สวัสดีสมาชิกนะคะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่รับฟังปัญหาของเรานะคะ เราอายุ 27ค่ะ ตอนนี้มีลูก1คนอายุได้เดือนกว่าแล้ว สถานะตอนนี้เปนเหมือนกึ่งคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ เข้าเรื่องนะคะ เรากับสามีรู้จักกันได้สองปีกว่า แล้วแต่งงานกัน ได้สองปีจนมีลูก เขาเปนรักแรกของเรา เป็นครั้งแรกทุกอย่างของเรา เราจึงทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขา ชนิดแบบว่า เราอดได้แต่เขาต้องสบาย ใช่ค่ะ เราหลงเรารักเขามาก จนมองข้ามข้อเสียของเขาไปรึป่าว ช่วงคบกัน เรามีงานประจำกันทั้งคู่ แต่งานในบ้านทุกอย่างจะเปนเราทั้งหมด ยกเว้นทำอาหารส่วนมากเขาเปนคนทำ เราก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่ามันคือหน้าที่ของเราแหล่ะ พอผ่านไปปีกว่าๆ ก็พากันย้ายกลับมาบ้านเกิดแล้วมาผูกแขนป้อนไข่กันเขามาอยู่บ้านเรา เราก็ช่วยที่บ้านทำธุรกิจ เขาก็มาอยู่บ้านกับเรา ปัญหาเริ่มตรงนี้ค่ะ ตอนแรกเราก็ไม่รู้ตัวว่าสามีเราเปนคนยังไงจนคนที่บ้านเราตักเตือนเรา พอสามีมาอยู่ที่บ้านเรา เขาก็ว่างงานนะคะยังไม่หางานทำเปนหลักแหล่ง พอกลับมาภูมิลำเนาเดิม(เราสองคนเปนคนจังหวัดเดียวกันบ้านห่างกัน30กิโล) เขาเริ่มติดเพื่อนค่ะ เพื่อนสมัยเรียนที่แบบไม่เอาถ่านสักคน เขาชอบไปพักบ้านตัวเองไปสังสรรค์กับเพื่อน เที่ยงคืนตีนึงกลับบ้านเราบ้าง รึวันไหนมาไม่ไหวก็นอนบ้านเขาเองค่ะ บางครั้งเขาไปสามสี่วันแล้วกลับมาหาเราค่ะ เราก็ทำงานทุกวันค่ะไม่มีวันหยุดได้ค่าแรงปกติทั่วไปไม่ได้เปนเจ้าของธุรกิจเพราะ มันคือของแม่ค่ะ มันเริ่มตอรงนี้ค่ะพอเขาไปบ่อยๆขึ้นงานทำบ้างไม่ทำบ้าง การเงินตกที่เรา ค่างวดรถ ค่ากินค่าน้ำมันให้เขาไปสังสรรค์ ตอนนั้นเรายอมทุกอย่างกลัวเขาโกรธ พอไม่ให้เขาจะอารมณ์เสีย เราก็ทำงานหลายทาง เพื่อจะได้มีเงินเพียงพอจนเวลาผ่านไปแม่พ่อเราเริ่มถามเราว่าจะทำยังไงกับสามี แม่พูดเตือนสติเราว่าสามีมาเกาะเรากินนะเขาไม่คิดจะสร้างเนื้อสร้างตัวเลย เราก็เถียงค่ะ เถียงแบบไม่เคยก้าวร้าวกับพ่อแม่ แต่ก็เริ่มทะเลาะกับครอบครัวตัวเอง เราก็บอกสามีเราให้หางานหาการทำดีดี ช่วยกันบ้าง เขาก็รับปาก แต่ก็ทำๆหยุดๆแบบเดิมไม่พอจะมีอะไรเปนชิ้นเปนอันเอาเพื่อนและกินเปนใหญ่ จนเราตั้งท้อง เขาก็ทำตัวเเบบเดิมค่ะ จนเราท้องได้เจ็ดเดือน เราก็ยังทำงานหนักตั้งแต่วันแรกจนท้องได้เจดเดือน รอบนี้พ่อแม่เราไม่ยอมค่ะ ยื่นคำขาดว่าถ้าจะอยู่ที่นี่ต้องเลิกกับสามีถ้าไม่เลิกก็ย้ายออกไป เราเลือกที่จะอยู่กับพ่อแม่เลยขอห่างกับเขาค่ะ เราทบทวนดูที่ผ่านมาเขาไม่เคยช่วยอะไรเราเปนชิ้นเปนอันเลยมีแต่มาเอากับเราเราเลยบอกกับสามีว่าให้ไปพิสูทตัวเองอีกครั้งไปหางานทำมั่นคง เก็บเงิน ทำให้เหนว่ารับผิดชอบครอบครัวได้ เพราะลูกกำลังจะคลอดแล้ว เขาก็ไปตลอดเวลาสองเดือนก่อนคลอดนั้นก็มีเจอกันบ้างเดือนละครั้งสองครั้ง แต่เขาก็ยังไม่หางานทำขอเงินเราใช้ไปวันๆกับเพื่อนเขาเหมือนเดิม จนเราคลอด วันคลอดถูกช่วงโควิดพอดี แม่เราก็แก่เลยไม่อยากให้แม่มาเฝ้ากลัวโรคจึงจำเปนให้สามีมาเฝ้า เขามาค่ะ แต่เอาเพื่อนมาด้วย มาเฝ้าเรากับลูก วันแรกที่คลอด เราขยับตัวไม่ได้เลย แม่ก็มาให้กำลังใจก่อนคลอด นะคะ พร้อมกับเจอตัวสามีเราที่ไม่ได้เจอกันสองเดือนกว่า แม่เราก็เหมือนจะใจอ่อนก่อนวันคลอด1อาทิตแม่ก็พูดประมานว่าถ้ามันดูแล(เรา)ตอนเจบแผลกูจะให้มันแหล่ะดูแล กับลูกพอหายดีก็ค่อยหางานทำ เลี้ยวครอบครัวกูแก่แล้วเลี้ยงใครไม่ไหวเราก็ดีใจรีบบอกวามีเรานะคะว่าแม่พูดแบบนี้นะ เขาก็รับทราบค่ะ พอคลอดเสดแม่ก็เฝ้าเราจนเราได้ย้ายเข้าห้องพิเศษ พอย้ายเข้าห้องตอนแรกแม่ว่าจะกลับพร้อมพี่สาวที่จะมาเยี่ยมตอนทุ่มนึง แต่พอเราคลอดทุกอย่างมันไม่เปนอย่างที่เราคิดคือสามีเราเอาเพื่อนมาอยู่ด้วย และชอบหายไปเปนเวลานาน ไปส่งเพื่อนบ้าง กลับบ้านตัวเองบ้าง หาไปทีสามสี่ชั่วโมงค่ะ แม่เราดูและตัดสินใจไม่กลับเฝ้าเราด้วยเลยคนแก่เฝ้าคนเพิ่งผ่าเสดพร้อมลูกน้อยก็ร้องไห้เก่งมากแม่ก็จะเอาไม่ไหว แต่สามีเราก็ไปๆมาๆ ไปสะส่วนให้ไม่ค่อยอยู่ช่วยดูแล และยังเอาเงินกับเราไปใช้เหมือนเดิมค่ะ วันที่สองก็ไปๆมาๆเหมือนเดิมแม่เราก็พูดใส่เราค่ะ ว่าเหนยังขนาดเจบขนาดนี้มันยังวิ่งตามเพื่อน เหนคนอื่นดีกว่าเลย แม่พูดแค่นี้ค่ะเราก็เงียบ พอวันที่สามวันจะออกจาก รพ เขาบอกว่าเขามีงานเข้าพอดี จะไปรับงานเสดบ่ายสอง เราก็เลยถามเขารับทำไม วันนี้จะออกจาก รพ ใครจะขนของช่วย ใครจะเดินเอกสารลูกรับยาจ่ายตังให้ เขาก็โมโหค่ะ บอกว่าได้ตกลงกับพี่ที่ทำงานไว้แล้ว เราก็เงียบแล้วพูกว่าจะไปไหนก็ไป เขาก็ไป เราเพิ่งผ่าคลอดได้สองวันครึ่ง ต้องเดินลงมาจ่ายเงิน รับยาเองขนของเองเพราะแม่เราทำไม่ได้แกแก่แล้ว ตอนนั้นมันตึ้กในใจเราเลยค่ะ คิดทบทวนคำพูดของแม่ทุกอย่าง ทำไปน้ำตาไหลไป พอขนของเสด กลับมาถึงบ้านแม่พูดว่า มันไม่ตามมาหรอก ไม่ต้องทักหามันนะ กูจะรอดู แต่เราโทตามค่ะ ตอนบ่ายสอง เขาก็ไม่รับ พอสี่โมงกว่าๆ เขาแชทมาบอกเราว่างานยังไม่เสดนะ เราก็รออย่างมีความหวังว่าเขาจะมาจนสองสามทุ่ม เขาแชทมาบอกว่าจะนอนบ้านเค้าจะกลับไปหาพรุ่งนี้ ค่ะ เราก็นอย หน่อยๆ คิดแค่ว่า โอเคให้โอกาสเขาหน่อย พอวันถัดมา เขาก็ไม่มา วันที่สามก็ไม่มา แผลเริ่มดีขึ้น มีแม่คอยหาอาหารต้มน้ำร้อนให้ แม่ไม่พูดอะไรเลยสักคำทำอย่างเดียว เราก็เลยตัดสินใจเด็ดขาดค่ะ ทักไปบอกสามีว่า พอแล้วนะ ไม่ต้องมาแล้ว เขาอ่านแล้ววันถัดไปเขามาค่ะทีนี้ มาก็มาวะคิดในใจลองดูไปก่อนจะเปนไง เปนเหมือนเดิมค่ะ กินและนอน ทำงานบ้านไม่สะอาดทำพอเสดๆซักผ้าให้ลูกก็ให้บอกแล้วบอกอีก มาเฝ้าเราก็มีแต่นอนทั้งวันจริฃๆ นอนแล้วลุกไปกิน วนอยู่แค่นี้จริงๆ เวลาผ่านไปสองวันเปนวันที่ลูกมีอาการไม่ค่อยสบายจึงพาไปหาหมอ สรุปลูกเปนสะดืออักเสบต้องเข้ายาฆ่าเชื้อเจ็ดวันค่ะ การไปหาหมอ มีแค่พี่สาวที่คอยยุข้างๆ ส่วนสามีก็ไปหาเพื่อนค่ะ และมีนทำให้เราเด็ดขาดอีกครั้งเปนครั้งนี้ เราบอกให้เขาเกบของออกจากบ้านเราค่ะ และให้กลับไปยุบ้านของสามีเหมือนเดิม บอกให้เขาหางานทำ ไม่ต้องห่วงลูกเพราะเราดูแลเองได้ แต่เราจะไม่ดูแลสามีอีกแล้ว ไม่ให้เงินไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นให้เหลือแค่คำว่าลูกด้วยกัน เวลาก็ผ่านไปกว่าเดือนนนึงแล้วค่ะ ภายในเดือนนั้นเราไม่ได้ให้หรือสนใจสามีเลยค่ะ เขาก็ไม่หางานทำที่มั่งคงนะคะ ยัฃใช้ชีวิต เรื่อยเปื่อย หากินไปวันๆ ก็ยังคุยกับเราอยู่แต่เราก็จะคุยแต่เรื่องลูกเขาก็บ่นคิดถึงลูกอยากกลับมา เราก็เลยถามว่ากลับมาแล้วได้อะไร มีแต่ความลำบากให้เรากับลูกต้องเห็น เงินบาทนึงก็ไม่เคยหาให้ มีแต่เราที่คอยช่วยเหลือ นมกล่องนึงก็ไม่เคยซื้อให้ลูก แค่จะกินไปวันๆ ยังยากบางวันก็ยังมาขอเรา มายืมเรา ยืมก็ไม่เคยคืนค่ะ เฉยไปเลยโกหกว่านั่นนี่ต้องใช้จริงๆเราก็เลยให้ยืมสุดท้ายก็เงียบไปค่ะทำเหมือนไม่ได้ยืม พอทวงก็บอกไม่มีรอก่อนได้ไหม เขาเอาแต่โทษคนรอบข้างว่าไม่ช่วยเขายามเขาลำบากแบบนี้ เราก็แนะนำให้เขาหางานที่มั่นคงทำดูแลตัวเองให้ได้ เขาก็ไม่ทำคอยอารมเสียใส่คนที่บอกที่เตือนเขาค่ะ บางวันก็ทักมาบอกว่าหิวข้าว คงต้องไปขอเพื่อนกินละเมียก็ไม่ช่วย แบบคำพูดแบบนี้ ประมานนี้ค่ะ ตอนนี้ เราหมดศรัทธาในตัวเขามาก จากที่เคยคาดหวังว่าเขาจะเปนสามีที่ดีและเปนพ่อที่ดี ให้โอกาสแล้วโอกาสอีก ก็รุ้สึกว่าเขาไม่พยายามเพื่อเราเลยสักนิดค่ะ เราควรตัดเขาไปเลยไหมคะตอนนี้ไม่อยากแม้แต่ให้เขาได้เห็นลูก เราจะใจร้ายไหมคะ เรากลัววันนึงลูกถามเรื่องของเขาแล้วเราจะเล่าเรื่องดีดีของเขาให้ลูกฟังไม่ได้ ไม่อยากให้ลูกเหนหรือรับรู้อะไรแบบนี้ หรือว่าเราคาดหวังจากสามีมากไปคะ นิสัยแลบนี้เขาจะกลับมาเปนหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้ไหมคะ
สามีที่ไม่ทำหน้าที่สามีเลย หรือเราคาดหวังเกินไปคะ