ทำงานที่บ้านมาได้สักพักแล้วรู้สึกปวดหลังหนักมาก เพราะที่บ้านมีแต่โต๊ะญี่ปุ่นเลยต้องนั่งกับพื้นมาตลอด ทั้งปวดก้น ปวดหลังส่วนล่าง ลามมาปวดคอ บ่า จนบางทีต้องลงไปนอนที่เตียง แล้วค่อยลุกขึ้นมาทำงานอีกรอบเลยทีเดียว แล้วจะหาโอกาสไปหาหมอ หรือนักกายภาพช่วงนี้ก็ลำบากมากจ้า แต่เราโชคดีมากได้มีโอกาสลองใช้ “เก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ” Bewell ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าเราน่าจะต้องหาเก้าอี้มานั่งทำงานตั้งนานแล้ว ไม่น่ารอนานขนาดนี้เลย 55555 
ต้องบอกว่าใหญ่โตมาก เหมือนเก้าอี้กึ่งผู้บริหารนิดหน่อย ถ้ามีที่รองศีรษะหน่อยก็ใช่เลยจ้า ซึ่งเจ้าตัวเก้าอี้นี้ก็จะหน้าตาประหลาดกว่าเก้าอี้ทั่วไปที่เคยเห็นตามท้องตลาดพอควร เพราะตัวพนักพิงหลังเป็นแบบโครงสร้างตาข่ายซึ่งพนักพิงหลังแบบนี้นั่งแล้วที่รู้สึกเลยคือมันไม่เก็ยความร้อน เพราะตาข่ายมันระบายออก และก็ไม่ชื้นหลังด้วย แล้วตัวพนักพิงก็กว้างมากครอบคลุมทั้งแผ่นหลังไปได้เลย ซึ่งแตกต่างกับเก้าอี้ทั่วไปมาก เพราะเก้าอี้ที่ออฟฟิศก็คือพิงแล้วได้แค่ครึ่งแผ่นหลังเท่านั้น  
มาต่อกันที่ ที่วางแขน คือเริ่ดนะมันแบบปรับสูงต่ำได้ สิ่งนี้ช่วยทำให้ซัพพอร์ตช่วงแขนและไหล่ดีมาก ทำให้ไม่ต้องยกไหล่ขึ้นมาเลย ปกติทำงานที่ออฟฟิศคือต้องเอาแขนไปวางที่โต๊ะตลอด มันสามารถเลื่อนไปด้านหน้า ด้านหลังได้ และกว้างแคบได้อีกก แต่เราว่าพื้นที่ในการวางแขนมันน้อยไปหน่อย อยากให้มันยาวกว่านี้และดันมาข้างหลังได้มากกว่านี้อีก น่าจะดีมาก
 
เก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ ตัวนี้มีปุ่มเยอะมากแม่ เลือกใช้ไม่ถูกเลยอะเพราะปกติเก้าอี้มักจะมีแค่ตัวที่ปรับความสูงขึ้นลงของเก้าอี้เฉย ๆ อันนี้ มี 5 ปุ่มกันเลย ตอนได้มาแรก ๆ งงมากก ต้องไปเปิดคลิปรีวิวการใช้งานดู เพราะไม่รู้จะใช้อะไรยังไง แค่ปุ่มปรับขึ้นลงยังหาไม่เจอเลยค้าบ 555 แต่พอใช้เป็นก็ปรับสนุกเลย งั้นจะมารีวิวสั้น ๆ ให้ละกัน 
 
มาที่ปุ่มแรกเลย ที่ปรับระดับความสูง การใช้งานก็ง่ายมากถ้าอยากให้เก้าอี้สูงขึ้น ก็ดึงปุ่มขึ้นแต่ตัวเราต้องก้นลอยจากเก้าอี้นิดนึง และถ้าอยากปรับเตี้ยลงก็ดึงขึ้นเช่นเดิม แต่ครั้งนี้นั่งก้นติดเก้าอี้ไปเลย แล้วมันก็จะเลื่อนลงแบบสมูธมาก อีซี่สุด ๆ แต่ทั้งนี้เก้าอี้มันแอบสูงไป เรานั่งแล้วเท้าลอย 555555 เลยคิดว่าต้องหาอะไรมาลองเท้าตอนนั่งก็จะเพอร์เฟกต์เลย

ปุ่มที่สอง ก็ใกล้ ๆ กันเลย ที่มีเครื่องหมายบวก และก็ลบ ตอนแรกงงมากคืออะไร เพราะไม่เคยเห็นที่เก้าอี้ตัวไหนมาก่อน แต่ทางแบรนด์เค้าเคลมว่ามันคือตัวปรับแรงตึงของพนักพิงหลัง คือมันจะสามารถทำให้พนักพิงเฟิร์มขึ้นได้ หรือจะมีความยืดหยุ่นก็ได้ พูดไปแล้วอาจจะงง ๆ ให้อารมณ์เหมือนใครชอบที่นอนตึง ๆ หรือที่นอนนุ่ม ๆ ยืดหยุ่นหน่อย ก็เลือกได้เลย ก็จะแปลก ๆ ดี แต่ส่วนตัวเราชอบให้มันมีแรงตึงพอประมาณนะเพราะนั่งพิงไปแล้วรู้สึกมีอะไรมาซัพพอร์ตหลังมากกว่า 
 
ปุ่มต่อไป ถัดขึ้นไปข้างบนนิดนึง จะเป็นปุ่มที่ปรับความลึกของเบาะได้ ซึ่งการทำงานของปุ่มนี้ก็ง่ายอีกเหมือนกัน แค่หมุนเข้าออก หาตำแหน่งของเบาะที่เราต้องการได้เลย เราคิดว่าที่มีฟังก์ชันนี้ขึ้นมาอาจจะตอบโจทย์สำหรับคนตัวใหญ่ที่ต้องการพื้นที่ในการนั่งให้มากขึ้นอะ แต่เราตัวเล็กปุ่มนี้อาจจะไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไหร่ 
 
แต่คนที่ตัวใหญ่ก็ไม่ต้องกังวลว่าเบาะจะนั่งไม่พอ เพราะเก้าอี้เบาะกว้างมากจ้า กว้างมากถึง 56 cm. เลยทีเดียว รองรับก้นได้อย่างเต็มที่แน่นอน  ซึ่งตัวเบาะก็นั่งสบายดี เฟิร์ม ๆ ซึ่งตัวเบาะจะเป็นเมมโมรี่โฟม และหุ้มด้วยหนังไมโครไฟเบอร์ ซึ่งมันช่วยระบายอากาศได้ดีนะ เรานั่งทำงานก็รู้สึกไม่ร้อนเหมือนเบาะหนังอะ เพราะปกติเบาะเก้าอี้มันจะอบความร้อนพอสมควร 
 
มาที่  2 ปุ่มสุดท้าย ต้องรีวิวไปพร้อมกันเลยเพราะใช้งานด้วยกัน โดยปุ่มด้านในเก้าอี้จะทำให้เก้าอี้สามารถปรับเอนได้ตามใจชอบ จะให้ตั้งตรง 90 องศาก็ได้ หรือจะปรับเอนไปเกือบจะนอนเลยก็ได้ ซึ่งบอกเลยว่าปรับเอนนอนคือสบายมากก ไม่อยากทำงานเลย 5555555 และปุ่มข้าง ๆ กันเป็นปุ่มล็อค ก็เอาไว้ล็อคตำแหน่งการเอนหลังที่เราต้องการเลย แต่เราว่าสองปุ่มนี้แอบใช้งานยากไปนิดนึง ช่วงแรกที่ใช้ต้องให้เวลากับมันหน่อย แต่พอใช้เป็นก็ปรับเป็นว่าเล่นเลยจ้า 
 
ขอปิดท้ายด้วย โครงสร้างด้านล่างเลย คือตัวล้อ ซึ่งเค้ามี 5 ล้อด้วยกัน มันก็จะมั่นคงมาก ๆ เวลาเรานั่ง และก็โครงสร้างล้อดูแข็งแรงมากเว่อร์ ไม่ต้องกลัวว่านั่งไปแล้วเก้าอี้จะหักลงมาเหมือนเก้าอี้งานวัดแน่นอน

 สรุป
ตั้งแต่ลองใช้มาสักประมาณ 1 อาทิตย์กว่า ๆ ก็ดีเลยนะ ซึ่งมันแตกต่างกับตอนนั่งพื้นอยู่แล้วละ แล้วก็แตกต่างกับเก้าอี้ที่ออฟฟิศด้วย ซึ่งราคาเก้าอี้ตัวนี้ก็แอบแรงกว่าเก้าอี้สำนักงานอะเนอะ แต่ถ้าแลกกับสุขภาพหลังที่อาจจะพังได้ ส่วนตัวคิดว่าคุ้มอยู่นะ หวังว่ารีวิวนี้อาจจะพอช่วยให้คนที่กำลังมองหาเก้าอี้ดี ๆ สักตัวมาใช้นั่งทำงาน ได้ประกอบการตัดสินใจกันนะ