เริ่มจากตัวแม่เป็นคนกลัวหมา พอมีลูก ลูกก็กลัวหมาตามแม่
วันหนึ่งแม่และลูกก็อยากเลี้ยงหมา 555 เออ คนกลัวหมา อยากเลี้ยงหมา เราก็เริ่มคุยกัน ตั้งชื่อหมา ตั้งแต่ยังไม่มีหมาเป็นของตัวเองแต่ตั้งไว้หลายชื่อ
เริ่มจากไปดูๆ ที่สถานรับเลี้ยงสัตว์ ไปลองอุ้มลูกหมา ไอเดียคือต้องเป็นลูกหมาเล็กๆ เท่านั้น เพื่อกลบความกลัว ถ้าเอามาเลี้ยงตอนโตแล้ว เราจะกลัว
พอลูกไปเล่น ไปจับ ลองอุ้มลูกหมาสัก 30-40 นาที เพื่อลองใจดู ก็พบว่าแพ้ขนหมา ถ้าจับ ลูบแล้วจะคันตา จาม เกาจนตาบวม แพ้ทุกตัวที่ไปลองจับ พอขึ้นรถกลับบ้านจะเริ่มคันตา ขยุกขยิก พอถึงบ้านตาจะบวมได้ที่เหมือนร้องไห้มาทั้งคืน
T_T อดเลี้ยงหมา—-เศร้าใจกันไปทั้งแม่และลูก
เอาใหม่ กูเกิลหาหมาแบบที่คนแพ้เลี้ยงได้ ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าขนหมามีแบบเป็นขน และเป็นเหมือนแบบผมขน คนที่แพ้ขนหมาสามารถเลี้ยงแบบหลังได้ เราก็หารายการพันธุ์หมาแบบที่สอง ดูรูปหน้าตา ขนาด ส่วนสูง นิสัยโดยรวมๆ มานำเสนอกันในครอบครัว
-ไม่เอาหมาตัวเล็กๆ
-อยากได้หมาดุๆ หน่อย (เออ กลัวหมา แต่คิดเอาเองว่า ถ้าเลี้ยงตั้งกะเล็กๆ มันจะไม่กัดเรา และเราจะไม่กลัวมัน)
-ขอแบบรักสนุก ชอบวิ่งเล่น
-ฉลาด
-เป็นเพื่อน รักเจ้าของ
หาไปหามา ก็หาไม่เจอ ผ่านไป 2-3 เดือน ก็ยังไม่ได้หมาตามที่ว่ามา สุดท้ายตกลงปลงใจที่พันธุ์ผสมโกลเด้นบวกพุดเดิ้ล ขนแบบไม่แพ้ ฉลาด รักเด็ก ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่
พอได้พันธุ์ก็โพสต์หาหมา เพื่อนแนะนำคนขายแถวๆ บ้านให้ เราติดต่อไป ราคาโหดร้ายสำหรับคนที่ไม่เคยมีหมา และไม่คิดว่าหมามันแพงขนาดนี้ หลายหมื่นบาท แพงมากมาย ไม่เอาดีไหม เสียดายเงิน
ลองนัดเจอคนขาย ดูตัวเจ้าหมาน้อย ลูกสาวเข้าไปลูบหัว กอด อุ้ม แล้วเราก็กลับบ้านมาคุยกัน พอถึงบ้านลูกสาวก็เข้าห้องไปหยิบกระปุกออมสินมาแกะ เอาเงินมาวาง หนูช่วยจ่ายค่าหมา ตาไม่คัน ไม่แพ้ หมาน้อยน่ารัก
เคร งั้นก็นัดรับตัวเลย
กลับมาถึงบ้าน กินข้าว กินน้ำ คนขายโทรมาบอกว่าให้มาผิดตัว! เอ๊า ยังไง คนขายขอให้เอาไปเปลี่ยน เพราะเราเลือกตัวที่นิ่งสงบ แต่ตัวที่เราไปรับมา เค้าบอกว่า ซนมาก ซนเกินเบอร์ งั้นโอเคจ๊ะ วนกลับไปเปลี่ยน
ถูกตัวแล้วคราวนี้ ชัวร์
และแล้วบ้านเราก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่
สิ่งที่เกิด คือ ความกลัวหมาน้อยลงมาก รู้เรื่องหมาเยอะขึ้นจากการอ่าน ศึกษากูเกิล
หมาตัวแรกของคนกลัวหมา: แล้วเราก็เจอกัน
วันหนึ่งแม่และลูกก็อยากเลี้ยงหมา 555 เออ คนกลัวหมา อยากเลี้ยงหมา เราก็เริ่มคุยกัน ตั้งชื่อหมา ตั้งแต่ยังไม่มีหมาเป็นของตัวเองแต่ตั้งไว้หลายชื่อ
เริ่มจากไปดูๆ ที่สถานรับเลี้ยงสัตว์ ไปลองอุ้มลูกหมา ไอเดียคือต้องเป็นลูกหมาเล็กๆ เท่านั้น เพื่อกลบความกลัว ถ้าเอามาเลี้ยงตอนโตแล้ว เราจะกลัว
พอลูกไปเล่น ไปจับ ลองอุ้มลูกหมาสัก 30-40 นาที เพื่อลองใจดู ก็พบว่าแพ้ขนหมา ถ้าจับ ลูบแล้วจะคันตา จาม เกาจนตาบวม แพ้ทุกตัวที่ไปลองจับ พอขึ้นรถกลับบ้านจะเริ่มคันตา ขยุกขยิก พอถึงบ้านตาจะบวมได้ที่เหมือนร้องไห้มาทั้งคืน
T_T อดเลี้ยงหมา—-เศร้าใจกันไปทั้งแม่และลูก
เอาใหม่ กูเกิลหาหมาแบบที่คนแพ้เลี้ยงได้ ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าขนหมามีแบบเป็นขน และเป็นเหมือนแบบผมขน คนที่แพ้ขนหมาสามารถเลี้ยงแบบหลังได้ เราก็หารายการพันธุ์หมาแบบที่สอง ดูรูปหน้าตา ขนาด ส่วนสูง นิสัยโดยรวมๆ มานำเสนอกันในครอบครัว
-ไม่เอาหมาตัวเล็กๆ
-อยากได้หมาดุๆ หน่อย (เออ กลัวหมา แต่คิดเอาเองว่า ถ้าเลี้ยงตั้งกะเล็กๆ มันจะไม่กัดเรา และเราจะไม่กลัวมัน)
-ขอแบบรักสนุก ชอบวิ่งเล่น
-ฉลาด
-เป็นเพื่อน รักเจ้าของ
หาไปหามา ก็หาไม่เจอ ผ่านไป 2-3 เดือน ก็ยังไม่ได้หมาตามที่ว่ามา สุดท้ายตกลงปลงใจที่พันธุ์ผสมโกลเด้นบวกพุดเดิ้ล ขนแบบไม่แพ้ ฉลาด รักเด็ก ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่
พอได้พันธุ์ก็โพสต์หาหมา เพื่อนแนะนำคนขายแถวๆ บ้านให้ เราติดต่อไป ราคาโหดร้ายสำหรับคนที่ไม่เคยมีหมา และไม่คิดว่าหมามันแพงขนาดนี้ หลายหมื่นบาท แพงมากมาย ไม่เอาดีไหม เสียดายเงิน
ลองนัดเจอคนขาย ดูตัวเจ้าหมาน้อย ลูกสาวเข้าไปลูบหัว กอด อุ้ม แล้วเราก็กลับบ้านมาคุยกัน พอถึงบ้านลูกสาวก็เข้าห้องไปหยิบกระปุกออมสินมาแกะ เอาเงินมาวาง หนูช่วยจ่ายค่าหมา ตาไม่คัน ไม่แพ้ หมาน้อยน่ารัก
เคร งั้นก็นัดรับตัวเลย
กลับมาถึงบ้าน กินข้าว กินน้ำ คนขายโทรมาบอกว่าให้มาผิดตัว! เอ๊า ยังไง คนขายขอให้เอาไปเปลี่ยน เพราะเราเลือกตัวที่นิ่งสงบ แต่ตัวที่เราไปรับมา เค้าบอกว่า ซนมาก ซนเกินเบอร์ งั้นโอเคจ๊ะ วนกลับไปเปลี่ยน
ถูกตัวแล้วคราวนี้ ชัวร์
และแล้วบ้านเราก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่
สิ่งที่เกิด คือ ความกลัวหมาน้อยลงมาก รู้เรื่องหมาเยอะขึ้นจากการอ่าน ศึกษากูเกิล