JJNY : ติดเชื้อ17,984 เสียชีวิต292│ปิดวัดสวนแก้ว7วัน│‘อัยการ’หวั่นคดี‘ผกก.โจ้’ช้าเกินไป│เวียดนามคู่แข่งสำคัญไทยในอาเซียน

ด่วน! โควิดวันนี้ พบติดเชื้อใหม่ 17,984 ราย เสียชีวิต 292 ราย
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6588233
  
 
ด่วน ศบค. รายงานสถานการณ์เบื้องต้น โควิดวันนี้ ผู้ป่วยใหม่ 17,984 ราย พบติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่ม 292 ราย เผยหายป่วยกลับบ้าน 20,535 ราย
 
เมื่อวันที่ 28 ส.ค.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน มีผู้ติดเชื้อรวม 17,984 ราย จำแนกเป็น
 
ติดเชื้อใหม่ 17,660 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 324 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,128,692 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 20,535 ราย หายป่วยสะสม 936,893 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 182,357 ราย เสียชีวิต 292 ราย
 

 
ปิดวัดสวนแก้ว 7 วัน หลังพบคนงานติดโควิด 49 คน พระพยอมเผยต้องดูแลกันเอง
https://www.thairath.co.th/news/local/2178863
 
มีคำสั่งให้ปิดวัดสวนแก้ว 7 วัน หลังพบคนงานและเจ้าหน้าที่ของวัดติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 49 คน พระพยอมเผย ต้องช่วยเหลือดูแลกันเอง ทางวัดไม่ได้รับการเยียวยาจากใคร
 
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม คนงานผู้หญิงที่วัดได้ไปผ่าตัดไส้ติ่ง ที่ รพ.พระนั่งเกล้า หลังผ่าตัดได้กลับมาพักรักษาตัวต่อที่ห้องพักคนงาน ปรากฏว่าทางโรงพยาบาลได้แจ้งมาแล้ว หญิงดังกล่าวติดเชื้อโควิด ทางโรงพยาบาลได้มารับตัวไปรักษา ต่อมาทางวัดพบว่ามีผู้สัมผัสใกล้ชิด จึงประสานเจ้าหน้าที่ รพ.สต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี มาตรวจคัดกรองเบื้องต้นพบติดเชื้อ 7 ราย วันที่ 24 ส.ค.64 จึงประสานสาธารณสุขอำเภอบางใหญ่ สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี มาตรวจคัดกรองให้กับคนงานและเจ้าหน้าที่ของวัด ทั้งหมด 560 คน ซึ่งผลตรวจออกมาพบผู้ติดเชื้อ จำนวน 49 ราย ได้แยกไปกักตัวรักษาอาคารที่พัก ส่วนผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงให้กักตัวดูอาการอีกอาคารภายในวัดสวนแก้ว
 
หลังผลตรวจพบว่าติดเชื้อ เทศบาลตำบลบางเลนได้มีคำสั่งให้ปิดวัด เป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.ถึงวันที่ 3 ก.ย.64 หลังครบ 7 วัน สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี จะตรวจซ้ำให้กับผู้ที่กักตัวอีกครั้ง
 
พระพยอม กล่าวอีกว่า ได้ให้คนที่ไม่พบเชื้อและไม่เสี่ยงสูงมาช่วยกันทำอาหาร โชคดีที่วัดสวนแก้วปลูกผักปลูกผลไม้ไว้กินเองและจำหน่าย จึงเอามาทำอาหารส่งให้กับผู้ป่วยและผู้กักตัวได้กินครบทั้ง 3 มื้อ นอกจากนี้มีผู้ใจบุญนำข้าวสารมามอบให้ 4 กระสอบ เพราะทางวัดไม่ได้รับการเยียวยาจากใคร ก็ต้องช่วยเหลือดูแลกันเอง คนที่ติดเชื้อก็มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่
 
“อาตมาไม่ดูแลเขาไม่ได้ วัดถูกสั่งปิดทำให้พืชผักผลไม้ไม่สามารถนำมาวางจำหน่ายได้ 3-4 วันก็เน่าเสียหมดแล้ว ส่วนคนงานและเจ้าหน้าที่ทางวัด ได้ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม 1 เข็ม ทำให้อาการป่วยไม่รุนแรงและไม่แสดงอาการ ยังทำสวนตามปกติ แต่พอตรวจหาเชื้อถึงพบว่าติดเชื้อ”
 

 
‘อัยการ’หวั่นคดี‘ผกก.โจ้’ช้าเกินไป ทำทรัพย์สินโยกย้าย-ยึดไม่ทัน!
https://www.dailynews.co.th/news/208081/
 
"อัยการ" ชี้ใช้วิธีทางกฎหมายธรรมดาช้าเกินไป เหตุคดี "ผู้กำกับโจ้" ยังเข้าข่ายฟอกเงิน อาจสายเกินการ ทำทรัพย์สินถูกโยกย้ายจนอายัดไม่ทัน!
 
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 64 ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด และผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นในกรณี คดีของ “ผู้กำกับโจ้” โดยระบุว่า 
 
“อำนาจตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน กรณีผู้กำกับโจ้” กรณีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ซึ่งมีประเด็นเรื่องการมีทรัพย์สินอยู่ในความครอบครองจำนวนมากทั้งที่เป็นเงินสดและทรัพย์สิน ซึ่งรวมถึงรถหรูราคาแพงจำนวนหลายสิบคันที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทำให้สังคมมีข้อสงสัยถึงแหล่งที่มาของทรัพย์สินจำนวนมากมายเหล่านี้
 
“ผมขอให้ความเห็นส่วนตัวในประเด็นทางวิชาการด้านกฎหมาย โดยไม่มีเจตนาไปซ้ำเติมให้ร้ายใคร หรือเข้าไปเกี่ยวข้องหรือแทรกแซงการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด” ในเรื่องนี้อาจจะมีหลายท่านตั้งข้อสังเกตและข้อพิจารณาว่า ทรัพย์สินของผู้กำกับโจ้มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ด้วยหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ จะทำให้สามารถดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการ กระทำความผิดฐานฟอกเงินได้อย่างรวดเร็วทันการณ์ เพื่อไม่ให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไป จนไม่สามารถดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นในภายหลังได้ “เพราะหากจะใช้กระบวนการตามกฎหมายปกติทั่วไปแล้ว ทรัพย์สินเหล่านี้อาจจะถูกยักย้าย ซุกซ่อน เปลี่ยนสภาพ หรือมีการถ่ายโอนทรัพย์สินไปยังบุคคลอื่นได้”
 
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 ได้กำหนดความผิดมูลฐานไว้ ซึ่งรวมถึงความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากรตามกฎหมาย ว่าด้วยศุลกากรไว้ด้วย
 
หากคดีนี้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5 และเป็นการกระทำกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน ก็อาจจะนำมาสู่มาตรการยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ได้
 
อำนาจตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ที่สำคัญใน การดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน กล่าวโดยย่อได้ดังนี้
 
1.อำนาจในการตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรมตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มีอำนาจตามมาตรา 34 (1) ในการตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน โดยมาตรา 3 ได้กำหนดความหมายของธุรกรรมและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้
 
2. อำนาจในการเข้าไปในเคหสถาน สถานที่ หรือยานพาหนะ เพื่อตรวจค้น ติดตาม ตรวจสอบ ยึด หรืออายัดทรัพย์สิน หรือพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน กรรมการธุรกรรม เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากเลขาธิการ มีอำนาจสำคัญตามมาตรา 38 ในการเข้าไปในเคหสถาน สถานที่ หรือยานพาหนะ เพื่อตรวจค้น ติดตาม ตรวจสอบ ยึด หรืออายัดทรัพย์สิน หรือพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เมื่อมีเหตุ อันควรเชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ ทรัพย์สินหรือพยานหลักฐานดังกล่าวนั้นจะถูกยักย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
 
3. อำนาจในการตรวจสอบรายงานและข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมและสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว คณะกรรมการธุรกรรมมีอำนาจตามมาตรา 34 (3) ในการดำเนินการตามมาตรา 48 ในการตรวจสอบรายงานและข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม และหากคณะกรรมการธุรกรรมมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรมมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นไว้ชั่วคราวได้ มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน และในกรณีจำเป็นหรือเร่งด่วน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินไปก่อน แล้วรายงานต่อคณะกรรมการธุรกรรมในภายหลังได้
 
4. อำนาจอัยการในการยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน นอกจากนี้ มาตรา 48 ยังกำหนดว่า ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินใดเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือ ความผิดฐานฟอกเงิน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมีอำนาจส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินโดยเร็วได้ด้วย โดยตามมาตรา 59 ศาลแพ่งจะเป็นศาลที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการดำเนินการกับทรัพย์สินในคดีความผิดฐานฟอกเงิน โดยนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม..
 
https://www.facebook.com/thanakrit.vorathanatchakul/posts/4389540704475141
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่