สามีนอกใจ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้ (เค้าแค่สับสน หรือ หมดรักเราจริง ?)

เริ่มเลยนะคะ...........
เรากับสามีอายุประมาณ 30 ต้นๆ ค่ะ เราคบกันมา 14 ปี แต่งงานกันมาอาทิตย์หน้าครบ 10 ปีพอดีค่ะ มีลูกชายวัยน่ารัก 4 ขวบ เราแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย เราเรียนจบป.ตรี หัวค่อนข้างดี ได้ภาษา สามีเราเป็นเด็กเกเรจบวุฒิ ปวช. แต่มีความชอบ ความสามารถด้านรถยนต์ ชีวิตเรารักกันมาก ตัวติดกัน ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ จากที่ไม่มีอะไร จนเราได้ทำงานอาจเป็นเพราะวุฒิการศึกษาจึงทำให้เรามีโอกาสมากกว่า รายได้เยอะกว่า ขณะที่สามีเริ่มต้นสายงานด้วยความอดทน เป็นแค่คนคอยขับรถใหม่ในโชว์รูม เงินเดือนแค่ 7-8 พัน เราเลยต้องเป็นหลักที่จะซัพพอตเรื่องการเงินส่วนใหญ่ อยากมีรถขับ เราก็ซื้อ เป็นคนผ่อนรถให้เขาขับในขณะที่ตอนนั้นเรายังขับรถเองไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ส่วนด้านดีของเขาที่ตอบแทนเรา คือ ความน่ารัก การดูแลเอาใจใส่ การแสดงความรักอย่างสม่ำเสมอและจริงใจ มาตลอดค่ะ

วันเวลาผ่านไป ความมานะมุ่งมั่นของเขา บวกกับกำลังใจที่เราสู้ด้วยกันมาตลอด ทำให้จากเด็กขยับรถในโรงจอด เติบโตด้านสายงานจนมาเป็น ผู้จัดการศูนย์บริการรถยนต์ วันนี้เรามีลูกตัวน้อยด้วยกัน เขามีรถคันโตขับ และก็ออกรถเล็กๆ คันนึงมาไว้ให้เรารับ-ส่ง ลูกไปโรงเรียน ความสุขมันมีมากขึ้น เติบโตมาพร้อมกับความพร้อมในหลายด้านๆ มันก็เหมือนจะดีใช่ไหมคะ เขาก็ยังทำหน้าที่สามีที่ดีมาตลอด 

หลายเดือนก่อนหน้านี้ เราแยกกันนอนค่ะ อาจเป็นเพราะสุขภาพ หรือ ปัจจัยอื่นๆ จากคนไม่เคยนอนกรน ก็กลายเป็นนอนกรนเสียงดังมาก จนบางทีลูกก็ต้องตื่น แถมลูกเข้าวัยเรียนต้องตื่นแต่เช้า เราสงสารลูกเลยตกลงแยกกันนอนค่ะ แต่ด้านความสัมพันธ์แบบอย่างว่าก็ลดไปตามการแยกนอนค่ะ เราทำงาน รับ-ส่งลูก กลับมาสอนการบ้าน เลี้ยงลูก ดูแลบ้าน บางทีเหนื่อยเครียด จนละเลยไปอันนี้ยอมรับ แต่สามีเองก็ไม่ได้มีการเรียกร้องแบบซีเรียสนะคะ ส่วนเรื่องการดูแลเอาใจใส่เขายอมรับเลยค่ะว่าลดลง เพราะเราเอาเวลาไปให้ลูกหมด และบางทีบวกความเครียดงานก็มีบ้างที่เราเองอาจหงุดหงิด เอาแต่ใจบ้าง แต่เราก็ยังประคับประคองสถานะความรัก และความอบอุ่นในครอบครัวในระดับดีเยี่ยม ทุกคนที่รู้จักและเติบโตมาพร้อมกับเรา พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าครอบครัวเราน่ารักมาก จนกระทั่ง...

เขาได้รับพนักงานใหม่คนนึงเข้ามา ด้วยความถูกใจ ถูกชะตา ความสัมพันธ์จึงเกินเลยไปกว่าหัวหน้างานและลูกน้อง  เราไว้ใจเขามากโทรศัพท์ก็ไม่เคยเช็ค เรื่องที่ทำงานก็ไม่เคยก้าวก่าย ที่ทำงานเขาอยู่ตรงข้ามบ้าน เลิกงานทีใช้เวลาเป็นช่วงโมงกว่าจะกลับก็ไม่เคยสงสัย เขาบอกติดงานคือติดงาน ติดประชุมคือตามนั้น ให้เกียรติเต็มที่ (มาคิดตอนนี้คือ เรามันโง่เนาะ ฮ่าๆ) และถามว่าเรารู้ได้ยังไง เราไม่ได้จับได้นะคะ ย้ำ!! ไม่ได้สงสัยหรือจับได้ วันก่อนเขาเดินมาบอกขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม ขอให้แม่เขาช่วยดูลูกให้แปป เราก็เดินตามขึ้นห้องไปด้วยใจไม่ดีนัก และสิ่งที่ได้ยินมันก็กระแทกใจเราอย่างแรง หูอื้อ หน้าชา ใจสั่นไปหมด "หนูพี่กำลังคุยกับผู้ ญ คนนึงอยู่นะ พี่คุยมา 2-3 เดือนแล้ว" น้ำตาเราไหลออกมาไม่รู้ตัว เขาย้ำว่าความสัมพันธ์แค่คุยกัน !! เราถามเขากลับอย่างใจเย็น ว่าเป็นใครเราพยายามที่จะเอาโทรศัพท์เขามาดูและให้เขาเปิดดูว่า ผู้ ญ คนนั้นคือ คนไหน (จับโทรศัพท์เขาครั้งแรกในรอบหลายปี ล็อกแสกนใบหน้าจ้าาา)  สรุปเขาก็ดึงคืนไปได้ เราถามเขาว่าที่เขามาบอกเราเพราะอะไร เขาบอกว่าเพราะเขารู้สึกผิดจึงตัดสินใจบอก นี่คือคำตอบแรก คำถามต่อมาคือ โอเคถ้าสถานะเพิ่งเริ่มคุย คือเราขอให้เขาหยุดความสัมพันธ์ได้ไหม เขาบอกว่า"ไม่ได้" เราได้ยินและแบบใจสลายมาก เราถามว่าทำไมถ้าเลือกที่จะมาบอก โดยที่ไม่ได้อยากจะหยุดความสัมพันธ์ผิดๆ นั้น งั้นแสดงว่า คุณต้องการจะเลิกกับเราใช่ไหม เขาบอกว่า "เขาไม่ได้อยากเลิกกับเรา" คืนนั้นเราเคลียร์กันอยู่นาน ไม่ได้ข้อสรุป สิ่งที่ได้อย่างเดียวคือความเสียใจของเรา และน้ำตา เราไม่ได้รู้สึกโกรธนะ เราเสียใจมาก มันเสียใจ เสียความรู้สึก ทุกอย่างถาโถมประดังมาแบบไม่ตั้งตัว เขาบอกเราว่า เขาจะไปเคลียร์กับคนนั้นเอง ผู้ ญ คนนั้นรู้อยู่แล้วนะคะ ว่าสามีเรามีครอบครัวมีลูกแล้ว แต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่ เขาก็ยังจะเลือกสานสัมพันธ์กัน เราวกวนถามตัวเองหลายรอบแค่คุย 2-3 เดือน ทำไมเลิกคุยไม่ได้ คืนนั้นเขาร้องไห้ขอโทษเรา และนอนกอดเราทั้งคืน

เช้าวันต่อมาทีท่าเขาดูเปลี่ยนไป เขาบอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปเคลียร์เองนะ เราก็ยอมนะทำไรไม่ได้ ขอให้เคลียร์จริงๆ แต่สิ่งที่ช็อกมากขึ้น เขาบอกเราว่า เขารู้สึกกับเราไม่เหมือนเดิมละนะ เหลือแค่ความผูกพัน เขารักผู้ ญ คนนั้น เรานี่อึ้ง จากที่นอนร้องไห้ทั้งคืน เช้ามายังมาเจออะไรแบบนี้ เราแบบยังใจเย็นบอกเขาว่า เราให้อภัยเขานะ ถ้าเขารับปากว่าจะจบความสัมพันธ์กับฝั่งนู้นจริง เราไม่อยากทำลายครอบครัว เราสงสารลูก และเราก็ยังรักเขาเหมือนเดิม เขาก็ร้องไห้ออกมา บอกว่ารู้สึกผิดมากๆ รู้สึกผิดที่ทำร้ายคนที่รักเขาได้มากมายขนาดนี้ และยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้นที่เราให้อภัย ! 

เราก็แยกย้ายกันไปทำงาน แต่ความรู้สึกเรามันไม่โออ่ะ ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้ ญ คนนั้นเป็นใคร และเขาจะเคลียร์ให้เราจริงไหม พักเที่ยงจึงตัดสินใจเข้าไปที่ทำงานเขา สาบานด้วยเจตนาจริงว่าแค่อยากคุยให้เคลียร์ ไม่ได้มีความต้องการไปโวยวายต่อว่าหรืออย่างไร แต่สรุปเข้าไปพนักงานบอกว่าสามีเรายังไม่เข้ามา ใจเราหล่นไปอยู่ตาตุ่มอีกครั้ง เราโทรหาเขา ... เขารับสายค่ะ เราถาม "พี่อยู่ไหนคะ" เขาบอกอยู่ที่ทำงาน เราเลยบอกออกไปเลยว่าเราอยู่ที่ทำงานเขา เขาอึ้งไม่แต่ยังไม่ยอมบอกแต่แรกนะอยู่ไหน แค่บอกว่ามาเคลียร์กับผู้ ญ คนนั้น จนเราต้องขู่ว่าถ้าพี่ไม่บอก หนูจะพูดเรื่องนี้ให้คนที่นี่รู้เลยนะ (เขาแจ้งเราว่าความสัมพันธ์ของพวกเขา คนที่ทำงานก็ไม่รู้นะคะ อันนี้ไม่รู้จริงไหม) สุดท้ายเขาจึงยอมบอก เขาไปจอดรถเคลียร์กันในที่ๆ ไม่ไกลจากตรงที่ทำงานมาก เราขับตามไปแบบไม่วางสาย เขาเลยส่งสายให้เราคุยกับผู้ ญ คนนั้น ผู้ ญ คนนั้นบอกเราว่า เขาเคลียร์กันแล้วว่าจะจบ เขารู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายสามีเราก็ต้องเลือกลูก เลือกครอบครัว เขาขอโทษเราที่ทำ แต่ว่ามันก็เป็นความรู้สึกดีๆ จริงๆ ที่คุยกับสามีเราแล้วรู้สึกคิดเห็นตรงกัน ความคิดเข้ากันได้ เลยสานสัมพันธ์แต่ก็ยืนยันว่ายังไม่ถึงขั้นเลยเถิด เพราะทางเขาก็ต้องยั้งใจตัวเองว่าถ้าปล่อยตัวไปมันจะถอนตัวยาก เราคุยกับผู้ ญ คนนั้นดีนะ ไม่มีด่าอะไรเลยสักคำ จนเราขับรถถึงได้เจอพวกเขา แฟนเราท่าทีเปลี่ยนไปอย่างมาก เราเคลียร์ว่าถ้าเป็นแบบนี้คือ จะเอายังไง น้องผู้ ญ ออกตัวว่าจะขอเป็นคนลาออกเอง แต่ขอเวลา 3-4 เดือน แม่เจ้า !! 3-4 เดือน แบบที่คุณเจอหน้าทำงานใกล้ชิดกันทกวัน เราคิดแบบนี้นะแล้วมันจะจบได้จริงหรอ เราบอกน้องเขาว่าถ้าบริสุทธิ์ใจ สำนึกในสิ่งที่ทำจริงขอให้มันไวกว่านี้ได้ไหม พอเราเริ่มซักไซร้น้องเขามากขึ้น สามีเราก็แสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจน เริ่มออกตัวว่า "ก็บอกว่าจะจบ และเลือกลูกแล้วไง" เราเลยถามว่าคือที่เขาเลือกแบบนี้ มันเป็นการบังคับใจกันหรือเปล่า คือที่เลือกเพราะแค่ลูกหรอ ไม่ได้คิดจะกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเก่าใช่ไหม และคำตอบคือ "ใช่เพราะแค่ลูก พี่ไม่ได้รักหนูแล้ว" เขาพูดแบบนี้ต่อหน้าผู้ ญ อีกคน เราอึ้งมาก เราเสียงดังใส่เลยคือสับสน ว่าเมื่อคืนคืออะไร ที่นอนกอดร้องไห้ขอโทษเรา เราเลยพูดเลยว่าถ้าเป็นแบบนี้ไม่เป็นไรนะ มันก็ไม่มีความสุข เราไม่สามารถอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รักเราได้ เรายอมเลิกนะแล้วเขาจะคบกันก็ได้ ขออย่างเดียวอย่าทิ้งลูก เขาเงียบ จนน้องผู้ ญ คนนั้นเดินห่างออกไป เราเดินไปคุยกับเขาอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่เย็นลง ว่าตกลงจะเอายังไงเราเคารพการตัดสินใจ เขากลับบอกเราว่า "เขาไม่อยากเลิกกับเรา" เราสับสน สรุปเคลียร์แยกย้ายไปแบบไม่ได้ข้อสรุป รู้แค่ว่าพวกเขารับปากกันว่าจะจบ แต่ยังต้องทำงานเจอหน้ากันทุกวันตลอดไปอีก 3-4 เดือน

กลับมาบ้าน เราทั้งคู่ทำตัวปกติกับลูกที่สุด เราเองที่เห็นหน้าลูกแล้วน้ำตาจะไหล สับสน ไม่เข้าใจเหตุการณ์ มันไว มันตั้งรับไม่ทัน เราหาโอกาสเคลียร์กันด้วยเหตุผลอีกที เขาก็ยังยืนยันแหละค่ะ ว่าเขาไม่ได้รักเราแล้ว เขารักผู้ ญ คนนั้น แต่ตอนนี้เขาแค่ทำตามสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นเอง เราใจสลายนะ แต่ก็ต้องยอมรับ เราแค่สับสน เพียงแค่ไม่กี่ ชม. ก่อน สามียังปกติกับเราทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ เรายังเพิ่งมีอะไรกันด้วยซ้ำ คือพอแค่เขาตัดสินใจเดินมาสารภาพกับเราปุ๊ป !! กลายเป็นเขาหมดรักเราแล้วทันที 

เรายินดีมูฟออนทั้งที่หัวใจแตกร้าวแบบนี้นะ เรายังถามเขาว่า 14 ปีที่ผ่านมา พี่จะมาหมดรักหนูเพราะแค่คนคุย 2-3 เดือนได้จริงๆ ใช่ไหม เขาก็ร้องไห้ และก็มาบอกว่าเขาผิดเอง เขาเห็นแก่ตัว แต่ถ้าจะให้เลิกให้แยกกันเขาก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่เขาไม่ได้รักเราแล้ว ! ตกดึกก็เดินขึ้นมาขอนอนห้องเดียวกับเรา พอเช้ามาก็อาการเดิม 2-3 วันนี้ เราเหมือนใช้ชีวิตอยู่กับสามี ที่อกหักค่ะ เราก็เสียใจแต่ไม่มีน้ำตาให้ร้องแล้ว เรายังรักเขานะเรายอมรัก เราบอกเขาเลยว่าหนูยังรักพี่อยู่นะ ทุกครั้งที่พูดเขาก็จะร้องไห้ เขาคงรู้สึกผิดแหละ เราบอกเขานะว่าเราไม่รั้งเขา เราขอเวลาถ้าเราขยับขยายได้ เรายินดีไป และถ้าเขาไม้รักเราแล้ว เขาก็ไม่ควรรั้งเราไว้เช่นกัน แต่เขาก็ไม่อยากให้เราไปเขาสงสารลูก เรารับปากว่าเราจะทำทุกอย่างกับลูกให้เป็นปกติ แค่บอกว่าแม่ไปทำงานอาจไม่ได้กลับบ้านทุกวัน อยู่ด้วยกันเหมือนก่อน เราจะไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นพ่อของเค้าคงยังเป็นคนดี เป็นฮีโร่ของลูกตลอดไป แต่เขาก็ไม่อยากให้เราไป คือ ตอนนี้เราสับสนมาก ไม่รู้ว่าควรต้องทำยังไง และ สามีเราเขาหมดรักเราแล้วจริงๆ หรอ ???

-----------   เกือบเดือนผ่านไป​ -​------------

**มาอัพเดต​ อยู่ในความคิดเห็นด้านล่างนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
มาอัพเดตนะคะ ตอนนี้สถานะชัดเจนค่ะ.... และได้รู้ซึ้ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราไปพักผ่อนกัน ซึ่งเป็นทริปสุดท้ายที่จองไว้ตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่อง เราทำตัวปกตินะ แฮปปี้ในส่วนของลูก ลูกเราสนุกสนาน เช่นเคย ส่วนสามีนั้นเขาก็คงหมดใจไปแล้วจริงๆ เขาสนุกในส่วนที่อยู่กับลูก เราคุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้างตามประสาที่เคยอยู่ด้วยกัน และเราเองก็อดไม่ได้ที่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ตรงนี้กันอีก ไม่ถึงกับทะเลาะกันนะคะ เรายอมเสียศักดิ์ศรีสุด แค่ขอให้เขากลับมาเหมือนเดิม เป็นครอบครัวอีกครั้ง เพราะแค่ความสงสารก็ได้ ตอนแรกเขาตอบตกลงนะคะ คงสงสารที่เห็นเราเสียใจร้องไห้ แต่พอวันกลับเขากลับมาบอกเราว่า เขาไม่มีความสุขที่อยู่แบบนี้ บอกว่าเราหลอกตัวเอง เขาหาว่าเรารักตัวเองที่ขอแบบนี้ ไม่ได้รักเขา และนั่นก็คือน้ำตาหยดสุดท้ายของเราค่ะ...

กลับบ้านมา เรามาคุยกันต่อหน้าแม่เขา สรุปแม่เขาก็เข้าข้างเขานะคะ ว่าเราไม่ต้องกล่าวอ้างถึงเรื่องผู้ ญ คนอื่นหรอก แต่ว่าเราก็บอกเขานะ ว่าไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อว่าสามีหมดรักเรา แต่เราแค่ไม่เชื่อว่ามันจะไม่ได้มีสาเหตุมาจากมือที่ 3 เลย เพราะว่าเขาบอกว่าเขาหมดรักเรานานแล้ว จึงเปิดใจให้คนอื่นเข้ามา ไม่เกี่ยวหรอกว่าเพราะปันใจให้คนใหม่ ไม่ต้องงงหรอกนะคะ ว่าทำไมแม่สามีถึงเข้าข้างลูกเขา เขาว่าเราแข็งกับลูกชายเขา เขาว่าเราไม่มองความผิดตัวเองบ้าง เราถูกรุมเฉย ฮ่าๆๆ เราเป็นคนแข็งยังไงก็เกริ่นให้ฟังนะคะ เราเป็นคนที่ทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด แยกคนละกระเป๋ากับสามี เรื่องลูกเราจ่ายเองเกือบ 100% เกือบทุกอย่าง ค่ากิน ของเล่น หาหมอ ค่าเทอม สามีทำไมไม่ช่วยหรอ ? ช่วยค่ะ แต่น้อยมาก เพราะอะไร เพราะว่าเขาต้องดูแลแม่เขา เอาตรงๆ รายรับไม่พอจะมาจ่ายเพิ่มเกี่ยวกับของลูก เรามองว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่เป็นไร เราเข้าใจ และยินดียอมรับแบบนี้เองตั้งแต่ต้น เราเลยค่อนข้างเป็นคนที่ตัดสินใจไรเองได้ เหมือนไม่ใช่ผู้ ญ ที่จะต้องมาอยู่เป็นแม่บ้าน รอปรนนิบัติ อยู่ในโอวาทสามีขนาดน้นค่ะ อันนี้เรายอมรับ แต่เราไม่ได้ขาดตกบกพร่องเรื่องงานบ้านนะ ถึงเราทำงานเราก็ดูแลเสื้อผ้า อาหารการกินไม่เคยขาด

ตัดมาที่เมื่อโดนรุมแบบนี้ เราตัดสินใจยังไง มันสุดทางแล้วค่ะ ให้เราออกจากบ้านเขาตอนนี้ บอกตามตรงเรายังไม่พร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งเมื่อถามหาตรงนี้จากสามีว่า คุณพร้อมซัพพอตไหม เราพร้อมไป คำตอบคือ ตอนนี้ " ไม่" เพราะอย่างว่าแหละค่ะ ว่าตัวเค้าเองก็ไม่พอแล้วทุกวันนี้ และเขาบอกว่าจะต้องให้เขามาจ่ายเพิ่มถึงเมื่อไร และคือ เราจะไม่รับผิดชอบอะไรของลูกเลยหรอ ฮัลโหลลล ??? เราแบบ ที่ผ่านมาเราก็รับผิดชอบลูกมาตลอดนะ โอเคจบความสัมพันธ์แล้วให้เราออกไปเลยแบบนี้หรอ เขาก็บอกให้ลูกอยู่กับเขาก็ได้ เรามองออกเลยทุกวันนี้คุณไม่ได้รับผิดชอบอะไรลูกเลย แล้วลูกเราจะมีคุณภาพชีวิตยังไงเมื่ออยู่กับคุณ เราไม่ยอมค่ะ แม่เขายังมีมาว่าเราอีกนะ ว่าอะไรๆ ก็คือจะต้องเป็นเรื่องเงินหรือไง ? เราอยากตะโกนกลับไปเลยว่าใช่ !!! ไม่มีผัวอยู่ได้ แต่ไม่มีเงินอยู่ไม่ได้ ให้เราออกไป แล้วค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ส่วนเพิ่มตรงนี้ใครดูแล เราผิดหรอ คนผิดคือใครกันแน่ แต่ได้คิดในใจค่ะ เรื่องจริงน้ำตาไหลและเดินหนีไปแบบจุกๆ

คืนนั้นผ่านไปด้วยใจที่ปวดร้าว เราคิดไรได้เยอะเลยเชื่อไหมทุกคน เรารู้สึกเห็นคุณค่าในตัวเอง และคิดว่าโชคดีแค่ไหนที่เรายังเป็นคนทำงาน มีอาชีพ มีรายได้ มีหนทาง ถึงตอนนี้มันจะลำบากเพราะค่าใช้จ่ายรัดตัวก็เหอะ แต่เราคิดทั้งคืนมันต้องมีทางสิ ส่วนเรื่องสามี เชื่อไหมว่าเราแบบตัดใจเลย มันสุดแล้วสำหรับตอนนี้ รักไม่ลงแล้ว ไม่ไหว คิดว่านี่หรอคนที่เรารักมาตลอด สนับสนุนกันมาตลอด ไว้ใจมาตลอด ผลตอบแทนสิบปีที่ผ่านมาคุ้มค่าจริงๆ แต่ตอนนี้เรามีช่องทางขยับขยายและนะคะ เรามีเพื่อนดีมากเขาตกลงให้ความช่วยเหลือเรื่องที่พัก จนกว่าเราจะตั้งหลักได้ แต่เรายังไม่ได้ก้าวออกมาจากบ้านนะ รอให้ลูกเปิดเทอมก่อนและค่อยขยับขยายค่ะ มันยังมีปัจจัยอื่นๆ ด้วย แต่เรื่องตัดใจทำได้ดีเลย ทุกวันนี้เราทำงาน กลับบ้านมาดูแลลูก คุยกับแค่ลูก เราไม่มองหน้าเขาเลยนะคะ ไม่เริ่มบทสนทนาก่อน ถ้าเขาถามไร เราตอบเราคุยนะ แต่แค่นั้นจบ

เรารู้สึกเหมือนเขาก็ซึมๆ ลงนะ อาจเป็นเพราะอึดอัดบรรยากาศแหละ เราไม่คาดหวังอะไรแล้ว ไม่สนใจด้วยว่าเขาจะสานสัมพันธ์ต่อกับผู้ ญ คนนั้นไหม เราแค่วางเป้าหมายไว้ ว่าเราจะออกมากับลูก เห็นคุณค่าในตัวเอง และจะมาตั้งหลักสักพักหนี้สินลดลงจะหาบ้านทาว์นเฮาส์เล็กๆ สักหลังไว้อยู่กับลูกค่ะ ชีวิตยังต้องสู้ต่อไป ไม่ปฏิเสธว่าวันนี้ยังเสียใจ แต่เราไม่แคร์แล้ว บอกเลยกลับมาก็ไม่เอาแล้ว เจ็บจริงๆ จำจริงๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือว่าทำใจได้แล้วจริงๆ แต่เรามีสมาธิกับงานมากขึ้น เราวางได้เยอะขึ้น กลับมาทานข้าวได้ หลับสนิทกว่าเดิม แค่อึดอัดใจที่ยังต้องอยู่บ้านเดียวกับเขา รอวันขยับขยายต่อไป ก้าวเดินต่อไปค่ะ และต้องตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูของลูกให้ชัดเจนต่อไปในวันข้างหน้าค่ะ จะสลักหลังไว้ในใบหย่าเลย ที่ผ่านมาเขารับผิดชอบลูกไม่ไหวเพราะเขาต้องเลี้ยงแม่ เราเข้าใจเพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ตอนนี้เป็นแบบนี้เราไม่แคร์แล้วค่ะ เขาต้องจ่ายตามสมควร จะมาพูดอะไรมากมาย เราจะบอกเขาว่า "นั่นมันเป็นปัญหาของคุณ" นี่คือลูกของเรา คุณก็ต้องรับผิดชอบในฐานะพ่อคน ถ้าไม่ได้ก็ว่าไปตามกฏหมายต่อไปค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่