ศิริราชเผยผลการวิจัยโครงการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ด้วยวัคซีนไฟเซอร์

รายงานผลการวิจัยโครงการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ด้วยวัคซีนไฟเซอร์  

  หลังจากรับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม เป็นระยะเวลา 8-12 สัปดาห์ ระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีชนิด IgG เฉลี่ยอยู่ที่ 45-53 หน่วยต่อมิลลิลิตร

  - เมื่อได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์ขนาดเต็มโดส (0.3 มิลลิลิตร) มีระดับแอนติบอดีชนิด IgG ขึ้นเฉลี่ย 5,723 หน่วยต่อมิลลิลิตร

  - รองลงมาเป็นการกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์ขนาดครึ่งโดส (0.15 มิลลิลิตร) มีระดับแอนติบอดีชนิด IgG ขึ้นเฉลี่ย 4,598 หน่วยต่อมิลลิลิตรซึ่งสูงกว่าการฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิดอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

  เทียบกับ 4-8 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม จะมีระดับแอนติบอดีชนิด IgG เฉลี่ยที่ 1,931.3 หน่วยต่อมิลลิลิตร

  - ส่วนการกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า มีระดับแอนติบอดีชนิด IgG ขึ้นเฉลี่ย 1,599 หน่วยต่อมิลลิลิตร เทียบกับวัคซีนซิโนฟาร์มที่มีแอนติบอดีขึ้นเฉลี่ย 218.9 หน่วยต่อมิลลิลิตร

  ผลต่อการยั้บยั้งสายพันธุ์เดลต้า
  - ไฟเซอร์ขนาดเต็มโดสมีระดับไตเตอร์สูงที่สุด (839.9) รองลงมาเป็นวัคซีนไฟเซอร์ขนาดครึ่งโดส (531.  วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า (271.2) และวัคซีนซิโนฟาร์ม (61.3)

  สรุปว่า สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนซินโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม การใช้วัคซีนไฟเซอร์ฉีดเป็นเข็มที่ 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงที่สุด และครึ่งโดสอาจจะเพียงพอได้ ควรมีการศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อยืนยันผลภูมิคุ้มกันที่ได้จากการศึกษานี้

ที่มา : เพจ Siriraj Institute of Clinical Research 

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่