ดิฉันได้รับมรดกเป็นที่ดินผืนหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดทางภาคเหนือจากคุณพ่อที่ได้เสียชีวิตไปหลายสิบปีแล้ว แต่เนื่องจากไม่เคยไปเห็นที่ดินผืนนี้จึงไม่รู้ตำแหน่งของที่ดินมาก่อนเลย โชคดีที่มีแอปพลิเคชั่นของกรมที่ดินที่ทำให้สามารถเข้าไปตามหาที่ดินของตนเองได้เพียงแค่ใส่เลขที่โฉนดที่ดินและที่ตั้งเท่านั้น ทำให้ดิฉันเดินทางไปค้นหาที่ดินผืนดังกล่าวพบและต้องติดต่อทำเรื่องขอเงินเวนคืนที่ดินจากหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่ง โดยต้องทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนที่เวนคืนนั้นให้กับหน่วยงานของรัฐที่สำนักงานที่ดินก่อน เนื่องจากที่ดินผืนดังกล่าวได้มีการเวนคืนเพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำผ่าตรงกลางที่ดินมาก่อนนานกว่าสิบปีแล้ว ดิฉันได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ซึ่งทราบว่าท่านได้ย้ายไปประจำที่อื่นแล้ว ขอบพระคุณท่านที่ได้ใช้ความพยายามในการสืบหาและติดต่อทายาทด้วย
เมื่อได้ติดต่อเจ้าหน้าที่คนใหม่ก็ต้องพบกับการทำงานที่ยืดยานยิ่งกว่าคาสเซ็ทเทปที่เอาไปแช่ตู้เย็นให้หายยืดได้ชั่วคราว (ใครยังจำคาสเซ็ทเทปได้ไหม จำได้หรือเปล่า?) ดิฉันต้องยื่นเรื่องตั้งขอเงินเวนคืนกรณีที่ดินผืนย่อย และต้องยื่นขอรังวัดที่ดินใหม่ เนื่องจากที่ดินที่ถูกเวนคืนในบริเวณดังกล่าวได้รับเงินเวนคืนกันไปตั้งนานแล้ว
เรื่องของดิฉันค้างอยู่ที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ท่านนั้นอยู่ 2 ปี เมื่อโทรถามทีไรท่านก็อ้างว่าติดงานเก่าอยู่ เรื่องจึงค้างอยู่ที่โต๊ะของท่านไม่ก้าวหน้าไปไหน ทุกคนทายได้ใช่ไหมว่าเพลงอะไร เพลงเก่าๆจากเรื่องราวเก็บๆในการติดต่อหน่วยงานของรัฐที่บางคนน่าจะเคยเจอกันมาแล้ว ใช่แล้วค่ะ เพลงนั้นเลย!! ทราบมาว่าที่อินเดียยอมรับฟังเพลงนี้แต่โดยดี แต่มีการทำเว็บไซต์ขึ้นมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อให้ทราบเรตติ้งค่ามาตรฐาน ทำให้ไม่มีใครต้องถูกให้จ่ายแพงกว่าใคร แอบคิดว่าเมืองไทยเราน่าจะทำบ้างนะคะ
การขอรังวัดที่ดินใหม่เพื่อให้ทราบขนาดจำนวนที่ดินเพื่อคำนวณเงินค่าเวนคืนจากช่างรังวัดของหน่วยงานนั้นเป็นจังหวะที่ขาดช่างรังวัดอยู่พอดี ถ้าหากต้องรอทำเรื่องขอช่างรังวัดจากส่วนกลางคือ กรุงเทพฯ ก็จะใช้เวลานานในการทำเรื่องแจ้งราคาค่ารังวัด รอการอนุมัติงบประมาณ และมีขั้นตอนที่เสียเวลานาน จึงได้ยอมจ่ายเงินค่ารังวัดที่ดินเองโดยยื่นคำร้องขอช่างรังวัดที่ดินจากสำนักงานที่ดินพื้นที่แทนก็จะได้เร่งขั้นตอนให้เร็วขึ้น
ดิฉันได้ขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินช่วยติดต่อให้เร่งเข้ามาทำสัญญาในลักษณะซื้อขายให้กับหน่วยงานของรัฐตามระเบียบของสำนักงานที่ดิน เรื่องก็ยังล่วงเลยเข้าปีที่ 3 แล้ว ได้ยินว่าท่านก็รับปากว่าจะเร่งประชุมมูลค่าที่ดินและส่งเรื่องไปที่ต้นสังกัดเพื่อให้อนุมัติงบประมาณออกมา โดยต้องเผื่อเวลาในการส่งเรื่องไปไว้ก่อนเพื่อขอรับเงินของปีงบประมาณของรัฐคือช่วงเดือนกันยายน หรือ ตุลาคมของปีถัดไป มิฉะนั้นจะไม่ทันและต้องรอปีต่อไปอีก
เมื่อเรื่องเข้าปีที่ 5 ผ่านช่วงล็อคดาวน์โควิดมา 3 รอบแล้ว ดิฉันได้ทำหนังสือลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับไปถึงผู้อำนวยการของหน่วยงานนั้นเพื่อทวงถามเรื่อง เจ้าหน้าที่คนเดิมติดต่อมาน้ำเสียงไม่พอใจและย้ำว่ากรณีของดิฉันจะต้องรอยื่นเรื่องของบประมาณใหม่ และต้องให้รอๆๆ สรุปเรื่องของดิฉันยังอยู่ที่เดิมหรือนี่ จึงได้ติดต่อไปที่ฝ่ายเวนคืนที่เป็นต้นสังกัดที่กรุงเทพฯโดยตรง 2-3 ครั้ง จนได้คุยกับผู้อำนวยการฝ่ายนั้นและแจ้งไปว่าเรื่องล่าช้ามากหลายปีแล้ว ท่านน่าจะกรุณาตามเรื่องให้ทันทีในวันนั้นเลย เพราะวันรุ่งขึ้นมีหัวหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้นโทรติดต่อมา และเริ่มด้วยการโบ้ยโทษว่ายังไม่ได้ยื่นเรื่องผู้จัดการมรดกลงในโฉนดที่ดินก่อนจึงดำเนินเรื่องให้ไม่ได้ ซึ่งทางฝั่งดิฉันได้ขี้นไปจัดการทำเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน จนท่านได้ยอมขอโทษและยอมรับเองว่าล่าช้าเอง แต่ท่านเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่นี้และได้เร่งให้มีการจัดประชุมเพื่อเคลียร์เรื่องที่ยังคั่งค้างอยู่หลายเรื่อง โดยมีประชุมมูลค่าที่ดินครั้งแรกต้นเดือนมกราคมแต่หัวหน้าคนเก่าไม่ได้เซ็นต์ชื่อไว้เรื่องจึงยังค้างอยู่ จนถึงเดือนกรกฎาคมก็มีประชุมเรื่องเดิมอีกครั้ง เรื่องก็ยังค้างอยู่เช่นเดิมโดยท่านอ้างว่ามีการออกกฎระเบียบใหม่จึงต้องมีการประชุมซ้ำอีก จนเรื่องค้างอยู่ข้ามปี
หลังจากนั้นดิฉันก็ได้รับการติดต่อมาอย่างสม่ำเสมอและได้รับเอกสารที่จำเป็นมาให้เซ็นต์เรียบร้อย และมีการแบ่งงบประมาณจากพื้นที่อื่นที่ยังเหลืออยู่โอนมาจ่ายให้กับดิฉัน ถ้าไม่งั้นก็ต้องรอปีงบประมาณถัดไป จนถึงวันนี้ที่รอคอยนัดกันเข้าไปทำสัญญาที่สำนักงานที่ดินในจังหวัดนั้น ดิฉันต้องบินฝ่าโควิดขึ้นไปช่วงคาบเกี่ยวก่อนจะล็อคดาวน์อีกรอบ ก็ยังไม่วายโดนกลั่นแกล้งเพราะดิฉันไม่ยอมเล่นคอนเสิร์ตร้องเพลงกับท่านตั้งแต่ต้น โดยเจ้าหน้าที่คนเดิมได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้า(ได้ไงอะ?) และน่าจะสั่งลูกน้องไว้ว่าให้พยายามให้ดิฉันต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนที่ดิน ค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และอื่นๆทุกอย่าง โดยเริ่มจากการให้เสียค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินและค่าอากรแสตมป์ก่อน ดิฉันท้วงไปว่าจะยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ท่านก็เลยตัดออกไป แล้วก็มาบอกให้ดิฉันจ่ายค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วกัน ดิฉันก็เลยส่ง “ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2564” มีใจความว่าผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินได้รับการงดเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีทั้งหมด
เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานนั้นดันทุรังบอกให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจัดเก็บเงินได้บุคคลธรรมดาส่งสรรพากร ดิฉันก็เลยโทรติดต่อไปที่ฝ่ายกฎหมายสรรพากรพื้นที่ภาคและขอให้ท่านช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินด้วยว่าไม่ต้องมีการเก็บค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในกรณีการเวนคืน แต่เจ้าหน้าที่(ลูกน้อง) คนดังกล่าวก็ยังดังทุรังอ้างต่ออีกว่า เป็นการตกลงซื้อขายกันเองระหว่างหน่วยงานของรัฐ ดิฉันก็ท้วงไปว่าไม่เคยตกลงซื้อขายกันเองเลย ท่านดำเนินการเรื่องทั้งหมดตามขั้นตอนการเวนคืนตั้งแต่ต้น มีการประชุมกำหนดราคาที่ดินเองทั้งหมด ดิฉันไม่ได้มีส่วนกำหนดราคาที่ดินเพื่อซื้อขายเองเลยด้วยซ้ำ
ดิฉันได้โวยกับเจ้าหน้าที่คนเดิม(หัวหน้าได้ไง) ทางโทรศัพท์ไปว่าคุณให้ประชาชนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ค่ารังวัดก็จ่ายเองไปแล้ว 6 พันกว่าบาท ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆในการเดินทางไปทางภาคเหนืออีก 4 ครั้ง เรื่องนี้ค้างอยู่หลายปีจนดิฉันไม่สามารถจัดการขายที่ดินได้ เพราะต้องรอทำเรื่องเวนคืนที่ผูกติดไว้นี้ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน และในวันนั้นดิฉันยังไม่ได้รับเงินค่าเวนคืนเลย ต้องรอส่งเรื่องให้ทางกรมบัญชีกลางพื้นที่ภาคเหนือเพื่ออนุมัติเงินมาอีก ใช้เวลาอีก 1-2 อาทิตย์ (ดิฉันได้ลองโทรไปเช็คกับกรมบัญชีกลางพื้นที่นั้นก็ได้ความว่าหากส่งเอกสารมาครบในวันไหนก็จะได้รับอนุมัติโอนเงินภายในวันนั้นเลย)
สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินก็ยอมทำเรื่องโอนที่ดินให้เสร็จเรียบร้อย โดยทำหนังสือให้ดิฉันลงชื่อว่าไม่ยอมจ่ายเงินค่าภาษีเอาไว้และต้องรับผิดชอบ แต่ดิฉันไม่ยินยอมเซ็นต์ และบอกให้เจ้าหน้าที่แก้ไขข้อความใหม่จึงยอมเซ็นต์ โดยระบุอ้างระเบียบกรมที่ดิน ปี พ.ศ.2564 และได้โทรติดต่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรพื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่สนง.ที่ดินพูดข่มขู่ว่าดิฉันอาจต้องเสียเบี้ยปรับค่าภาษี ดิฉันเลยตอบไปว่า “ดิฉันจะสู้ให้ถึงที่สุด”
สรุปเสียเวลาที่สำนักงานที่ดินเกือบ 4 ชั่วโมง ดิฉันต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินกลับในช่วงบ่ายวันนั้นเลย ในที่สุดเรื่องก็เสร็จสิ้นจนได้ โชคดีมากที่เรื่องเสร็จก่อน เพราะไม่นานหลังจากนั้นก็มีประกาศล็อคดาวน์เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับสถานการณ์ระบาดหนักของโควิดสายพันธุ์เดลต้า
**กระทู้นี้ไม่มีเจตนาจะโจมตีใครหรือหน่วยงานใดทั้งสิ้น อยากแชร์ให้เป็นประโยชน์กับคนทั่วไปให้มีแนวทางในการติดต่อขอเงินเวนคืนจากหน่วยงานของรัฐ และอยากช่วยให้ทุกท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ภาษีบำรุงประเทศเรายินดีจ่ายอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ในกรณีที่รัฐใช้อำนาจในการเวนคืนที่ดินแบบนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นใจและเข้าใจความยากลำบากของประชาชนด้วย และอยากขอแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ดีๆที่มุ่งให้บริการประชาชนอย่างแท้จริงมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ**
แชร์ประสบการณ์การขอเงินเวนคืนที่ดินจากหน่วยงานของรัฐ
เมื่อได้ติดต่อเจ้าหน้าที่คนใหม่ก็ต้องพบกับการทำงานที่ยืดยานยิ่งกว่าคาสเซ็ทเทปที่เอาไปแช่ตู้เย็นให้หายยืดได้ชั่วคราว (ใครยังจำคาสเซ็ทเทปได้ไหม จำได้หรือเปล่า?) ดิฉันต้องยื่นเรื่องตั้งขอเงินเวนคืนกรณีที่ดินผืนย่อย และต้องยื่นขอรังวัดที่ดินใหม่ เนื่องจากที่ดินที่ถูกเวนคืนในบริเวณดังกล่าวได้รับเงินเวนคืนกันไปตั้งนานแล้ว
เรื่องของดิฉันค้างอยู่ที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ท่านนั้นอยู่ 2 ปี เมื่อโทรถามทีไรท่านก็อ้างว่าติดงานเก่าอยู่ เรื่องจึงค้างอยู่ที่โต๊ะของท่านไม่ก้าวหน้าไปไหน ทุกคนทายได้ใช่ไหมว่าเพลงอะไร เพลงเก่าๆจากเรื่องราวเก็บๆในการติดต่อหน่วยงานของรัฐที่บางคนน่าจะเคยเจอกันมาแล้ว ใช่แล้วค่ะ เพลงนั้นเลย!! ทราบมาว่าที่อินเดียยอมรับฟังเพลงนี้แต่โดยดี แต่มีการทำเว็บไซต์ขึ้นมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อให้ทราบเรตติ้งค่ามาตรฐาน ทำให้ไม่มีใครต้องถูกให้จ่ายแพงกว่าใคร แอบคิดว่าเมืองไทยเราน่าจะทำบ้างนะคะ
การขอรังวัดที่ดินใหม่เพื่อให้ทราบขนาดจำนวนที่ดินเพื่อคำนวณเงินค่าเวนคืนจากช่างรังวัดของหน่วยงานนั้นเป็นจังหวะที่ขาดช่างรังวัดอยู่พอดี ถ้าหากต้องรอทำเรื่องขอช่างรังวัดจากส่วนกลางคือ กรุงเทพฯ ก็จะใช้เวลานานในการทำเรื่องแจ้งราคาค่ารังวัด รอการอนุมัติงบประมาณ และมีขั้นตอนที่เสียเวลานาน จึงได้ยอมจ่ายเงินค่ารังวัดที่ดินเองโดยยื่นคำร้องขอช่างรังวัดที่ดินจากสำนักงานที่ดินพื้นที่แทนก็จะได้เร่งขั้นตอนให้เร็วขึ้น
ดิฉันได้ขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินช่วยติดต่อให้เร่งเข้ามาทำสัญญาในลักษณะซื้อขายให้กับหน่วยงานของรัฐตามระเบียบของสำนักงานที่ดิน เรื่องก็ยังล่วงเลยเข้าปีที่ 3 แล้ว ได้ยินว่าท่านก็รับปากว่าจะเร่งประชุมมูลค่าที่ดินและส่งเรื่องไปที่ต้นสังกัดเพื่อให้อนุมัติงบประมาณออกมา โดยต้องเผื่อเวลาในการส่งเรื่องไปไว้ก่อนเพื่อขอรับเงินของปีงบประมาณของรัฐคือช่วงเดือนกันยายน หรือ ตุลาคมของปีถัดไป มิฉะนั้นจะไม่ทันและต้องรอปีต่อไปอีก
เมื่อเรื่องเข้าปีที่ 5 ผ่านช่วงล็อคดาวน์โควิดมา 3 รอบแล้ว ดิฉันได้ทำหนังสือลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับไปถึงผู้อำนวยการของหน่วยงานนั้นเพื่อทวงถามเรื่อง เจ้าหน้าที่คนเดิมติดต่อมาน้ำเสียงไม่พอใจและย้ำว่ากรณีของดิฉันจะต้องรอยื่นเรื่องของบประมาณใหม่ และต้องให้รอๆๆ สรุปเรื่องของดิฉันยังอยู่ที่เดิมหรือนี่ จึงได้ติดต่อไปที่ฝ่ายเวนคืนที่เป็นต้นสังกัดที่กรุงเทพฯโดยตรง 2-3 ครั้ง จนได้คุยกับผู้อำนวยการฝ่ายนั้นและแจ้งไปว่าเรื่องล่าช้ามากหลายปีแล้ว ท่านน่าจะกรุณาตามเรื่องให้ทันทีในวันนั้นเลย เพราะวันรุ่งขึ้นมีหัวหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้นโทรติดต่อมา และเริ่มด้วยการโบ้ยโทษว่ายังไม่ได้ยื่นเรื่องผู้จัดการมรดกลงในโฉนดที่ดินก่อนจึงดำเนินเรื่องให้ไม่ได้ ซึ่งทางฝั่งดิฉันได้ขี้นไปจัดการทำเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน จนท่านได้ยอมขอโทษและยอมรับเองว่าล่าช้าเอง แต่ท่านเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่นี้และได้เร่งให้มีการจัดประชุมเพื่อเคลียร์เรื่องที่ยังคั่งค้างอยู่หลายเรื่อง โดยมีประชุมมูลค่าที่ดินครั้งแรกต้นเดือนมกราคมแต่หัวหน้าคนเก่าไม่ได้เซ็นต์ชื่อไว้เรื่องจึงยังค้างอยู่ จนถึงเดือนกรกฎาคมก็มีประชุมเรื่องเดิมอีกครั้ง เรื่องก็ยังค้างอยู่เช่นเดิมโดยท่านอ้างว่ามีการออกกฎระเบียบใหม่จึงต้องมีการประชุมซ้ำอีก จนเรื่องค้างอยู่ข้ามปี
หลังจากนั้นดิฉันก็ได้รับการติดต่อมาอย่างสม่ำเสมอและได้รับเอกสารที่จำเป็นมาให้เซ็นต์เรียบร้อย และมีการแบ่งงบประมาณจากพื้นที่อื่นที่ยังเหลืออยู่โอนมาจ่ายให้กับดิฉัน ถ้าไม่งั้นก็ต้องรอปีงบประมาณถัดไป จนถึงวันนี้ที่รอคอยนัดกันเข้าไปทำสัญญาที่สำนักงานที่ดินในจังหวัดนั้น ดิฉันต้องบินฝ่าโควิดขึ้นไปช่วงคาบเกี่ยวก่อนจะล็อคดาวน์อีกรอบ ก็ยังไม่วายโดนกลั่นแกล้งเพราะดิฉันไม่ยอมเล่นคอนเสิร์ตร้องเพลงกับท่านตั้งแต่ต้น โดยเจ้าหน้าที่คนเดิมได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้า(ได้ไงอะ?) และน่าจะสั่งลูกน้องไว้ว่าให้พยายามให้ดิฉันต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนที่ดิน ค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และอื่นๆทุกอย่าง โดยเริ่มจากการให้เสียค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินและค่าอากรแสตมป์ก่อน ดิฉันท้วงไปว่าจะยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ท่านก็เลยตัดออกไป แล้วก็มาบอกให้ดิฉันจ่ายค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วกัน ดิฉันก็เลยส่ง “ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2564” มีใจความว่าผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินได้รับการงดเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีทั้งหมด
เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานนั้นดันทุรังบอกให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจัดเก็บเงินได้บุคคลธรรมดาส่งสรรพากร ดิฉันก็เลยโทรติดต่อไปที่ฝ่ายกฎหมายสรรพากรพื้นที่ภาคและขอให้ท่านช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินด้วยว่าไม่ต้องมีการเก็บค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในกรณีการเวนคืน แต่เจ้าหน้าที่(ลูกน้อง) คนดังกล่าวก็ยังดังทุรังอ้างต่ออีกว่า เป็นการตกลงซื้อขายกันเองระหว่างหน่วยงานของรัฐ ดิฉันก็ท้วงไปว่าไม่เคยตกลงซื้อขายกันเองเลย ท่านดำเนินการเรื่องทั้งหมดตามขั้นตอนการเวนคืนตั้งแต่ต้น มีการประชุมกำหนดราคาที่ดินเองทั้งหมด ดิฉันไม่ได้มีส่วนกำหนดราคาที่ดินเพื่อซื้อขายเองเลยด้วยซ้ำ
ดิฉันได้โวยกับเจ้าหน้าที่คนเดิม(หัวหน้าได้ไง) ทางโทรศัพท์ไปว่าคุณให้ประชาชนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ค่ารังวัดก็จ่ายเองไปแล้ว 6 พันกว่าบาท ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆในการเดินทางไปทางภาคเหนืออีก 4 ครั้ง เรื่องนี้ค้างอยู่หลายปีจนดิฉันไม่สามารถจัดการขายที่ดินได้ เพราะต้องรอทำเรื่องเวนคืนที่ผูกติดไว้นี้ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน และในวันนั้นดิฉันยังไม่ได้รับเงินค่าเวนคืนเลย ต้องรอส่งเรื่องให้ทางกรมบัญชีกลางพื้นที่ภาคเหนือเพื่ออนุมัติเงินมาอีก ใช้เวลาอีก 1-2 อาทิตย์ (ดิฉันได้ลองโทรไปเช็คกับกรมบัญชีกลางพื้นที่นั้นก็ได้ความว่าหากส่งเอกสารมาครบในวันไหนก็จะได้รับอนุมัติโอนเงินภายในวันนั้นเลย)
สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินก็ยอมทำเรื่องโอนที่ดินให้เสร็จเรียบร้อย โดยทำหนังสือให้ดิฉันลงชื่อว่าไม่ยอมจ่ายเงินค่าภาษีเอาไว้และต้องรับผิดชอบ แต่ดิฉันไม่ยินยอมเซ็นต์ และบอกให้เจ้าหน้าที่แก้ไขข้อความใหม่จึงยอมเซ็นต์ โดยระบุอ้างระเบียบกรมที่ดิน ปี พ.ศ.2564 และได้โทรติดต่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรพื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่สนง.ที่ดินพูดข่มขู่ว่าดิฉันอาจต้องเสียเบี้ยปรับค่าภาษี ดิฉันเลยตอบไปว่า “ดิฉันจะสู้ให้ถึงที่สุด”
สรุปเสียเวลาที่สำนักงานที่ดินเกือบ 4 ชั่วโมง ดิฉันต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินกลับในช่วงบ่ายวันนั้นเลย ในที่สุดเรื่องก็เสร็จสิ้นจนได้ โชคดีมากที่เรื่องเสร็จก่อน เพราะไม่นานหลังจากนั้นก็มีประกาศล็อคดาวน์เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับสถานการณ์ระบาดหนักของโควิดสายพันธุ์เดลต้า
**กระทู้นี้ไม่มีเจตนาจะโจมตีใครหรือหน่วยงานใดทั้งสิ้น อยากแชร์ให้เป็นประโยชน์กับคนทั่วไปให้มีแนวทางในการติดต่อขอเงินเวนคืนจากหน่วยงานของรัฐ และอยากช่วยให้ทุกท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ภาษีบำรุงประเทศเรายินดีจ่ายอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ในกรณีที่รัฐใช้อำนาจในการเวนคืนที่ดินแบบนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นใจและเข้าใจความยากลำบากของประชาชนด้วย และอยากขอแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ดีๆที่มุ่งให้บริการประชาชนอย่างแท้จริงมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ**