ปรึกษาเรื่องแก้นิสัยเสียน้องสาวยังไงดี

น้องขี้เกียจมากค่ะ ขี้เกียจตัวเป็นขน แบบเป็นขนจริงๆเลยอ่ะ งานบ้านไม่เอาไม่ทำเลย หรือจะให้ทำได้จริงๆก็ต้องโดนด่าสักฉาดนึงก่อนอ่ะ แล้วพอทำก็เหมือนทำแบบขอไปที ล้างจานก็กระแทกจานกระแทกถ้วยเสียงดัง หรือให้ไปกวาดบ้านถูบ้านนางก็กวาดๆถูๆลวกๆ เหนื่อยใจจนสุดท้ายเราก็ต้องเป็นคนยอมลงมือทำเองทุกอย่างโดยไม่อยากพึ่งนางอีก เหนื่อยใจเพลียใจมากๆเลยค่ะ

แล้วน้องเป็นคนพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆห้วนๆด้วยค่ะ ช่วงหลังๆมานี้เหมือนจะชอบกระแทกเสียงใส่ด้วย นับวันยิ่งเป็นหนักขึ้นๆจนเราที่เป็นพี่เริ่มรู้สึกฉุนกึกๆเลยค่ะ

ช่วงแรกๆที่นางเริ่มพูดแบบนี้คือตอนเข้าม.ต้นเราคิดว่าน้องอาจจะยังเด็กหรือเปล่าเลยยังทำนิสัยอะไรแบบเด็กๆอยู่ อาจจะได้มาจากเพื่อนที่โรงเรียนอะไรแบบนี้ เพราะช่วงนั้นนางเพิ่งขึ้นม.ต้นใหม่ๆค่ะ

แต่เราก็เคยเตือนนางนะเรื่องการพูดการจา คือกับตัวเราเองเราไม่ว่าอะไรเลยถ้านางจะพูดแข็งๆห้วนๆ กระแทกเสียงใส่ หยาบคาย หรือยังไงก็ได้กับเราที่เป็นพี่ เพราะด้วยความที่ว่าอาจจะสนิทกันมากจนนางมองเราเป็นเพื่อนมากกว่าพี่

แต่ประเด็นคือหลังๆนิสัยการพูดของนางมันเริ่มหนักขึ้นและแย่มากๆ บางคืนนางนอนดึกแบบดึกมากกกกก ตีสองตีสาม ยายที่ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำสองสามรอบเคยเตือนนาง เตือนตลอดเลยนะแต่นางก็เหมือนจะไม่ฟัง คือเคยแอบสงสัยนะว่านางจะทำสถิตินอนดึกหรือยังไงกันนะ?

จนคืนนึงก็เหมือนเดิม น้องเรานางยังคงทำสถิตินอนดึกเหมือนเช่นเคย คืนนั้นยานเราลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำแล้วเราลุกออกมาด้วย (คือเราจะออกไปหาของกินในครัว) ยายเห็นว่าน้องยังไม่นอน คือยายก็พูดดีๆนะว่านอนได้แล้วมั๊ง แต่สิ่งที่น้องเราตอบกลับคือคำว่า "เออ เดี๋ยวนอนเองแหละ" ด้วยน้ำเสียงที่แข็ง ห้วน และกระแทกเสียงใส่ พอยายได้ยินเลยแบบอารมณ์ขึ้น ฉาดนางไปยกนึงแล้วก็กลับไปนอน

เหมือนน้องเรานางจะคิดได้(หรือเปล่านะ?) เพราะพอโดนฉาดเลยปิดโน๊ตบุ๊คแล้วเข้าไปนอนตามหลังยาย แต่พอผ่านไปได้วันสองวันนางก็เป็นแบบเดิม จนยายเราขี้เกียจจะเตือนจะว่าแล้วเขาเลยปล่อย เราก็เคยเข้าไปเตือนนางนะ แต่ผลที่ได้ก็คือเหมือนเดิม ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ

บางทีพ่อแม่เรากลับมาจากต่างจังหวัด พวกท่านก็คงจะคิดถึงแม่คิดถึงลูกเลยมาหามาเยี่ยม แต่น้องเราต้อนรับพ่อแม่แบบ 'พ่อหวัดดี แม่หวัดดี' ยกมือไหว้ขอไปทีแล้วกลับเข้าไปหมกตัวในห้องเหมือนเดิม พ่อแม่เรายังบ่นเลยว่ามาหาเพราะคิดถึงนะ แต่ทำไมน้องทำตัวให้ได้ไม่น่าคิดถึงเลยสักนิด เราก็ไม่รู้จะบอกจะเตือนนางยังไงดี

ยิ่งตอนนี้เราออกมาจากบ้านหลักเเล้ว เพราะเราเรียนจบม.6แล้วก็ออกมาทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แล้วบ้านหลักเองตอนนี้ก็มีน้องเล็กเพิ่มมาอีก2คน หญิง1ชาย1 เป็นลูกของน้าสาว เราคิดว่าการที่เราออกมาจากบ้านแล้วน้องสาวเราอาจจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คือเป็นผู้ใหญ่ในที่นี้คือช่วยดูแลน้องเล็กสองคนได้ ช่วยยายทำงานบ้านได้บ้าง นางอาจจะคิดได้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นพี่ใหญ่สุดของบ้านต้องเป็นที่พึ่งให้ยายกับน้องเล็กได้บ้างนะ

แต่เราบอกเลยว่าเราโคตรผิดหวัง ผิดหวังกับน้องสาวตัวเองมากๆ เพราะครั้งล่าสุดที่เราได้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน คือน้องเรายังคงทำตัวเหมือนเดิม และอาการหนักกว่าเดิมอีกค่ะ

งานบ้านทุกอย่างยายเราต้องทำเอง ไหนจะเลี้ยงน้อง ซื้อกับข้าว ทำกับข้าว ทำเองหมดเลยค่ะ ในขณะที่น้องสาวเราทำแค่นั่งเฉยๆอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊คในห้องตัวเอง เราเข้าใจว่าช่วงนี้โควิด ไปเรียนที่โรงเรียนไม่ได้จำเป็นต้องเรียนออนไลน์ แต่เรียนเสร็จแล้ว ตอนเย็นๆนางไม่คิดจะออกมาช่วยยายล้างจานหรือกวาดบ้านหน่อยเหรอ

พอเรียกใช้หน่อยนางก็จะกระฟัดกระเฟียดใส่ กระแทกเสียง แล้วเดี๋ยวนี้เดินกระทืบส้นด้วย... ถ้าเป็นบ้านไม้คงพังครืนลงมาครั้งละหลายๆรอบแล้วล่ะค่ะ

ที่สำคัญคือน้องเล็ก2คนที่บ้านพูดเหมือนกันเลยค่ะ ว่าไม่อยากอยู่บ้านนี้ ไม่อยากอยู่กับน้องสาวเราเพราะน้องสาวเราชอบตะคอกใส่แล้วก็ชอบด่าเด็กๆ เธอ! เด็ก7ขวบกับ4ขวบบอกไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้วเพราะน้องเรา นี่น้องเราแย่ขนาดนี้เลยเหรอวะ?

เห้อออ ได้แต่ถอนหายใจเลยค่ะ เหนื่อยใจแทนคนที่บ้านซึ่งก็คือยาย

เราไม่รู้เหตุผลว่าทำไมน้องสาวเราถึงตะคอกหรือดุด่าน้องเล็กทั้ง2 น้องอาจจะดื้ออาจจะมึนจนน่าปวดหัวเกินต้าน แต่นางก็ควรจะพูดจาดีๆก็ได้นี่นา อีกอย่างตอนนี้นางอยู่ม.4แล้ว เป็นวัยรุ่นตอนปลายที่โตขึ้นมาอีกหน่อย เราว่านางน่าจะเก็บหรือควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้อ่ะ

เราเองก็มีแพลนจะกลับไปเยี่ยมบ้านหลักเร็วๆนี้ด้วย เลยอยากขอคำปรึกษาทุกคนว่าเราควรคุยยังไงกับน้องสาวตัวเองดี อย่างน้อยเราก็อยากให้นางคิดได้สักหน่อยนึงก็ยังดี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่