวปลอมส่ายหน้าว่าตนไม่เชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์ธาตุเท่าตัวจริง “พวกที่จับมาต้องถูกควบคุมเพื่อสืบสวนว่ามีเบื้องหลังหรือไม่ พรุ่งนี้เราจะให้เวลานายทั้งวันเขียนรายงานบอกรายละเอียดว่าทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ เขาคงไม่เคยให้ทำสินะ”
ท่านผู้นั้นตัวปลอมนั่งในห้องทำงานรอให้ผู้เป็นอมตะนั่งพักเหนื่อยและระงับความตื่นเต้น ผู้สวมรอยยังคงใช้ร่างของท่านผู้นั้นเหมือนเดิม คราวนี้ปีกสีขาวจากกลางหลังเหมือนพวกเผ่าเทพเก่าแก่ ดูแปลกพิกลเมื่อท่านผู้นั้นทำท่าทางกระตุ้งกระติ้งเหมือนผู้หญิง ท่านผู้นั้นตัวปลอมกำลังใช้แปรงขนหมูจุ่มน้ำมันบางอย่างมากแปรงปีกอย่างบรรจง เซธได้กลิ่นน้ำมันสนจากกระปุกดังกล่าว นั่นอาจเหมือนยาขัดเครื่องหนังกระมัง
“เรื่องที่อยากถามบางเรื่องอาจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของเขาเราจึงต้องไปคุยก่อนเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว นายต้องเดาได้แน่ว่าสิ่งแรกที่เขาทำคือก่นด่าว่าฉวยโอกาส ถึงจะปากร้ายยังไงเขาก็ยอมให้เล่าแบบเลี่ยงจุดสำคัญได้ เขากลัวถ้านายรู้แล้วจะกังวลเกินเหตุจึงไม่เคยเล่า”
ท่านผู้นั้นตัวปลอมเห็นเซธมองปีกสีขาวอย่างสนใจจึงเสริมว่ามันคือการดูแลรักษาปีกขั้นต้นที่ต้องทำทุกคืน น้ำมันสนช่วยให้ปีกลื่นไหลยามบินบนท้องฟ้า
“หญิงผมเขียวกับข้าผูกพันกันอย่างไรฝ่าบาท” เซธเริ่มคำถามแรกอย่างลังเล
ท่านผู้นั้นตัวปลอมหยุดสางปีกแล้วขบคิดหาคำตอบที่เหมาะที่สุด
“เธอไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกับนายโดยตรง ความทรงจำบางอย่างฝังลงในวิญญาณได้โดยเฉพาะความหมกมุ่นของมนุษย์ ‘เขา’ หลงหญิงคนนั้นจนผูกตัวเองเข้ากับอารมณ์เบื้องลึก เมื่อมาเกิดใหม่ภาพหญิงคนนั้นจึงคงอยู่เหมือนพวกพลังโบราณ...ทีนี้คำสาปทำให้ภาพคนรักใหม่ถูกเขียนลงในวิญญาณเช่นกัน บางครั้งความทรงจำก็เล่นตลกอย่างโหดร้าย แทนที่จะใช้ภาพคนรักใหม่กลับคว้าภาพคนรักเก่าที่จารึกไว้ข้างกันออกมาแทน อารมณ์รุนแรงในแก่นวิญญาณกระตุ้นให้คำสาปทำงานภายใต้เงื่อนไขรักอื่น ทางเดียวที่จะไม่ทรมานยามเห็นหน้าแม่นั่นคือถอนคำสาปให้ได้”
เซธนึกถึงตอนไปพบลักซูเรีย เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกนำตุ๊กตาหญิงผมเขียวออกมาล่อท่านผู้นั้น แสดงว่าเป้าหมายแท้จริงของมันคงเป็น ‘เขา’ มากกว่า แต่ถ้า ‘เขา’ ลงมาเกิดเป็นเซธ แล้วสิ่งที่อยู่หลังท่านผู้นั้นคืออะไรกันแน่
“’เขา’ ข้างหลังข้าคนนั้นเป็นแค่ความทรงจำอนาทอล ไม่มีตัวตนอีกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าในตอนนี้”
ท่านผู้นั้นเคยบอกเขาอย่างนี้โดยไม่ตั้งใจ ทุกอย่างล้วนสอดคล้องกันพอดี ท่านผู้นั้นเก็บ ‘เขา’ ไว้ข้างตัวในรูปของความทรงจำ อาจเพื่อปิดบังเรื่องที่ ‘เขา’ มาเกิดใหม่จนตกเป็นเครื่องมือช่วงใช้ ใช้เวลาพอสมควรกว่าเขาจะทำความเข้าใจและตั้งคำถามต่อ
“แล้วท่านผู้นั้นกับ ‘เขา’ เกี่ยวข้องกันอย่างไรฝ่าบาท สัญญาที่ท่านผู้นั้นทำกับ ‘เขา’ คืออะไร” พอสบช่องเซธก็ระดมคำถามเข้าไปอีก
ท่านผู้นั้นตัวปลอมยิ้มอย่างขบขันบอกว่าคำถามแรกนั้นตัวจริงอายเกินกว่าจะยอมให้พูด
“คำสัญญาของสองคนนั้นทำให้นายเป็นนายแบบนี้ เขายอมติดหนี้บุญคุณเสาค้ำจุนเพื่อให้ทางชีวิตของเจ้าราบรื่นกว่าคนทั่วไป บางอย่างผิดพลาดจากความตั้งใจของเขาราวโชคชะตาเล่นตลก ทั้งเรื่องกบฏตอนเขาติดงานจนช่วยไม่ทัน เรื่องฆาตกรวางเพลิงที่มีเรื่องสำคัญมาแทรก สุดท้ายคือทางเลือกของนายที่ต้องรับคำสาปอย่างนี้ แต่บางอย่างก็เป็นอย่างที่ ‘เขา’ ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์บางอย่าง ครอบครัวที่อบอุ่น และสุดท้ายก็คนรัก”
คำสุดท้ายนั้นทำให้ผู้เป็นอมตะนึกถึงโซลาน่า นางมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย เขาจะถามหากถูกกันไว้ด้วยรู้ว่าจะถามอะไร
“ฟังดูไร้มนุษยธรรมทว่านั่นเป็นเรื่องของเขาสองคน นายถูกจับตามองโดยเขาเกือบตลอดเวลาจนกว่า ‘เขา’ จะได้รับของตามสัญญา...ทีนี้ นายคิดว่าคนคลั่งรักอย่างนั้นต้องการอะไร” ท่านผู้นั้นตัวปลอมถามกลับ
เซธสามารถตอบได้ทันทีว่า ‘เขา’ ต้องการให้สตรีผมเขียวมาเกิดและผูกพันกันอีกครั้ง นางมาเกิดเป็นโซลาน่า นั่นคือสาเหตุที่เกิดเรื่องบังเอิญระหว่างเขากับนางบ่อยนัก ครั้งนั้นเขาคิดว่าพ่อบุญธรรมจัดฉากเพื่อให้ได้ดองกับตระกูลขุนนางเก่าแก่จากเมืองห่างไกล ความจริงนั่นคือฝีมือของท่านผู้นั้นหรอกหรือ!
“จริงสิ อิกริดฝากคำเหน็บมาด้วย ‘เจ้าคิดว่านิยายพรรค์นี้มันทำประโยชน์อะไรได้บ้างไหม!’ เขาฝากเรามาบอกอย่างนี้ล่ะ”
คำเสียดสีจากฝ่าบาทตัวจริงเหมือนกระสุนพุ่งทะลุหัวใจของเซธจนแหลกไปเสี้ยวหนึ่ง ทั้งหมดทั้งมวลเป็นแค่เรื่องราวเก่าแก่ไม่มีสาระสำคัญอะไรเลยนอกจากการรักษาสัญญาของท่านผู้นั้น สิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวได้จากเรื่องนี้คือความปรารถนาดีอย่างแท้จริง อาจเพราะสัญญาปริศนาแต่ฝ่าบาทก็พยายามปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพและหวังดีเสมอ
พอคิดถึงสัญญาก็มีคำถามตามมาอีก หากท่านผู้นั้นสัญญากับ ‘เขา’ ว่าจะให้เกิดใหม่พร้อมสตรีผมเขียวก็ส่งมาเกิดใหม่จนพบกันได้แล้ว เหตุใดจึงต้องติดตามต่อราวกับยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ฉะนั้น
“เอาเถอะหากอยากรู้ก็ต้องว่ากันต่อ ความอยากรู้อยากเห็นคือสิ่งพื้นฐานของมนุษย์ เรื่องนี้อาจสร้างความก้าวหน้าได้สักทางล่ะนะ” ท่านผู้นั้นตัวปลอมปิดกระปุกน้ำมันสนเพราะแปรงปีกเสร็จแล้ว “หากอยากถามว่าทำไมเขาจึงตามมองต่อไม่ยอมเลิกก็ลองคิดดู พวกนายยังขาดสิ่งใดอยู่อีก”
ผู้ปลอมตัวเป็นฝ่าบาทของเซธเอ่ยคำให้ปีกสีขาวหายไปกับอากาศ จากนั้นจึงเอากระปุกกับแปรงไปวางบนโต๊ะทำงานรอเก็บล้างเมื่อคุยจบ เซธขมวดคิ้ว เรื่องแต่งงานครองคู่เท่านั้นที่เขากับโซลาน่ายังไปไม่ถึง มันฟังดูเล็กน้อยสำหรับชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
“ความยึดติดของมนุษย์เป็นบาปไร้สิ้นสุด” ท่านผู้นั้นตัวปลอมหยิบนาฬิกาบนโต๊ะมาดูเล่นเพราะคิดว่าตนใช้เวลามากเกินไป “มันคือรักสามเส้าจากความหลงของ ‘เขา’ ล้วน ๆ สตรีผมเขียวรักทั้ง ‘เขา’ และชายอีกคนทว่าเธอเลือกไปกับชายผู้นั้นแทน ความริษยาปกคลุมหัวใจของ ‘เขา’ เพราะเรื่องนั้น หากสังหารเพื่อแย่งชิงหญิงสาวก็จะแค้นเคืองจนวันตายจึงไม่ทำ ปมห่วย ๆ นี้จึงติดตัวเขามากระทั่งได้รับมอบหมายจากเสาค้ำจุนเพื่อสร้างนักรบเทพคนที่สอง มันจบลงด้วยการทำสัญญาจนเป็นอย่างที่เห็น”
เซธลืมไปแล้วว่าตอนนี้ดึกแค่ไหนรีบถามต่อด้วยความสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาของคำสัญญาดังกล่าว เขาขอโทษที่คิดเชื่อมโยงเรื่องต่าง ๆ ได้ช้าจึงกินเวลามาก ฝ่ายท่านผู้นั้นตัวปลอมอมยิ้มเกริ่นถามว่าจะพอแค่นี้ก็ได้หากต้องการ เมื่อได้ยินว่าอยากฟังต่อก็พยายามเรียบเรียงทำให้เขาเข้าใจได้
“ความริษยาคือพิษร้ายกร่อนกระดูก มันคือความคิดว่าบางคนไม่คู่ควรกับบางสิ่ง และสิ่งนั้นเหมาะกับตนมากกว่าจึงเข้าแย่งชิง ความโลภก็แค่สะสมไม่จำเป็นต้องแย่งชิงเสมอไป ส่วนโทสะอาจแย่งชิงแต่ส่วนมากหวังแค่ระบายความคลั่ง มันจึงกลายเป็นส่วนผสมแห่งหายนะสำหรับทุกชีวิต” ท่านผู้นั้นตัวปลอมทำให้เซธนึกถึงภาพนิมิตตอนอยู่ในเรือดำน้ำ หญิงผมเขียวกับผู้ชายอีกคน ส่วนตัวเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกชิงชัง “หากการช่วงชิงสำเร็จเจ้าตัวก็ต้องมั่นใจว่าตนเหมาะสมกับของสิ่งนั้นจริง ๆ ในกรณีนี้คือเชื้อสายราชวงศ์ ความสามารถทางดนตรี และความสนิทชิดเชื้อ เจ้ามองตัวเองสิว่ามีครบหรือเปล่า”
เซธมีความหลังที่ดีเกี่ยวกับการเล่นดนตรี แม่บุญธรรมของเขาเป็นนักดนตรีมืออาชีพจึงได้รับอิทธิพลเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ต่อมาท่านผู้นั้นก็ยัดเยียดพิณเทพให้ แน่นอนว่ามันใช้งานเหมือนพิณทั่วไปได้ เรื่องราชวงศ์เขาจำไม่ได้ ส่วนโซลาน่าเป็นลูกหลานผู้ดีเก่า ไม่สงสัยเลยหากถูกบังคับแต่งงานกับเจ้าชายสักคน ความทรงจำก่อนไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าหายเรียบราวกับโดนลบ เพื่อนรักของท่านผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์สายนี้หากได้รับคำไหว้วานย่อมช่วยเหลือ ทั้งหมดทั้งปวงล้วนแต่เป็นฝีมือของท่านผู้นั้น!
ผู้เป็นอมตะสบถเบา ๆ ว่าควรทำอย่างไรกับท่านผู้นั้นดี!
“เพราะอย่างนี้เขาเลยไม่อยากบอกทุกอย่างออกไป อิกริดมักทำตามความต้องการอย่างบ้าคลั่งเหมือนกระทิงตาบอด พอรับปากเป็นมั่นเหมาะก็คิดเพียงให้บรรลุเป้าหมายเท่านั้น แม้การกระทำบางอย่างอาจผิดทว่าเราต้องดูจุดประสงค์ด้วย อย่างน้อยความรู้สึกระหว่างนายกับคนรักก็เป็นของจริง...”
เซธคิดผิดมหันต์ที่อยากรู้เรื่องทั้งหมด ชีวิตของเขาโดนท่านผู้นั้นลากจูงตั้งแต่เกิดจนโตแล้วสิ่งใดบ้างที่เป็นของเขาจริง ๆ แม้แต่ความต้องการของเขาก็อาจเป็นเจตจำนงของท่านผู้นั้นเช่นกัน หากให้เลือกเขาอยากให้ผู้ขีดเขียนชีวิตคือสิ่งที่ค้นไม่เจออย่างเสาค้ำจุนมากกว่าคนที่เดินข้างกันได้อย่างนี้
เมื่อเห็นผู้เป็นอมตะนิ่งไปนานจนน่ากลัวท่านผู้นั้นตัวปลอมก็รีบปลอบว่าตัวจริงไม่สามารถควบคุมได้ทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นเซธคงไม่เป็นกำพร้าและไม่ต้องเป็นอมตะ สิ่งที่ท่านผู้นั้นทำคือขีดเส้นทางคร่าว ๆ ให้เท่านั้น ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองว่าจะเลือกไปตามการจัดเตรียมหรือไม่ หากเฉออกนอกทางก็ต้องเร่งหาทางแก้ เหมือนพยายามเลี้ยงให้ลูกโตตามต้องการโดยไม่เสียตัวตนไป เปรียบท่านผู้นั้นเป็นเหมือนช่างปูถนน ส่วนเรื่องที่ว่าจะเดินบนถนนหรือไม่ขึ้นอยู่กับเขาเท่านั้น
(มีต่อ)
สัญญาอมตะ ตอนที่ 12
การปรับตัวกับเวทมนตร์ในอากาศค่อนไปทางสมดุลเมื่อตะวันตกดิน ร่างกายของเซธแทบไม่แสดงอาการผิดปกตินอกจากตอนใช้เวทมนตร์ผ่านพิณเทพ ราวสลักกั้นการเปิดใช้พลังของเขาชำรุดมานานจนควบคุมไม่ได้ การใช้อาวุธธาตุทุกครั้งจบลงด้วยการทำลายรอบข้างจนแหลกต่างกับก่อนหน้านี้ที่ฝึกจนชำนาญได้ไม่ยาก ผู้เป็นอมตะหน้าซีดเมื่อต้องควักเงินจ่ายค่าเสียหายก้อนโตเป็นค่าซ่อมแซมอาคารครึ่งหลัง ผู้สวมรอยเป็นท่านผู้นั้นปลอบภายหลังว่าจะหางานให้ทำเพื่อหาเงินเพิ่มแทนส่วนเสียไป
“ต้องถามอิกริดตอนกลับมา เขาเคยเป็นอย่างนี้เหมือนกันแต่หลงอำนาจกว่าและไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย คงนึกภาพได้ไม่ยากนัก” ท่านผู้นั้นตัวปลอมส่ายหน้าว่าตนไม่เชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์ธาตุเท่าตัวจริง “พวกที่จับมาต้องถูกควบคุมเพื่อสืบสวนว่ามีเบื้องหลังหรือไม่ พรุ่งนี้เราจะให้เวลานายทั้งวันเขียนรายงานบอกรายละเอียดว่าทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ เขาคงไม่เคยให้ทำสินะ”
ท่านผู้นั้นตัวปลอมนั่งในห้องทำงานรอให้ผู้เป็นอมตะนั่งพักเหนื่อยและระงับความตื่นเต้น ผู้สวมรอยยังคงใช้ร่างของท่านผู้นั้นเหมือนเดิม คราวนี้ปีกสีขาวจากกลางหลังเหมือนพวกเผ่าเทพเก่าแก่ ดูแปลกพิกลเมื่อท่านผู้นั้นทำท่าทางกระตุ้งกระติ้งเหมือนผู้หญิง ท่านผู้นั้นตัวปลอมกำลังใช้แปรงขนหมูจุ่มน้ำมันบางอย่างมากแปรงปีกอย่างบรรจง เซธได้กลิ่นน้ำมันสนจากกระปุกดังกล่าว นั่นอาจเหมือนยาขัดเครื่องหนังกระมัง
“เรื่องที่อยากถามบางเรื่องอาจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของเขาเราจึงต้องไปคุยก่อนเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว นายต้องเดาได้แน่ว่าสิ่งแรกที่เขาทำคือก่นด่าว่าฉวยโอกาส ถึงจะปากร้ายยังไงเขาก็ยอมให้เล่าแบบเลี่ยงจุดสำคัญได้ เขากลัวถ้านายรู้แล้วจะกังวลเกินเหตุจึงไม่เคยเล่า”
ท่านผู้นั้นตัวปลอมเห็นเซธมองปีกสีขาวอย่างสนใจจึงเสริมว่ามันคือการดูแลรักษาปีกขั้นต้นที่ต้องทำทุกคืน น้ำมันสนช่วยให้ปีกลื่นไหลยามบินบนท้องฟ้า
“หญิงผมเขียวกับข้าผูกพันกันอย่างไรฝ่าบาท” เซธเริ่มคำถามแรกอย่างลังเล
ท่านผู้นั้นตัวปลอมหยุดสางปีกแล้วขบคิดหาคำตอบที่เหมาะที่สุด
“เธอไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกับนายโดยตรง ความทรงจำบางอย่างฝังลงในวิญญาณได้โดยเฉพาะความหมกมุ่นของมนุษย์ ‘เขา’ หลงหญิงคนนั้นจนผูกตัวเองเข้ากับอารมณ์เบื้องลึก เมื่อมาเกิดใหม่ภาพหญิงคนนั้นจึงคงอยู่เหมือนพวกพลังโบราณ...ทีนี้คำสาปทำให้ภาพคนรักใหม่ถูกเขียนลงในวิญญาณเช่นกัน บางครั้งความทรงจำก็เล่นตลกอย่างโหดร้าย แทนที่จะใช้ภาพคนรักใหม่กลับคว้าภาพคนรักเก่าที่จารึกไว้ข้างกันออกมาแทน อารมณ์รุนแรงในแก่นวิญญาณกระตุ้นให้คำสาปทำงานภายใต้เงื่อนไขรักอื่น ทางเดียวที่จะไม่ทรมานยามเห็นหน้าแม่นั่นคือถอนคำสาปให้ได้”
เซธนึกถึงตอนไปพบลักซูเรีย เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกนำตุ๊กตาหญิงผมเขียวออกมาล่อท่านผู้นั้น แสดงว่าเป้าหมายแท้จริงของมันคงเป็น ‘เขา’ มากกว่า แต่ถ้า ‘เขา’ ลงมาเกิดเป็นเซธ แล้วสิ่งที่อยู่หลังท่านผู้นั้นคืออะไรกันแน่
“’เขา’ ข้างหลังข้าคนนั้นเป็นแค่ความทรงจำอนาทอล ไม่มีตัวตนอีกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าในตอนนี้”
ท่านผู้นั้นเคยบอกเขาอย่างนี้โดยไม่ตั้งใจ ทุกอย่างล้วนสอดคล้องกันพอดี ท่านผู้นั้นเก็บ ‘เขา’ ไว้ข้างตัวในรูปของความทรงจำ อาจเพื่อปิดบังเรื่องที่ ‘เขา’ มาเกิดใหม่จนตกเป็นเครื่องมือช่วงใช้ ใช้เวลาพอสมควรกว่าเขาจะทำความเข้าใจและตั้งคำถามต่อ
“แล้วท่านผู้นั้นกับ ‘เขา’ เกี่ยวข้องกันอย่างไรฝ่าบาท สัญญาที่ท่านผู้นั้นทำกับ ‘เขา’ คืออะไร” พอสบช่องเซธก็ระดมคำถามเข้าไปอีก
ท่านผู้นั้นตัวปลอมยิ้มอย่างขบขันบอกว่าคำถามแรกนั้นตัวจริงอายเกินกว่าจะยอมให้พูด
“คำสัญญาของสองคนนั้นทำให้นายเป็นนายแบบนี้ เขายอมติดหนี้บุญคุณเสาค้ำจุนเพื่อให้ทางชีวิตของเจ้าราบรื่นกว่าคนทั่วไป บางอย่างผิดพลาดจากความตั้งใจของเขาราวโชคชะตาเล่นตลก ทั้งเรื่องกบฏตอนเขาติดงานจนช่วยไม่ทัน เรื่องฆาตกรวางเพลิงที่มีเรื่องสำคัญมาแทรก สุดท้ายคือทางเลือกของนายที่ต้องรับคำสาปอย่างนี้ แต่บางอย่างก็เป็นอย่างที่ ‘เขา’ ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์บางอย่าง ครอบครัวที่อบอุ่น และสุดท้ายก็คนรัก”
คำสุดท้ายนั้นทำให้ผู้เป็นอมตะนึกถึงโซลาน่า นางมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย เขาจะถามหากถูกกันไว้ด้วยรู้ว่าจะถามอะไร
“ฟังดูไร้มนุษยธรรมทว่านั่นเป็นเรื่องของเขาสองคน นายถูกจับตามองโดยเขาเกือบตลอดเวลาจนกว่า ‘เขา’ จะได้รับของตามสัญญา...ทีนี้ นายคิดว่าคนคลั่งรักอย่างนั้นต้องการอะไร” ท่านผู้นั้นตัวปลอมถามกลับ
เซธสามารถตอบได้ทันทีว่า ‘เขา’ ต้องการให้สตรีผมเขียวมาเกิดและผูกพันกันอีกครั้ง นางมาเกิดเป็นโซลาน่า นั่นคือสาเหตุที่เกิดเรื่องบังเอิญระหว่างเขากับนางบ่อยนัก ครั้งนั้นเขาคิดว่าพ่อบุญธรรมจัดฉากเพื่อให้ได้ดองกับตระกูลขุนนางเก่าแก่จากเมืองห่างไกล ความจริงนั่นคือฝีมือของท่านผู้นั้นหรอกหรือ!
“จริงสิ อิกริดฝากคำเหน็บมาด้วย ‘เจ้าคิดว่านิยายพรรค์นี้มันทำประโยชน์อะไรได้บ้างไหม!’ เขาฝากเรามาบอกอย่างนี้ล่ะ”
คำเสียดสีจากฝ่าบาทตัวจริงเหมือนกระสุนพุ่งทะลุหัวใจของเซธจนแหลกไปเสี้ยวหนึ่ง ทั้งหมดทั้งมวลเป็นแค่เรื่องราวเก่าแก่ไม่มีสาระสำคัญอะไรเลยนอกจากการรักษาสัญญาของท่านผู้นั้น สิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวได้จากเรื่องนี้คือความปรารถนาดีอย่างแท้จริง อาจเพราะสัญญาปริศนาแต่ฝ่าบาทก็พยายามปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพและหวังดีเสมอ
พอคิดถึงสัญญาก็มีคำถามตามมาอีก หากท่านผู้นั้นสัญญากับ ‘เขา’ ว่าจะให้เกิดใหม่พร้อมสตรีผมเขียวก็ส่งมาเกิดใหม่จนพบกันได้แล้ว เหตุใดจึงต้องติดตามต่อราวกับยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ฉะนั้น
“เอาเถอะหากอยากรู้ก็ต้องว่ากันต่อ ความอยากรู้อยากเห็นคือสิ่งพื้นฐานของมนุษย์ เรื่องนี้อาจสร้างความก้าวหน้าได้สักทางล่ะนะ” ท่านผู้นั้นตัวปลอมปิดกระปุกน้ำมันสนเพราะแปรงปีกเสร็จแล้ว “หากอยากถามว่าทำไมเขาจึงตามมองต่อไม่ยอมเลิกก็ลองคิดดู พวกนายยังขาดสิ่งใดอยู่อีก”
ผู้ปลอมตัวเป็นฝ่าบาทของเซธเอ่ยคำให้ปีกสีขาวหายไปกับอากาศ จากนั้นจึงเอากระปุกกับแปรงไปวางบนโต๊ะทำงานรอเก็บล้างเมื่อคุยจบ เซธขมวดคิ้ว เรื่องแต่งงานครองคู่เท่านั้นที่เขากับโซลาน่ายังไปไม่ถึง มันฟังดูเล็กน้อยสำหรับชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
“ความยึดติดของมนุษย์เป็นบาปไร้สิ้นสุด” ท่านผู้นั้นตัวปลอมหยิบนาฬิกาบนโต๊ะมาดูเล่นเพราะคิดว่าตนใช้เวลามากเกินไป “มันคือรักสามเส้าจากความหลงของ ‘เขา’ ล้วน ๆ สตรีผมเขียวรักทั้ง ‘เขา’ และชายอีกคนทว่าเธอเลือกไปกับชายผู้นั้นแทน ความริษยาปกคลุมหัวใจของ ‘เขา’ เพราะเรื่องนั้น หากสังหารเพื่อแย่งชิงหญิงสาวก็จะแค้นเคืองจนวันตายจึงไม่ทำ ปมห่วย ๆ นี้จึงติดตัวเขามากระทั่งได้รับมอบหมายจากเสาค้ำจุนเพื่อสร้างนักรบเทพคนที่สอง มันจบลงด้วยการทำสัญญาจนเป็นอย่างที่เห็น”
เซธลืมไปแล้วว่าตอนนี้ดึกแค่ไหนรีบถามต่อด้วยความสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาของคำสัญญาดังกล่าว เขาขอโทษที่คิดเชื่อมโยงเรื่องต่าง ๆ ได้ช้าจึงกินเวลามาก ฝ่ายท่านผู้นั้นตัวปลอมอมยิ้มเกริ่นถามว่าจะพอแค่นี้ก็ได้หากต้องการ เมื่อได้ยินว่าอยากฟังต่อก็พยายามเรียบเรียงทำให้เขาเข้าใจได้
“ความริษยาคือพิษร้ายกร่อนกระดูก มันคือความคิดว่าบางคนไม่คู่ควรกับบางสิ่ง และสิ่งนั้นเหมาะกับตนมากกว่าจึงเข้าแย่งชิง ความโลภก็แค่สะสมไม่จำเป็นต้องแย่งชิงเสมอไป ส่วนโทสะอาจแย่งชิงแต่ส่วนมากหวังแค่ระบายความคลั่ง มันจึงกลายเป็นส่วนผสมแห่งหายนะสำหรับทุกชีวิต” ท่านผู้นั้นตัวปลอมทำให้เซธนึกถึงภาพนิมิตตอนอยู่ในเรือดำน้ำ หญิงผมเขียวกับผู้ชายอีกคน ส่วนตัวเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกชิงชัง “หากการช่วงชิงสำเร็จเจ้าตัวก็ต้องมั่นใจว่าตนเหมาะสมกับของสิ่งนั้นจริง ๆ ในกรณีนี้คือเชื้อสายราชวงศ์ ความสามารถทางดนตรี และความสนิทชิดเชื้อ เจ้ามองตัวเองสิว่ามีครบหรือเปล่า”
เซธมีความหลังที่ดีเกี่ยวกับการเล่นดนตรี แม่บุญธรรมของเขาเป็นนักดนตรีมืออาชีพจึงได้รับอิทธิพลเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ต่อมาท่านผู้นั้นก็ยัดเยียดพิณเทพให้ แน่นอนว่ามันใช้งานเหมือนพิณทั่วไปได้ เรื่องราชวงศ์เขาจำไม่ได้ ส่วนโซลาน่าเป็นลูกหลานผู้ดีเก่า ไม่สงสัยเลยหากถูกบังคับแต่งงานกับเจ้าชายสักคน ความทรงจำก่อนไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าหายเรียบราวกับโดนลบ เพื่อนรักของท่านผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์สายนี้หากได้รับคำไหว้วานย่อมช่วยเหลือ ทั้งหมดทั้งปวงล้วนแต่เป็นฝีมือของท่านผู้นั้น!
ผู้เป็นอมตะสบถเบา ๆ ว่าควรทำอย่างไรกับท่านผู้นั้นดี!
“เพราะอย่างนี้เขาเลยไม่อยากบอกทุกอย่างออกไป อิกริดมักทำตามความต้องการอย่างบ้าคลั่งเหมือนกระทิงตาบอด พอรับปากเป็นมั่นเหมาะก็คิดเพียงให้บรรลุเป้าหมายเท่านั้น แม้การกระทำบางอย่างอาจผิดทว่าเราต้องดูจุดประสงค์ด้วย อย่างน้อยความรู้สึกระหว่างนายกับคนรักก็เป็นของจริง...”
เซธคิดผิดมหันต์ที่อยากรู้เรื่องทั้งหมด ชีวิตของเขาโดนท่านผู้นั้นลากจูงตั้งแต่เกิดจนโตแล้วสิ่งใดบ้างที่เป็นของเขาจริง ๆ แม้แต่ความต้องการของเขาก็อาจเป็นเจตจำนงของท่านผู้นั้นเช่นกัน หากให้เลือกเขาอยากให้ผู้ขีดเขียนชีวิตคือสิ่งที่ค้นไม่เจออย่างเสาค้ำจุนมากกว่าคนที่เดินข้างกันได้อย่างนี้
เมื่อเห็นผู้เป็นอมตะนิ่งไปนานจนน่ากลัวท่านผู้นั้นตัวปลอมก็รีบปลอบว่าตัวจริงไม่สามารถควบคุมได้ทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นเซธคงไม่เป็นกำพร้าและไม่ต้องเป็นอมตะ สิ่งที่ท่านผู้นั้นทำคือขีดเส้นทางคร่าว ๆ ให้เท่านั้น ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองว่าจะเลือกไปตามการจัดเตรียมหรือไม่ หากเฉออกนอกทางก็ต้องเร่งหาทางแก้ เหมือนพยายามเลี้ยงให้ลูกโตตามต้องการโดยไม่เสียตัวตนไป เปรียบท่านผู้นั้นเป็นเหมือนช่างปูถนน ส่วนเรื่องที่ว่าจะเดินบนถนนหรือไม่ขึ้นอยู่กับเขาเท่านั้น
(มีต่อ)