คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 25
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 14 กันยายน 2564 เวลา 13.30 น.
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 14 กันยายน 2564
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 14 กันยายน 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/406728607612136
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 13 กันยายน ฉีดวัคซีนแล้ว 40,276,356 โดส และทั่วโลกแล้ว 5,720 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 306.75 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 95.2%”
(13 กันยายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 5,720 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 34.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 380 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 179 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 306.75 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (77.4% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 116.16 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 13 กันยายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 40,276,356 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 57.58%
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 5,720 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 13 กันยายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 40,276,356 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 27,303,700 โดส (41.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 12,357,581 โดส (18.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 615,075 โดส (0.9% ของประชากร)
2) อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 12 ก.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 40,276,356 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 215,889 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 623,352 โดส/วัน
3) อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 13,161,316 โดส
- เข็มที่ 2 3,495,770 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,119,834 โดส
- เข็มที่ 2 7,014,541 โดส
- เข็มที่ 3 216,773 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 3,624,612 โดส
- เข็มที่ 2 1,815,172 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 397,938 โดส
- เข็มที่ 2 232,098 โดส
- เข็มที่ 3 398,302 โดส
4) การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 125% เข็มที่2 114.3% เข็มที่3 86.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 58.5% เข็มที่2 42.3% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 68.5% เข็มที่2 44.3% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 50.3% เข็มที่1 19.8% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 54.9% เข็มที่2 23.9% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 51.8% เข็มที่2 20% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 11.2% เข็มที่2 3.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 54.6% เข็มที่2 24.7% เข็มที่3 1.2%
5) จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 74.1% เข็มที่2 28.8% เข็มที่3 1.3% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 95.2% เข็มที่2 36.1% เข็มที่3 1.9%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 57.8% เข็มที่2 20.4% เข็มที่3 0.6%
- นนทบุรี เข็มที่1 57.1% เข็มที่2 21.6% เข็มที่3 0.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 52.4% เข็มที่2 26.2% เข็มที่3 0.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 48% เข็มที่2 23.1% เข็มที่3 0.8%
- นครปฐม เข็มที่1 36.1% เข็มที่2 13.3% เข็มที่3 0.7%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 28.5% เข็มที่2 14.1% เข็มที่3 0.7%
- นครศรีราชสีมา เข็มที่1 30.5% เข็มที่2 13.7% เข็มที่3 0.7%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 59.1% เข็มที่2 22.1% เข็มที่3 0.6%
- ชลบุรี เข็มที่1 53.7% เข็มที่2 22% เข็มที่3 1%
- เพชรบุรี เข็มที่1 42.2% เข็มที่2 18.1% เข็มที่3 0.8%
- ยะลา เข็มที่1 40.8% เข็มที่2 16.5% เข็มที่3 0.7%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 46.8% เข็มที่2 14.3% เข็มที่3 0.5%
6) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 306,759,695 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 116,168,745 โดส (26.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 40,276,356 โดส (41.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 38,746,501 โดส (19.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 38,488,051 โดส (65.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. เวียดนาม จำนวน 29,280,307 โดส (24.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
6. กัมพูชา จำนวน 21,733,051 โดส (67.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,974,665 โดส (77.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 8,184,418 โดส (9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 4,529,003 โดส (36.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 378,598 โดส (53.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.26%
2. ยุโรป 12.08%
3. อเมริกาเหนือ 10.19%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.9%
5. แอฟริกา 2.08%
6. โอเชียเนีย 0.49%
8) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,142.58 ล้านโดส (76.5% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 743.72 ล้านโดส (27.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 380.24 ล้านโดส (59.4%)
4. บราซิล จำนวน 210.28 ล้านโดส (51%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 141.43 ล้านโดส (56%)
9) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (93.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (88.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (84.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อุรุกวัย (84.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. กาตาร์ (82.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อิสราเอล (79.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. ชิลี (79%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. สิงคโปร์ (77.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
9. จีน (76.5%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. เดนมาร์ก (75.2%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/4153805428078331
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 14 กันยายน 2564
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 14 กันยายน 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/406728607612136
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 13 กันยายน ฉีดวัคซีนแล้ว 40,276,356 โดส และทั่วโลกแล้ว 5,720 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 306.75 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 95.2%”
(13 กันยายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 5,720 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 34.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 380 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 179 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 306.75 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (77.4% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 116.16 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 13 กันยายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 40,276,356 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 57.58%
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 5,720 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 13 กันยายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 40,276,356 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 27,303,700 โดส (41.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 12,357,581 โดส (18.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 615,075 โดส (0.9% ของประชากร)
2) อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 12 ก.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 40,276,356 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 215,889 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 623,352 โดส/วัน
3) อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 13,161,316 โดส
- เข็มที่ 2 3,495,770 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,119,834 โดส
- เข็มที่ 2 7,014,541 โดส
- เข็มที่ 3 216,773 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 3,624,612 โดส
- เข็มที่ 2 1,815,172 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 397,938 โดส
- เข็มที่ 2 232,098 โดส
- เข็มที่ 3 398,302 โดส
4) การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 125% เข็มที่2 114.3% เข็มที่3 86.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 58.5% เข็มที่2 42.3% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 68.5% เข็มที่2 44.3% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 50.3% เข็มที่1 19.8% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 54.9% เข็มที่2 23.9% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 51.8% เข็มที่2 20% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 11.2% เข็มที่2 3.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 54.6% เข็มที่2 24.7% เข็มที่3 1.2%
5) จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 74.1% เข็มที่2 28.8% เข็มที่3 1.3% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 95.2% เข็มที่2 36.1% เข็มที่3 1.9%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 57.8% เข็มที่2 20.4% เข็มที่3 0.6%
- นนทบุรี เข็มที่1 57.1% เข็มที่2 21.6% เข็มที่3 0.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 52.4% เข็มที่2 26.2% เข็มที่3 0.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 48% เข็มที่2 23.1% เข็มที่3 0.8%
- นครปฐม เข็มที่1 36.1% เข็มที่2 13.3% เข็มที่3 0.7%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 28.5% เข็มที่2 14.1% เข็มที่3 0.7%
- นครศรีราชสีมา เข็มที่1 30.5% เข็มที่2 13.7% เข็มที่3 0.7%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 59.1% เข็มที่2 22.1% เข็มที่3 0.6%
- ชลบุรี เข็มที่1 53.7% เข็มที่2 22% เข็มที่3 1%
- เพชรบุรี เข็มที่1 42.2% เข็มที่2 18.1% เข็มที่3 0.8%
- ยะลา เข็มที่1 40.8% เข็มที่2 16.5% เข็มที่3 0.7%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 46.8% เข็มที่2 14.3% เข็มที่3 0.5%
6) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 306,759,695 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 116,168,745 โดส (26.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 40,276,356 โดส (41.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 38,746,501 โดส (19.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 38,488,051 โดส (65.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. เวียดนาม จำนวน 29,280,307 โดส (24.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
6. กัมพูชา จำนวน 21,733,051 โดส (67.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,974,665 โดส (77.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 8,184,418 โดส (9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 4,529,003 โดส (36.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 378,598 โดส (53.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.26%
2. ยุโรป 12.08%
3. อเมริกาเหนือ 10.19%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.9%
5. แอฟริกา 2.08%
6. โอเชียเนีย 0.49%
8) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,142.58 ล้านโดส (76.5% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 743.72 ล้านโดส (27.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 380.24 ล้านโดส (59.4%)
4. บราซิล จำนวน 210.28 ล้านโดส (51%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 141.43 ล้านโดส (56%)
9) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (93.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (88.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (84.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อุรุกวัย (84.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. กาตาร์ (82.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อิสราเอล (79.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. ชิลี (79%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. สิงคโปร์ (77.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
9. จีน (76.5%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. เดนมาร์ก (75.2%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/4153805428078331
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭มาลาริน🎀 14ก.ย. ป่วย11,786คน รักษาหาย14,738คน เสียชีวิต136คน/ติดเชื้อ76จว./โควิดไทยในอาเซียน/สำรวจนักเรียนฉีดวัคซีน
https://siamrath.co.th/n/280358
เช็คที่นี่! 10 จว.ติดโควิดสูงสุด กทม.เหลือ2พันกว่า-ปราจีน-สุราษฏร์ทะยานติดอันดับ
วันอังคาร ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564, 13.53 น.
ทั้งนี้ จากตัวเลขดังกล่าว พบว่า ในพื้นที่ กทม.ตัวเลขลดลงจากเมื่อวาน 3,329 ราย วันนี้เหลือ 2,788 ราย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ตัวเลขลดลงมาเหลือหลักสองพันรายต่อวัน และนับเป็นสัญญาณที่ดี หลังจากที่เคยพีคสุดเกือบ 5 พันคนต่อวัน
ขณะที่ชลบุรี กลับมาพุ่งอีกแล้ว จากเมื่อวาน 650 ราย วันนี้เพิ่มเป็น 955 ราน เช่นเดียวกับสมุทปราการ เมื่อวาน 443 ราย วันนี้กลับมาพุ่งเป็น 811 ราย ส่วนสมุทรสาคร ก็เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 402 ราย วันนี้เป็น 542 ราย ที่น่าสนใจคือ ปราจีน พุ่งพรวด 296 ราย ทะยานติดอันดับ 7 ขณะที่ สุราษฏร์ธานี ติดเชื้อวันเดียว 252 ราย ขึ้นมาติดอันดับ 10 ของตารางเช่นกัน
ขณะที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศรายใหม่ จำนวน 11,510 ราย แยกตามรายภาคดังนี้
https://www.naewna.com/politic/602018
https://travel.trueid.net/detail/A5GQPOlbYkGX?utm_source=web-trueid&utm_medium=ctw&utm_term=clicklink&utm_campaign=travel_EpwDxDy0Jd17_relatecontent_travel_A5GQPOlbYkGX_01/02/2021
https://www.thairath.co.th/news/local/2192810
วันนี้โควิดของไทยผู้ป่วยใหม่ลดลงอีกค่ะ ผู้หายป่วยมีมากกว่าผู้ป่วยใหม่
การครองเตียงลดลงไปทุกวัน ทำให้ผ่อนคลายการทำงานของแพทย์และ พยาบาลรวมทั้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตามไทยยังติด 1ใน 10 ติดเชื้อสูงสุดของโลก ส่วนการฉีดวัคซีนยังเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน เป็นอันดับที่ 20 ของโลก
ข่าวสร้างความมั่นใจ เด็กๆนักเรียนจะได้ฉีดวัคซีนก่อนเปิดเทอมค่ะ
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีนะคะ