ทาง รร. แจ้งให้ไปเซ็นรับเงินเยียวยา 2,000 บาท โดยให้เตรียมเอกสารไปและทำตามขั้นตอน พอถึงจุดที่ต้องรับเงิน ก็ไปนั่งรอแบบเงียบๆ เพราะมีคุณป้าท่านนึง กำลังเซ็นรับเงินอยู่ ระหว่างนั่งมีการสนทนาระหว่างคุณป้าและคุณครูห้องธุระการเรื่องการรับเงิน คุณป้าต้องการรับเป็นเงินสดเพื่อไปเป็นค่าใช้จ่ายช่วงที่หลานเรียนออนไลน์ที่บ้าน ครูต้องการให้คุณป้าใช้เงิน 2,000 บาท ที่พึ่งเซ็นรับ ให้ชำระค่าเทอมกับทาง รร. โดยพูดชัดเจนว่า รร.ต้องมีค่าใช้จ่าย และไม่มีเงินสำรองจ่ายจึงขอเก็บเงินในส่วนนี้  ป้าแกก็พูดด้วยอารมประมาณว่าต้องการเงินก้อนนั้น ไปใช้ก่อน สิ้นเดือนถึงจะโอนมาชำระค่าเทอม แต่ทาง ครูก็ไม่ยอม พูดจนแกต้องยอมจ่ายไป 1,000 บาท สุดท้ายป้าแกก็ต้องจ่ายและกลับบ้านไปด้วยสีหน้าและทางที่ไม่ยินดีเท่าไหร่ พอมาถึงตัวดิฉันเองที่นั่งฟังการสนทนาต่างๆอยู่นาน ก็เลื่อนไปนั่งที่โต๊ะ เพื่อรับเงิน และใช่ค่ะมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่าครูต้องการให้เอาเงิน 2,000 ที่ได้รับชำระเป็นค่าเทอมทันที แต่ฉันเองก็ลองใจถามไปดูสิ้นเดือนก็ไม่ได้เหรอค่ะ คำตอบที่ได้ไม่ต่างจากป้าค่ะ ส่วนตัวไม่มีปัญหากับการจ่ายค่าเทอม  แต่จะเป็นไปได้ไหมค่ะ ว่าผู้ปกครองควรได้รับเงินมาถือไว้ในมือสัก 10 นาทีก็ยังดี 😅 ยังไงก็เป็นเงินช่วยเหลืออยู่แล้ว เข้าใจนะคะว่าครูที่สอนออนไลน์ก็ต้องได้รับเงินเดือน ทาง รร.จึงอยากให้ผู้ปกครองชำระค่าเทอมเพื่อนำเงินไปจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับคุณครูใน รร. หรือเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆใน รร. พอมาถึงตอนนี้เลยสงสัยว่าเงินที่ได้รับจากการเยียวยานั้นตกลงเยียวยาผู้ปกครองหรือ รร.กันแน่ค่ะ เพราะการเรียนออนไลน์ที่บ้าน ไม่ใช่ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ เพราะบางทีคุณครู ก็สั่งงานที่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์มาใช้ในการทดลองหรือทำการบ้านส่ง  มันก็เป็นค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่ต้องช่วยในการสนับสนุนการเรียนออนไลน์ของลูก ยังไม่ร่วมถึงค่าอินเทอร์เนต  และการที่ผู้ปกครองต้องทำตัวเป็นคุณครูสอนลูกที่บ้าน ผู้ปกครองไม่ได้รับเงินเดือนเหมือนครู แต่ทำหน้าที่เหมือนครูแต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องทำเพื่อลูก  สุดท้ายแล้วของการรับเงินเยียวยานั้นเซ็นรับเงินไปโดยที่ไม่ได้สัมผัสเงินส่วนนั้นและจ่ายเพิ่มในส่วนที่เหลือและได้ใบเสร็จการชำระค่าเทอมกลับบ้านค่ะ ค่อนข้างเสียเวลาในการเดินทาง ถ้าทาง รร.ต้องการหักเป็นค่าเทอมก็แจ้งเลยค่ะว่าต้องการหักเป็นค่าเทอมจะได้โอนส่วนที่เหลือให้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเปลืองน้ำมันรถค่ะ