จริงๆเเล้ว ความเป็นมาที่ต้องนับเเบบนี้มันมีเหตุผลอยู่ครับ หลายข้อ
1.พรบ.ฉบับนี้ตราขึ้นตั้งเเต่ พ.ศ.2497 สมัยก่อนนี้ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฏร์เเบบนี้ บางคนมีลูกอย่างตามพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล ก็คลอดกันเอง อำเภอที่เเจ้งก็ไกลกว่าจะมาเเจ้งก็นานพอสมควร หรือบางคนมีลูกทีก็ไม่ได้เเจ้งเกิดบ้างก็มี ไม่ทราบวันเกิดบ้าง บางคนรู้เเต่ พ.ศ. เเต่ไม่รู้วันเเละเดือนปีเกิด เเม้ปัจจุบันนี้ก็ยังมีนะครับ เช่นคนคลอดลูกเเล้วไปทิ้งตามปั้มบ้าง บ้านร้างบ้าง ซึ่งเเน่นอนไม่มีข้อมูลอะไรกับตัวเด็กเลยก็มีทำให้ไม่รู้วันที่เเน่นอนพอเด็กโตขึ้นเขาก็ไม่รู้วันเกิดที่เเท้จริง จะสังเกตุได้ว่าคนสมัยก่อนรุ่นสัก 70 อัพ บางคนมีเเต่ พ.ศ.เกิด ก็มี นั้นทำให้ทางราชการทหารจึงกำหนดหลักเกณฑ์นี้ขึ้นมาครับจะได้นับกันง่าย
2.การนับเเบบนี้ดีอย่างหนึ่งครับไม่วุ่นวาย เวลาเกณฑ์คนก็ง่าย จะเป็นปีๆไปเลยอย่างเช่น เกณฑ์ปี 2564 นี้ เเสดงว่า คนที่เกิดตั้งเเต่ 1 ม.ค.43 - 31 ธ.ค.43 ต้องมาเกณฑ์ทหารครับ ไม่ต้องคำนวนอายุ หรือเศษวันให้สับสนวุ่นวาย
3. การคิดสมมุติว่า จขกท. เกิด 25 ธ.ค.2555 ก็จะต้องดำเนินการเกี่ยวกับทหารดังนี้ครับ
   3.1 ปี พ.ศ.2572 (จะนับตาม พรบ.ได้ อายุ 17 ปี) ต้องติดต่อสัสดีเพื่อรับ สด.9 (ขึ้นทะเบียนทหาร) ครับ
   3.2 ปี พ.ศ.2575 (จะนับตาม พรบ.ได้ อายุ 20 ปี)ต้องติดต่อขอรับหมายเรียก สด.43 (สัสดีเเต่ละอำเภอน่าจะประกาศให้มารับหมายช่วงตุลาคม เป็นต้นไปถึงไม่มีประกาศก็ต้องไปติดต่อเองได้เลยไม่ต้องรอ) เพื่อนัดจับใบดำใบเเดง ช่วง เม.ย. ของปีถัดไป
   3.3 ปี พ.ศ.2576 (จะนับตาม พรบ.ได้ อายุ 21 ปี) ช่วงต้นเมษา ก็ไปรายงานตัวตามวันเเละเวลาในหมายนัด สด.35 ครับ หากโดนใบเเดงก็ไปเป็นทหาร โดนใบดำก็กลับบ้านได้ครับ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการการคัดเลือกทหารในชีวิตครับ