หลังจากตัดสินใจอยู่นาน ว่าจะซื้อ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ดีหรือไม่?
เพราะจากการคำนวณค่ารถในการไปทำงานในแต่ละวัน หากไม่รวมค่ารถไฟฟ้า BTS ,MRT แล้ว ก็ต้องมาเสียเงินกับ มอไซต์รับจ้าง
จากบ้านออกมาหน้าหมู่บ้านแล้วไปสถานีรถไฟฟ้าอีก ซึ่งไปกลับเดือน ๆ นึงคำนวณแล้วก็ประมาณ พันกว่าบาทได้ แต่พอมาวันนึง
เห็นคนขี่ อะไรคล้าย ๆ สเก็ตบอร์ด วิ่งผ่านหน้าไป เหมือนเจอสาวเลย มองตามมันวิ่งไปจนลับตา ณ. ตอนนั้น อยากได้มาก แต่ก็ไม่รู้
มันคือ อะไร ? ก็หาข้อมูลจนมารู้ว่า มันคือ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (Electric Scooter) และก็พึ่งรู้ว่ามัน พับได้ด้วย สามารถเอาขึ้นรถไฟฟ้าได้ด้วย
นี่แหละที่ต้องการ ในหัวนี่ลอยมาเลย “จากนี้ไปฉันก็ไม่ต้อง ไปรอ ไปแย่งขึ้น มอไซต์รับจ้างแล้ว” คิดว่าใช้ตัวนี้จบ ลงทุนนิดประหยัดเงินยาว ๆ
และ ไม่ได้กินไฟมากมายอะไรด้วย และเนื่องด้วยตอนก่อนซื้อ ก็หาข้อมูลไม่ค่อยมีสักเท่าไร อีกทั้ง ก็มีแค่ข่าวคนโดนหลอก
ซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า , จักรยานไฟฟ้า เต็มไปหมด กระทู้นี้ ผมเลยจะมาเล่า และ มาทำข้อมูล สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ตัวนี้
ให้ไว้เผื่อจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ บ้างครับ
เชื่อว่าทุก ๆ คนคงจะ ค้นหาข้อมูลกันได้ จาก Google หรือ Pantip นี่แหละ แต่เจอข้อมูลมาหน้าตาสินค้าก็คล้ายๆ กันหมด จะรู้ได้อย่างไรว่า แบบไหน ราคาเท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่า
ผมก็ตัดสินใจ เลือกพิจารณาจาก 3 ข้อ คือ
1) คุณภาพ ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่า
2) บริการหลังการขายที่เป็นมาตรฐาน
3) จุดจำหน่ายและบริการ ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งผมก็ให้ความสำคัญกับ ข้อ 2 และ ข้อ 3 มากที่สุด
เพราะถ้าเราเลือกแบรนด์ที่ดี ๆ มันจะสะท้อนไป ยังข้อ 1 ด้วย จึงเลือกซื้อด้วยเหตุผลตามนี้ ในการตัดสินใจ
และหลังจากหาข้อมูลสักพัก ก็มาตัดสินใจ กับ ตัวนี้ สกู๊ตเตอร์พับไฟฟ้า EM1 ในราคา 16,900 บาท ประเด็นแรกเลย
รับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 100 กก. พอมีการรับน้ำหนักได้สูง ก็สบายใจล่ะว่ามันทนทานแน่นอน และดูในเพจ และ เว็ปไซต์
ก็น่าเชื่อถือ ข้อมูลที่น่าพิจารณาต่อมา เรื่องแบตเตอรี่ รุ่นนี้ มีจำนวนการชาร์จสูงสุด 1,000 ครั้ง ซึ่งระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
วิ่งได้ประมาณ 25 กม. ระยะทางแบบนี้ ก็แบบประมาณขับไป-กลับ อนุสาวรีย์ - ม.เกษตร ได้เลยนะเนี่ย
ซึ่งเค้าเคลมว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานเฉลี่ยการชาร์จ1ครั้ง 0.76 บาทต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ
แล้วการขับของผมปกติไปทำงาน เฉลี่ย ไป-กลับ 10 กม. ดังนั้นเอาแบบโหลด ๆ เลย ถ้าต้องชาร์จแบตทุกวัน วันละ 1 ครั้ง
ปีนึงก็ชาร์จ 365 ครั้ง ก็ใช้งานแบตฯ เกือบ 3 ปีเลยทีเดียว ทำให้ผมประหยัดค่ามอไซต์รับจ้างไป 3หมื่นเจ็ดพันกว่าบาท ต่อปี เลย
เมื่อเทียบกับราคานี้ ซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ได้ตั้ง 2 คันมีทอนด้วย
และระยะเวลาการชาร์จ 2-3 ชม.เอง ก็เต็มแล้ว ใช้เวลาไม่นานเลย ซึ่งขนาดของ แบตเตอรี่ เป็นแบบ Lithium-ion
มีขนาด 36V 5.2AH และมีประกัน ตัวถัง 5 ปี มอเตอร์ 3 ปี แบตเตอรี่ 1 ปี และ คอนโทรลเลอร์ 1 ปี
แค่นี้ก็สบายใจล่ะ เสียเงินซื้อของที่มีคุณภาพไม่โดนหลอกขายแบบในข่าวช่วงนี้แน่นอน
จากนั้นก็มาดูเรื่อง Performance เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ว่าสเปค คุณสมบัติต่าง ๆ เป็นยังไง มีความปลอดภัยไหม ?
ที่แน่ ๆ ไม่ปล่อยมลพิษก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แน่นอน
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ตัวนี้
มีกำลังมอเตอร์ 350 W
วงล้อ 8.5 นิ้ว
ระบบเบรค เป็นแบบจานดิสเบรก
ความเร็วสูงสุด อยู่ที่ 25 กิโลเมตร ต่อ ชม.
มีจอ LCD ดิสเพลย์ แสดงสถานะแบตเตอรี่ และ อัตราความเร็ว
มาตรฐานกันน้ำ IP54 สามารถขับลุยน้ำได้ไม่เกิน 20 ซม.
น้ำหนัก โดยรวม 12.5 กก.
ขนาดโดยรวม 1056 x 420 x 1166 mm.
ถือว่าสเปคดีเลยทีเดียว ชอบตรงที่จานดิสเบรคนี้แหละครับ รู้สึกมั่นใจในการขับขี่
เอาจริง ๆ ผมก็ตัดสินใจ ณ. ข้อมูลทั้งหมดนี้ แล้วซื้อเลย เพราะทั้งเรื่อง คุณภาพ และ สเปคต่าง ๆ ถือว่าตอบโจทย์สำหรับผมแล้ว
เพราะดู ๆ แล้วมันก็น่าจะครบแล้วกับ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า สักตัวนึงที่ควรมีทีนี้มาถึงตอนสินค้ามาส่งถึงบ้าน
ประมาณว่าแกะกล่องรีวิวกันเลย กับ สิ่งที่เจอกับการใช้งานจริง ๆ
ในกล่องมีแถมแฮนด์ มาให้อีก 1 คู่ และสายเสียบสูบลมยาง และ ไขควงหกเหลี่ยม
ใช้งานง่ายมาก ๆ ดึงแกนขึ้น ล็อคที่คอแกน แล้วก็เลื่อนเข็มขัดมาครอบล็อคอีกชั้นนึงก็ใช้งานได้เลย
และตอนที่พับเก็บ ก็สามารถยกถือได้อย่างสบาย เพราะตรงกันท้าย มีช่องที่เสียบเข้าพอดีล็อคได้เลย
การเบรคจะอยู่ที่แฮนด์ฝั่งซ้าย การคอนโทรล เมนู และ ความเร็วจะอยู่ที่ฝั่งขวา
ก่อนใช้งานก็ชาร์จแบตกันก่อนเลย ตอนแรกก็คิดว่า จะชาร์จแบตได้แบบเดียว
คือเสียบชาร์จโดยตรงกับตัวรถเลย (ซึ่งต้องเปิดไฟรถไว้ด้วยนะครับ)
แต่จริง ๆ แล้ว เราสามารถถอดตัวแบตออกมาเสียบชาร์จตรง ได้เลย และแบตก็ไม่หนักมากสักเท่าไร
เฮ้ย แบบนี้ เราก็สามารถซื้อแบตมาสำรอง ชาร์จให้เต็มสองก้อน แล้วสะพายสำรองไว้
ก็ทำให้เราสามารถวิ่งระยะทางได้เพิ่มมากขึ้น 2 เท่าเลยสิเนี่ย
พอชาร์จแบตเตอรี่เต็ม เริ่มต้น ด้วยกดปุ่ม Power ไว้ประมาณ 3 วินาทีเพื่อเปิด ซึ่งการปิดก็เช่นกัน กดค้างไว้ 3 วินาที
จากวิธีการขับขี่ ก็ง่าย ๆ ไถตัวรถไปข้างหน้า สัก2-3 สเต็ป จากนั้นก็กดคันเร่ง
ที่อยู่ตรงนิ้วโป้งขวามือแค่นั้น ก็พุ่งไปข้างหน้า บังคับได้ตามต้องการแล้ว
โดยเค้าจะมีโหมดการขับขี่ มา 3 ระดับ โดยกดจากปุ่ม สามขีด ทางฝั่งขวา ซึ่งผมจะเรียกปุ่มนี้ว่า ปุ่มโหมดนะครับ
คือ 1 แบบปกติ (ไม่มีสัญลักษณ์ D ) เป็นโหมดการขับขี่แบบความเร็วสูงสุด 10 Km/ชม.
2. แบบ ขึ้นสัญลักษณ์ D สีน้ำเงิน เป็นโหมดการขับขี่แบบความเร็วสูงสุด 16 Km/ชม.
อธิบายง่าย ๆ คือ ไม่ว่าจะกดคันเร่งไปแค่ไหน ความเร็วก็ได้แค่เท่าที่กำหนด ในโหมดนั้น ๆ
ช่วยเซฟตี้ การขับขี่ในพื้นที่ ที่ต้องจำกัดความเร็วเพื่อความปลอดภัย ส่วนโหมดสุดท้าย
3. แบบ ขึ้นสัญลักษณ์ D สีแดง เป็นโหมดการขับขี่แบบความเร็วสูงสุด 25 Km/ชม. โหมดแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก เร่งกันสุด ๆ
โดยทั้ง 3 โหมด เวลากดคันเร่งค้างถึงจุด ๆ นึง จะมีเสียงดัง ปิ้บ เพื่อแสดงถึงการ เร่งคันเร่งค้างไว้ให้อัตโนมัติ
โดยที่เราไม่ต้องกดค้างให้เมื่อยมือ จะยกเลิก ก็กดคันเร่งลงไปอีกครั้ง แค่นั้น
(แต่ก็ต้องระมัดระวัง เพราะการให้คันเร่งค้างอัตโนมัตินั้น ความเร็วจะคงที่ เวลาเบรกกระทันหัน
จะเป็นการเบรกที่ ความเร็วขณะนั้น โดยไม่ได้ผ่อนความเร็วคันเร่งลง อาจจะหน้าทิ่มได้ 555)
👇👇 (มีต่อ)
[CR] สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ตัวแรกของชีวิต มาช่วยประหยัดไปเยอะเลย กับยุคนี้
หลังจากตัดสินใจอยู่นาน ว่าจะซื้อ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ดีหรือไม่?
เพราะจากการคำนวณค่ารถในการไปทำงานในแต่ละวัน หากไม่รวมค่ารถไฟฟ้า BTS ,MRT แล้ว ก็ต้องมาเสียเงินกับ มอไซต์รับจ้าง
จากบ้านออกมาหน้าหมู่บ้านแล้วไปสถานีรถไฟฟ้าอีก ซึ่งไปกลับเดือน ๆ นึงคำนวณแล้วก็ประมาณ พันกว่าบาทได้ แต่พอมาวันนึง
เห็นคนขี่ อะไรคล้าย ๆ สเก็ตบอร์ด วิ่งผ่านหน้าไป เหมือนเจอสาวเลย มองตามมันวิ่งไปจนลับตา ณ. ตอนนั้น อยากได้มาก แต่ก็ไม่รู้
มันคือ อะไร ? ก็หาข้อมูลจนมารู้ว่า มันคือ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (Electric Scooter) และก็พึ่งรู้ว่ามัน พับได้ด้วย สามารถเอาขึ้นรถไฟฟ้าได้ด้วย
นี่แหละที่ต้องการ ในหัวนี่ลอยมาเลย “จากนี้ไปฉันก็ไม่ต้อง ไปรอ ไปแย่งขึ้น มอไซต์รับจ้างแล้ว” คิดว่าใช้ตัวนี้จบ ลงทุนนิดประหยัดเงินยาว ๆ
และ ไม่ได้กินไฟมากมายอะไรด้วย และเนื่องด้วยตอนก่อนซื้อ ก็หาข้อมูลไม่ค่อยมีสักเท่าไร อีกทั้ง ก็มีแค่ข่าวคนโดนหลอก
ซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า , จักรยานไฟฟ้า เต็มไปหมด กระทู้นี้ ผมเลยจะมาเล่า และ มาทำข้อมูล สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ตัวนี้
ให้ไว้เผื่อจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ บ้างครับ
เชื่อว่าทุก ๆ คนคงจะ ค้นหาข้อมูลกันได้ จาก Google หรือ Pantip นี่แหละ แต่เจอข้อมูลมาหน้าตาสินค้าก็คล้ายๆ กันหมด จะรู้ได้อย่างไรว่า แบบไหน ราคาเท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่า
ผมก็ตัดสินใจ เลือกพิจารณาจาก 3 ข้อ คือ
1) คุณภาพ ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่า
2) บริการหลังการขายที่เป็นมาตรฐาน
3) จุดจำหน่ายและบริการ ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งผมก็ให้ความสำคัญกับ ข้อ 2 และ ข้อ 3 มากที่สุด
เพราะถ้าเราเลือกแบรนด์ที่ดี ๆ มันจะสะท้อนไป ยังข้อ 1 ด้วย จึงเลือกซื้อด้วยเหตุผลตามนี้ ในการตัดสินใจ
และหลังจากหาข้อมูลสักพัก ก็มาตัดสินใจ กับ ตัวนี้ สกู๊ตเตอร์พับไฟฟ้า EM1 ในราคา 16,900 บาท ประเด็นแรกเลย
รับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 100 กก. พอมีการรับน้ำหนักได้สูง ก็สบายใจล่ะว่ามันทนทานแน่นอน และดูในเพจ และ เว็ปไซต์
ก็น่าเชื่อถือ ข้อมูลที่น่าพิจารณาต่อมา เรื่องแบตเตอรี่ รุ่นนี้ มีจำนวนการชาร์จสูงสุด 1,000 ครั้ง ซึ่งระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
วิ่งได้ประมาณ 25 กม. ระยะทางแบบนี้ ก็แบบประมาณขับไป-กลับ อนุสาวรีย์ - ม.เกษตร ได้เลยนะเนี่ย
ซึ่งเค้าเคลมว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานเฉลี่ยการชาร์จ1ครั้ง 0.76 บาทต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ
แล้วการขับของผมปกติไปทำงาน เฉลี่ย ไป-กลับ 10 กม. ดังนั้นเอาแบบโหลด ๆ เลย ถ้าต้องชาร์จแบตทุกวัน วันละ 1 ครั้ง
ปีนึงก็ชาร์จ 365 ครั้ง ก็ใช้งานแบตฯ เกือบ 3 ปีเลยทีเดียว ทำให้ผมประหยัดค่ามอไซต์รับจ้างไป 3หมื่นเจ็ดพันกว่าบาท ต่อปี เลย
เมื่อเทียบกับราคานี้ ซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ได้ตั้ง 2 คันมีทอนด้วย
และระยะเวลาการชาร์จ 2-3 ชม.เอง ก็เต็มแล้ว ใช้เวลาไม่นานเลย ซึ่งขนาดของ แบตเตอรี่ เป็นแบบ Lithium-ion
มีขนาด 36V 5.2AH และมีประกัน ตัวถัง 5 ปี มอเตอร์ 3 ปี แบตเตอรี่ 1 ปี และ คอนโทรลเลอร์ 1 ปี
แค่นี้ก็สบายใจล่ะ เสียเงินซื้อของที่มีคุณภาพไม่โดนหลอกขายแบบในข่าวช่วงนี้แน่นอน
จากนั้นก็มาดูเรื่อง Performance เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ว่าสเปค คุณสมบัติต่าง ๆ เป็นยังไง มีความปลอดภัยไหม ?
ที่แน่ ๆ ไม่ปล่อยมลพิษก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แน่นอน
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ตัวนี้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้