เป๊ป ใช้เงินมหาศาล, โซลชา 2 ปีครึ่งทุ่มกว่า 400 ล้านปอนด์ ! เปิดเม็ดเงิน "บิ๊กซิกซ์" ใช้สร้างทีมกับกุนซือปัจจุบัน

เป๊ป ใช้เงินมหาศาล, โซลชา 2ปีครึ่งทุ่มกว่า 400 ล้านป. ! เปิดเม็ดเงิน "บิ๊กซิกซ์" ใช้สร้างทีมกับกุนซือปัจจุบัน
 
การใช้เงินซื้อความสำเร็จในวงการลูกหนังถือเป็นเรื่องปกติ เพราะมีสโมสรชั้นนำมากมายที่ยอมทุ่มเงินเพื่อคว้าผู้เล่นซูเปอร์สตาร์มาเสริมทัพ เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายในการนำโทรฟี่แชมป์มาประดับในตู้โชว์สโมสร
 
อย่างไรก็ตามบางทีมก็พยายามทุ่มเงินเพื่อสร้างขุมกำลังให้แข็งแกร่ง แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม เพราะเม็ดเงินที่ใช้ไปมันกลับไม่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า แถมยังสร้างหนี้สินให้กับสโมสรอีกต่างหาก
 


สำหรับในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องบอกเลยว่าตลาดพ่อค้าแข้งในช่วงซัมเมอร์นี้คึกคักสุดๆ เพราะมีการทุ่มเงินมหาศาลหลายทีม โดยเฉพาะ "บิ๊กซิกซ์" ที่เสริมทัพเต็มสูบเพื่อหวังความสำเร็จในฤดูกาลนี้
 
อย่างไรก็ตามหากย้อนดูการเสริมแกร่งในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะทั้งตอนซัมเมอร์ และฤดูหนาว บรรดา 6 ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ใช้จ่ายกันไปมากแค่ไหนกับกุนซือคนปัจจุบัน ลองมาพิจารณากันซะหน่อย
 
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
 


สำหรับในช่วงซัมเมอร์นี้ โซลชา ใช้เงินไปไม่น้อยกว่า 126 ล้านปอนด์ (ราว 5,544 ล้านบาท) ในการดึงตัว เจดอน ซานโช่, ราฟาแอล วาราน และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาเสริมแกร่งเพื่อหวังนำความสำเร็จกลับคืนสู่สโมสรอีกครั้ง
 
ตลอดระยะเวลาที่ "น้าลูกอม" เข้ามารับหน้าที่กุมบังเหียน "ผีแดง" เป็นเวลา 2 ปีครึ่งเขาใช้เงินในการเสริมทัพรวมแล้วประมาณ 441 ล้านปอนด์ (ราว 19,404 ล้านบาท)  แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความว่างเปล่าเท่านั้น
 
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา อาเหม็ด ดิยัลโล่ ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ (ราว 836 ล้านบาท) ซึ่งปีกดาวรุ่งชาวไอวอรี่ โคสต์ ยังไม่สามารถพิสูจน์ว่าคุณค่าว่าเหมาะกับค่าตัวขนาดนั้นไหม
 
 ขณะที่ช่วงซัมเมอร์ก่อนหน้านี้ อเล็กซ์ เตลเตส ย้ายมาร่วมทีมด้วยสนนราคา 13 ล้านปอนด์ (ราว 572 ล้นาบาท) แต่สุดท้ายการมาของเขากลายเป็นแรงกระตุ้นให้ ลุค ชอว์ งัดฟอร์มเก่งจนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลก
 
สำหรับนักเตะที่ โซลชา ดึงตัวมาแล้วคุ้มค่ามากที่สุดคงหนีไม่พ้น บรูโน่ แฟร์นันด์ส เพราะนับตั้งแต่ที่ย้ายมาเล่นกับทีม ดาวเตะชาวโปรตุกีส แสดงให้เห็นแล้วว่าค่าตัว 56 ล้านปอนด์ (ราว 2,464 ล้านบาท) มันช่างถูกเหลือเกินเมื่อเทียบกับฟอร์มของเขากับ "ผีแดง"
 
ยังไม่หมดแค่นั้น นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ จัดการเสริมแกร่งแนวรับด้วยการสอย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นสถิติกองหลังแพงสุดในโลกด้วยราคา 80 ล้านปอนด์ (ราว 3,520 ล้านบาท)  แต่ผลงานก็ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก
 
นอกจากนี้ยังมี อารอน วาน-บิสซาก้า ที่มีค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท) และ แดเนี่ยล เจมส์ ค่าตัว 15 ล้านปอนด์ (ราว 660 ล้านบาท) แต่นักเตะโดนขายไปให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด เรียบร้อยแล้ว 
 
เจอร์เก้น คล็อปป์ - ลิเวอร์พูล
 


ต้องยอมรับว่า คล็อปป์ มีไหวพริบอย่างยิ่งในการเสริมทัพจนสามารถนำสโมสรยุติ 30 ปีที่รอคอยด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จ และยังได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซะด้วย 
 
ตลอดช่วง 6 ปีที่อยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ทุ่มเงินมากกว่า 500 ล้านปอนด์ (ราว 22,000 ล้านบาท) ในการดึงผู้เล่นมาร่วมทัพทั้งหมด 19 คน และมีบางคนที่ย้ายออกไปแบบไม่มีค่าตัว
 
ในช่วงเวลานั้น คล็อปป์ เคยสร้างสถิติสุดฮือฮาด้วยการคว้า เฟอร์จิน ฟาน ไดค์ มาร่วมทีมเป็นสถิติกองหลังแพงสุดในโลก จำนวน 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,300 ล้านบาท) ก่อนที่ แม็กไกวร์ จะลบสถิติหลังย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ไปแมนฯ ยูไนเต็ด 
 
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ คล็อปป์ จัดการคว้าตัว อลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลียน มาจาก โรม่า ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกเช่นกันจำนวน  66.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,006 ล้านบาท)  ก่อนที่ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า จะทุบสถิติหลังย้ายจาก แอธเลติก บิลเบา มาเฝ้าเสาให้เชลซี
 
ส่วน นาบี เกอิต้า มีค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท) ส่วนนักเตะคีย์แมนสำคัญอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ มีค่าตัวอยู่แค่ประมาณคนละ 37 ล้านปอนด์ (ราว 1,628 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นดีลที่น่าเหลือเชื่อสำหรับ "หงส์แดง" จริงๆ 
 
ยังมีการคว้าตัวที่ต้องบอกว่าคุ้มค่าสุดๆ ก็คือ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ย้ายจาก ฮัลล์ ซิตี้ มาอยู่ในแอนฟิลด์ด้วยค่าตัวแค่ 8 ล้านปอนด์ (ราว 352 ล้านบาท) ขณะที่ โฌแอล มาติป ย้ายมาฟรี และ จินี่ ไวจ์นัลดุม ค่าตัว 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,056 ล้านบาท) แต่ปัจจุบันโบกมือลาทีมไปแบบไม่มีค่าตัวแล้ว 
 
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า - แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 


ยอดคนชาวสแปนิชอย่าง กวาร์ดิโอล่า อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้ว 5 ปี โดยในช่วงเวลาที่อยู่กับสโมสรแห่งนี้เขาใช้เงินในการเสริมทัพไปเกือบ 1,000 ล้านปอนด์ (ราว 44,000 ล้านบาท) เลยทีเดียว แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คุ้มค่าเช่นกัน
 
"เป๊ป" จัดการสะกิดบอร์ดบริหารให้ควักเงินมาสร้างความสำเร็จไปประมาณ 920 ล้านปอนด์ (ราว 40,480 ล้านบาท)  โดยมีนักเตะย้ายมาสวมชุด "เรือใบสีฟ้า" ถึง 30 คน แต่ก็มีบางคนที่ไม่เคยได้ลงสนาม และบางคนก็โดนขายทิ้งไปแล้ว
 
"เรือใบสีฟ้า" เพิ่งจะทำลายสถิติค่าตัวแพงที่สุดในเกาะอังกฤษด้วยการกระชาก แจ็ค กรีลิช มาจาก แอสตัน วิลล่า สนนราคาไม่มากไม่มายเพียง 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,400 ล้านบาท) ในช่วงต้นซัมเมอร์นี้ 
 
จะว่าไปแล้ว เป๊ป ถือเป็นกุนซือที่มือเปิบอย่างมาก เพราะเขาเคยใช้เงินมากกว่า 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท) ในการซื้อผู้เล่นใหม่ 7 ครั้ง และที่สำคัญหนึ่งในนั้นยังคงอยู่เป็นขุมกำลังของทีมในปัจจุบัน
 
ในรายของ เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลียน ย้ายมาเฝ้าเสาให้กับทีมด้วยค่าตัว 36 ล้านปอนด์ (ราว 1,584 ล้านบาท) เมื่อปี 2017 ขณะที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ถือเป็นนักเตะที่ ซิตี้ ใช้เงินน้อยนิดกระจิดริดแค่ 1.8 ล้านปอนด์ (ราว 79.2 ล้านบาท) ในการดึงตัวมาร่วมทีมเมื่อ 5 ปีก่อน 
 
มิเกล อาร์เตต้า - อาร์เซน่อล
 


ใครจะไปคิดว่า อาร์เตต้า จะได้รับโอกาสใช้เงินมากมายในช่วงซัมเมอร์นี้ เพราะบอร์ดบริหารทุ่มเงินให้เขาสร้างทีมอย่างเต็มที่ โดยงานนี้เจ้าตัวจัดการใช้เงินไปเกือบ 150 ล้านปอนด์ (ราว 6,600 ล้านบาท) เพื่อหวังจะนำสโมสรกลับคืนสู่เวทีลูกหนังยุโรปให้ได้
 
นายใหญ่ชาวสแปนิช มีโอกาสได้เข้าร่วมวงไพบูลย์ในตลาดซื้อขายนักเตะมาแล้ว 4 ครั้งนับตั้งแต่ที่เข้ามากุมบังเหียน "ไอ้ปืนใหญ่" พร้อมกับใช้เงินไปแล้วประมาณ 225 ล้านปอนด์ (ราว 9,900 ล้านบาท) พร้อมกับได้นักเตะใหม่มาจำนวน 12 คน บางคนก็ไปได้สวยบางคนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
 
โธมัส ปาร์เตย์ ถือเป็นการเสริมทัพที่สำคัญมากโดยทีมยอมควักกระเป๋าถึง 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,980 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขายังไม่สามารถเล่นได้คุ้มกับเม็ดเงินที่จ่ายไปเลย แถมยังต้องมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากบาดเจ็บบ่อยมาก
 
ขณะที่ กาเบรียล มาร์กัลเญส ดาวเตะชาวบราซิเลียน ย้ายมาด้วยค่าตัว 23 ล้านปอนด์ (ราว 1,012 ล้านบาท) แต่ผลงานก็ไม่ได้โดดเด่นสมกับค่าตัว หลังจากนั้น อาร์เตต้า พยายามที่จะสร้างทีมใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้ พร้อมกับทุ่มเงินเสริมทัพอีกครั้ง
 
เบน ไวท์ ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท) ส่วน มาร์ติน โอเดอการ์ด ค่าตัวมากกกว่า 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,320 ล้านบาท) และ แอรอน แรมส์เดล 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,056 ล้านบาท) โดยทั้งสามคนอายุเพียงแค่ 23 ปีหรือต่ำกว่านั้น
 
ล่าสุด อาร์เซน่อล เพิ่งได้ตัว ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ กองหลังทีมชาติญี่ปุ่น มาจาก โบโลญญ่า โดยมีค่าตัว 17 ล้านปอนด์ (ประมาณ 765 ล้านบาท) ในช่วงวันสุดท้ายตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ โดยหวังว่าการเสริมทัพครั้งนี้จะช่วยให้ "ปืนใหญ่" กลับมาสู่เส้นทางที่เหมาะสมหลังเปิดซีซั่นนี้ด้วยฟอร์มน่าอนาถเหลือเกิน
 
โธมัส ทูเคิ่ล - เชลซี
 


ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีมในช่วงกลางซีซั่นที่ผ่านมา โดยเขาไม่มีโอกาสที่จะได้เสริมทัพตามแนวทางที่ต้องการ แต่ก็ยังถือว่าโชคดีเพราะขุมกำลังของ "สิงโตน้ำเงินคราม" ค่อนข้างแกร่ง และทำให้เขาสามารถวางแท็คติกที่ต้องการด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ได้ดีเลยทีเดียว

สำหรับในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งซัมเมอร์นี้ ทูเคิ่ล เปิดฉากแบบ 0-100 ทันทีเมื่อจัดการดึงตัว โรเมลู ลูกากู กองหน้าฟอร์มฮอตมาจาก "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัว 97 ล้านปอนด์ (ราว 4,268 ล้านบาท) ซึ่งสร้างความฮือฮาเลยทีเดียว

ขณะเดียวกันยังมีการยืมตัว ซาอูล ญีเกซ กองกลางชั้นดีชาวสแปนิช มาจาก "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ในช่วงไม่กี่นาทีก่อนตลาดนักเตะวาย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมากมายสำหรับ เชลซี 

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า กุนซือชาวเยอรมัน น่าจะขยับตัวเรื่องการเสริมทัพอีกครั้งในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 เปิดในเดือนมกราคมนี้ และอาจจะได้เห็นดีลที่น่าเหลือเชื่ออีกครั้งก็เป็นไปได้
 
นูโน่ เอสปิริโต ซานโต - ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์



นี่คือซัมเมอร์แรกของ เอสปิริโต ซานโต กับการนั่งกุมบังเหียน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดยเขามีโอกาสได้ใช้เงินของสโมสรไปเพียง 60 ล้านปอนด์ (ราว 2,640 ล้านบาท) เท่านั้น แต่สิ่งที่น่าดีใจยิ่งการได้นักเตะใหม่ก็คือการโน้มน้าวให้ แฮร์รี่ เคน อยู่กับทีมต่อไป

สำหรับการเสริมทัพ นายใหญ่ชาวโปรตุกีส คว้าแข้งเป้าหมายเป็นดาวรุ่งฟอร์มดีอย่าง ไบรอัน กิล มาจาก เซบีย่า ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (ราว 880 ล้านบาท) ขณะที่มิดฟิลด์อนาคตไกลอย่าง ป๊าป ซาร์ ที่ย้ายมาร่วมทัพจาก เม็ตซ์ ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ (ราว 660 ล้านบาท) ก่อนจะถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับต้นสังกัดเก่า

 ขณะที่ช่วงเดดไลน์ตลอดนักเตะซัมเมอร์ สเปอร์สยังโชคดีที่สามารถคว้าตัว  เอแมร์ซง โฮยาล แบ็กขวาชาวบราซิเลียน มาจาก บาร์เซโลน่า ด้วยสนนราคา 22 ล้านปอนด์ (ราว 968 ล้านบาท) 

credit : www.siamsport.co.th
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่