สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
1.งานต่างจังหวัดไม่มีการรอแจกการ์ดจากเจ้าภาพครับ ประกาศออกข่าวไปก็อยู่ที่ชาวบ้านที่รับรู้ตัดสินใจจะมาเองล่ะ ดังนั้นเจ้าภาพไม่สามารถประมาณการจำนวนหัวแขกได้เป๊ะๆแบบแขกบัตรโต๊ะจีนอะไรแบบนั้น
2.ชาวบ้านคือคนระแวกบ้านเจ้าภาพการมางานคือเดินทางง่ายๆแค่เดินข้ามบ้าน ดังนั้นบางครั้งเวลาไปร่วมงานจึงเป็นลักษณะครอบครัวหรือกลุ่มคน ไม่ใช่ระบบตัวแทน จำนวนคนจึงทวีคูณจากจำนวนหัว
3.เจ้าภาพต้องเผื่อคนมาช่วยงาน เพราะไม่ได้ใช้ระบบจ้าง เป็นการอาสา ดังนั้นเจ้าภาพจึงเตรียมของตอบแทนผู้อาสาง่ายๆก็คือเตรียมอาหารเผื่อลูก/เมีย/ผัวของผู้ที่อาสามาช่วยงาน
4.จากคุณลักษณะที่จขกท.พูด ผมอนุมานว่าจขกท.คือแขกต่างพื้นที่ บอกได้ว่าการจัดอาหารเลี้ยงของชาวบ้านจะให้คุณค่าของแขกที่มาจากต่างพื้นที่สูง ว่าไหนจะเขาต้องเดินทางไกลเขาต้องเสียเวลามาร่วมนานกว่าชาวบ้านที่มาร่วมแบบพาร์ทไทม์ได้ อาหารการกินเขามักจะให้เผื่อไว้ อีกทั้งคนมาจากต่างถิ่นมักจะไม่รู้จักมักจี่กับคนนงานจึงมักจะได้สำรับไปเดี่ยวๆ แต่ชาวบ้านเขากินกันนั้นหนึ่งสำรับเขารุมกันหลายคนครับ บอกได้เลยว่ากินคนละแบบกันระหว่างแขกต่างบ้านกับแขกชาวบ้าน (เวลาผมไปงานผมจึงไปนั่งรวมกับชาวบ้านเลย เพราะรู้ว่าคนที่มาอาสาเสริฟข้าวเขาไม่รู้จักเราหรอก ถ้าเรานั่งเดี่ยวหรือน้อยคนเขาก็เกรงใจจัดอาหารให้แยกเดี่ยวซึ่งมันเปลืองข้าวปลา)
5.งานแบบนี้ไม่มีเวลากำหนดเหมือนเวลาลงข้าวโต๊ะจีนที่เป๊ะๆลงพร้อมกัน การทำอาหารเสริฟแบชาวบ้านคือใครมาก็ต้องมีกับข้าวเลี้ยงตลอด จึงจะมีวัตถุดิบมากกว่าอาหารมื้อหนึ่งๆเสมอ แต่บางครั้งการสื่อสารคนทำงานหมู่มาก(งานๆหนึ่งคนอาสานี่หลายสิบคน)ก็ไม่สำเร็จทุกครั้ง มีหลายครั้งที่ทำใหม่ทำซ้ำทำเกินครับ คือเห็นมีของก็ทำเพิ่ม หรืออีกทางคือคนอาสาครัวเห็นมีของก็ทำเผื่อว่าคนอาสาอื่นๆจะเอากลับบ้าน ซึ่งเจ้าภาพบางทีก็กะไว้หลายวันแต่หายไปในไม่กี่มื้อ(เจ้าภาพจะมีหน้าที่หลักคือรับแขกหน้างาน งานหลังบ้านแบบนี้ส่วนใหญ่เขาจะไล่เจ้าภาพไปว่าไปดูแขกเถอะ ดังนั้นจึงอยู่ที่เจ้าภาพมีคนหลังบ้านที่ไว้ใจได้ไหมและคุมงานเก่งรึเปล่า)
2.ชาวบ้านคือคนระแวกบ้านเจ้าภาพการมางานคือเดินทางง่ายๆแค่เดินข้ามบ้าน ดังนั้นบางครั้งเวลาไปร่วมงานจึงเป็นลักษณะครอบครัวหรือกลุ่มคน ไม่ใช่ระบบตัวแทน จำนวนคนจึงทวีคูณจากจำนวนหัว
3.เจ้าภาพต้องเผื่อคนมาช่วยงาน เพราะไม่ได้ใช้ระบบจ้าง เป็นการอาสา ดังนั้นเจ้าภาพจึงเตรียมของตอบแทนผู้อาสาง่ายๆก็คือเตรียมอาหารเผื่อลูก/เมีย/ผัวของผู้ที่อาสามาช่วยงาน
4.จากคุณลักษณะที่จขกท.พูด ผมอนุมานว่าจขกท.คือแขกต่างพื้นที่ บอกได้ว่าการจัดอาหารเลี้ยงของชาวบ้านจะให้คุณค่าของแขกที่มาจากต่างพื้นที่สูง ว่าไหนจะเขาต้องเดินทางไกลเขาต้องเสียเวลามาร่วมนานกว่าชาวบ้านที่มาร่วมแบบพาร์ทไทม์ได้ อาหารการกินเขามักจะให้เผื่อไว้ อีกทั้งคนมาจากต่างถิ่นมักจะไม่รู้จักมักจี่กับคนนงานจึงมักจะได้สำรับไปเดี่ยวๆ แต่ชาวบ้านเขากินกันนั้นหนึ่งสำรับเขารุมกันหลายคนครับ บอกได้เลยว่ากินคนละแบบกันระหว่างแขกต่างบ้านกับแขกชาวบ้าน (เวลาผมไปงานผมจึงไปนั่งรวมกับชาวบ้านเลย เพราะรู้ว่าคนที่มาอาสาเสริฟข้าวเขาไม่รู้จักเราหรอก ถ้าเรานั่งเดี่ยวหรือน้อยคนเขาก็เกรงใจจัดอาหารให้แยกเดี่ยวซึ่งมันเปลืองข้าวปลา)
5.งานแบบนี้ไม่มีเวลากำหนดเหมือนเวลาลงข้าวโต๊ะจีนที่เป๊ะๆลงพร้อมกัน การทำอาหารเสริฟแบชาวบ้านคือใครมาก็ต้องมีกับข้าวเลี้ยงตลอด จึงจะมีวัตถุดิบมากกว่าอาหารมื้อหนึ่งๆเสมอ แต่บางครั้งการสื่อสารคนทำงานหมู่มาก(งานๆหนึ่งคนอาสานี่หลายสิบคน)ก็ไม่สำเร็จทุกครั้ง มีหลายครั้งที่ทำใหม่ทำซ้ำทำเกินครับ คือเห็นมีของก็ทำเพิ่ม หรืออีกทางคือคนอาสาครัวเห็นมีของก็ทำเผื่อว่าคนอาสาอื่นๆจะเอากลับบ้าน ซึ่งเจ้าภาพบางทีก็กะไว้หลายวันแต่หายไปในไม่กี่มื้อ(เจ้าภาพจะมีหน้าที่หลักคือรับแขกหน้างาน งานหลังบ้านแบบนี้ส่วนใหญ่เขาจะไล่เจ้าภาพไปว่าไปดูแขกเถอะ ดังนั้นจึงอยู่ที่เจ้าภาพมีคนหลังบ้านที่ไว้ใจได้ไหมและคุมงานเก่งรึเปล่า)
แสดงความคิดเห็น
ทำไมงานบุญ งานศพ คนต่างจังหวัดต้องทำกับข้าวจัดเต็มขนาดนั้น