สวัสดีครับก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่า กระทู้นี้อยากทำเพื่อเปรียบเทียบเก้าอี้สำหรับทำงานแบบให้เห็นภาพ พร้อมจะบอกข้อดีและข้อเสียในมุมคนพึ่งลองใช้มาประมาณ 2 เดือน ทั้งรุ่นและแบรนด์ที่ใช้รีวิว เป็นของที่ใช้ผมใช้อยู่ เพราะฉะนั้นการเปรียบเทียบเกิดจากมุมและความคิดเห็นของผมส่วนตัวเท่านั้น ถ้ารีวิวขัดใจใครขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ
การรีวิวนี้จะเป็นการรีวิวเก้าอี้เพื่อสุขภาพยี่ห้อ Ergotrend รุ่น Dual-X Classic ผมซื้อที่ร้าน ได้ส่วนลดเหลือราคาประมาณ 7 พันกว่า เทียบกับเก้าอี้ตัวเดิมของผมเป็นรุ่นแบบ Boss Chair เป็นเก้าอี้ทั่วไปราคากลางๆสั่งออนไลน์ ราคารวมส่งเกือบๆ 3 พัน ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่ 2 แล้วตัวแรกใช้มานานแต่ก็พังไปครับ ส่วนแบรนด์ Ergotrend ที่เป็นคู่เทียบนี้ ผมเลือกนี้เพราะความชอบส่วนตัว และราคาก็อยู่งบที่ตั้งไว้
จุดเริ่มต้นของการรีวิวครั้งนี้ เทียบกันมาจากราคาที่ห่างกันมากกว่า 2 เท่า หลังซื้อมาใจผมก็อยากลองพิสูจน์ดูว่า สรุปแล้วเก้าอี้เพื่อสุขภาพ (Ergonomic Chair) ดีกว่าจริงไหม และจำเป็นหรือป่าว วันนี้จะมาบอกว่าฟังชั่นของเก้าอี้เพื่อสุขภาพว่ามีอะไรบ้าง ปรับอะไรได้บ้าง เทียบกับเก้าอี้สำนักงานทั่วๆไป ว่าดีหรือไม่ดีกว่ายังไงและคุ้มค่ากับเงินที่จะซื้อไหม ใครจะซื้อดูประมาณ 5 ข้อหลักๆครับ
ผมขอเริ่ม การเปรียบเทียบเรื่องที่ 1 เลยนะครับ
1.ปรับระดับความสูงของที่รองคอได้ เอาไว้สำหรับรองคอ ใช้พักคอได้
เก้าอี้ทั่วไป : ปรับไม่ได้ ตำแหน่งอยู่ระหว่างต้นคอ ถ้าใครมีส่วนสูงพอดีก็โชคดีไป
เก้าอี้ ergotrend : ปรับความสูงได้ ถ้าคนเตี้ยหน่อยก็ช่วยแก้ปัญหาได้
ข้อนี้สำหรับผมถือว่าโอเคร เคยนั่งแบบไม่มีที่รองคอมาก่อน พอมีมันก็รู้สึกโอเครขึ้น แต่ตอนทำงานจริงก็ไม่ได้พิงบ่อยครับ
2.ปรับความหยืดหยุ่นของพนักพิงได้
เก้าอี้ทั่วไป : สามารถปรับเอนได้ แต่ล๊อคไม่ได้ เอนหลังได้ระดับหนึ่ง ผมว่าก็โอเคร จริง ๆ มีข้อดีอีกคือ เบาะหนัง มันก็ยืดหยุ่น นิ่มดีครับ
เก้าอี้ ergotrend : สามารถปรับการล็อค-ปล่อยเอนได้ เวลาทิ้งน้ำหนักตัวก็ถูกล็อคหรือจะให้ปล่อยเอนไว้ตามที่เราปรับ ตัวซัพ 2 ชิ้นรับส่วนเว้าส่วนโค้งของหลังดี ปรับขึ้นลงได้ อันนี้ผมชอบ มันเหมือนมีแรงช่วยพยุงหลังเราไว้
ข้อนี้ผมให้เก้าอี้ Ergonomic ชนะครับ เพราะทำมาได้ดีกว่ามาก อันนี้ตอบโจทย์ผมช่วยเรื่องปวดหลังได้จริง
3.ที่วางแขนสามารถปรับองศา-ระดับความสูงได้
เก้าอี้ทั่วไป : ปรับไม่ได้เลย ถูก fixed อยู่ตำแหน่งเดิม จะเอนตามหลังที่เราพิง แต่ก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรมากครับ ถ้าอยากวางตำแหน่งแขนให้ต่ำกว่าคีย์บอร์ดก็ทำได้แต่ต้องปรับความสูงของเบาะเอา
เก้าอี้ ergotrend : ตัวนี้สามารถทำได้ครับ ปรับองศาได้ จะให้มาแนบชิบลำตัวหน่อย เอียงนิด ความสูงปรับได้โดยที่ไม่ต้องยกเก้าอี้ให้สูงตามแล้วแต่ความชอบกับสรีระของคนนั่ง
ข้อนี้เก้าอี้ Ergonomic ทำออกมาได้ดีครับ แต่สำหรับผมไม่ได้ว้าว เพราะตอนใช้งานจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยได้ปรับเท่าไหร่ อาจจะแล้วแต่คนชอบ
4.เบาะรองนั่งปรับสูง-ต่ำ-เข้า-ออกได้
เก้าอี้ทั่วไป : ปรับได้แต่ความสูง ตัวล็อคทำงานไม่ค่อยดีชอบเสื่อมเร็วตัวนี้เป็นตัวที่ 2 ที่ผมซื้อ ตัวแรกพังเพราะตัวปรับความสูงมันพัง ทำให้เก้าอี้ปรับสูงไม่ได้ เลยต้องซื้อใหม่ แล้วก็ถูกจำกัดความสูง-ต่ำ บางทีเลื่อนลงเองก็มี แล้วแต่สภาพการใช้งานกับน้ำหนักเราด้วย
เก้าอี้ ergotrend : ปรับได้เยอะดีครับ โช๊คปรับสมูทกว่า เวลาใช้งานง่าย รู้สึกหาไม่ยาก ว่าที่ปรับอยู่ไหน. ปรับเข้าออกได้ อย่างเลื่อนไปหน้านิด หลังหน่อย ไม่ต้องเลื่อนล้อแค่ปรับเบาะพอ
ข้อนี้ ผมให้เรื่อง การปรับความสูงของเบาะนะครับทำออกมาได้ดีกว่าจริง แต่ การปรับเบาะที่นั่งไปมาข้าง-หลัง ถึงเวลาใช้จริงผมก็ไม่ค่อยได้ปรับครับ เหมือนออกแบบให้ทำได้ แล้วแต่คนจะใช้
5.เรื่องวัสดุ ราคา และดีไซน์ ผมขอมัดรวมในข้อเดียวเลยนะครับ
ถ้า 3 เรื่องนี้ ส่วนตัวผมต้องให้ของ Ergotrend ชนะอย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ เพราะราคาสูงกว่าและเป็นเก้าอี้ที่ออกแบบมาเฉพาะทางกว่า โครงสร้างแข็งแรง น้ำหนักของเก่าอี้ ก็หนักกว่ามาก
แต่!! ราคาของเก้าอี้ทั้งสองตัวนี้ ห่างกันอยู่ประมาณ 4 พันกว่าบาท จุดประสงค์หลักของรีวิวในครั้งนี้ ต้องการจะสื่อให้เห็นว่า ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับ 5 ข้อที่ผมมารีวิวให้ฟัง ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับว่าคิดยังไง บางคนอาจจะสนใจเก้าอี้ตัวที่แพงกว่าที่ผมใช้ ราคาส่วนต่างก็จะมากกว่า อาจจะมีข้อแตกต่างที่นอกเหนือรีวิวให้ดูครับ
ส่วนตัวผม ในฐานะที่เป็นเจ้าของเก้าอี้ทั้งสองตัว และใช้มาทั้งสอง เงินส่วนต่างประมาณ 4พันบาท แลกกับข้อดี ข้อเสีย ข้อได้เปรียบตามที่ผมบอกด้านบน มีทั้งที่ดีกว่าจริงๆ บางข้อผมก็รู้สึกเฉยๆ เพราะบางอย่างก็ไม่ได้ใช้ ในส่วนต่างเงิน 4 พันนี้ สำหรับตัวผม ผมโอเครครับ เพราะผมก็ซื้อมาเพื่อใช้ในระยะยาวเอาไว้ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังจากการนั่งนานๆด้วยซึ่งช่วยได้ในระดับนึง แต่สำหรับใครที่กำลังลังเล ลองเปรียบเทียบความคุ้มค่าดูนะครับ จะขึ้นอยู่แต่คนใช้ และงบประมาณด้วย
สุดท้ายนี้จากประสบการณ์ที่ผมได้ลองแบรนด์อื่น มาร่วมด้วย ไม่ใช่แค่ของ Ergotrend อย่างเดียว ของแบรนด์อื่นๆ ส่วนใหญ่ฟังชั่นการทำงานก็คล้ายๆกันครับ ปรับได้ตามที่ผมบอกไปข้างบนนี้ แต่ราคาจะแตกต่างกันที่วัสดุ เช่น เบาะหนัง หรือเบาะตาข่ายก็จะมีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน ความทนทานไม่เหมือนกัน ขาพลาสติก ขาอลูมิเนียม ก็มีผลกับราคา และก็มีเรื่องประกันตัวเก้าอี้ ส่วนใหญ่ทุกแบรนด์จะมีประกันให้ทั้งหมดครับ มากน้อยก็แล้วแต่แบรนด์ไหนจะให้ ตามราคาด้วยครับ สุดท้ายแล้วการตัดสินใจจะอยู่ที่งบประมาณของตัวเองครับ555555+
สำหรับใครที่อยากลองหรือกำลังหาซื้อเก้าอี้เพื่อสุขภาพสักตัว สนใจยี่ห้อไหน แนะนำว่าให้ไปลองที่ร้านเลย ไปลองนั่งของจริง เพราะเก้าอี้ รองรับสรีระเราไม่เหมือนกันทุกตัว บางคนอ้วน บางคนผอม บางคนสูง ไม่เหมือนกันจริงๆครับ และฝากไว้ว่า เก้าอี้แพงกว่าไม่ได้แปลว่านั่งสบายกว่านะครับ 55555+ ต้องไปลองนั่งจริงๆครับ อย่าหาซื้อออนไลน์ ถ้าไม่ได้ลองนั่ง ไม่แนะนำให้ซื้อ
ผมขอจบการรีวิวประมาณนี้ ข้อเปรียบเทียบที่ทำรีวิวในครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อเก้าอี้ดีๆสักตัวของคนที่กำลังสนใจอยู่ ส่วนใครใช้ตัวไหนอยู่ ใช้ดีไม่ดียังไง คอมเม้นบอกกันได้นะครับ
[CR] รีวิว เก้าอี้ ergotrend ในแบบฉบับคนพึ่งลองใช้ อยากบอกต่อว่าดีไม่ดียังไง
การรีวิวนี้จะเป็นการรีวิวเก้าอี้เพื่อสุขภาพยี่ห้อ Ergotrend รุ่น Dual-X Classic ผมซื้อที่ร้าน ได้ส่วนลดเหลือราคาประมาณ 7 พันกว่า เทียบกับเก้าอี้ตัวเดิมของผมเป็นรุ่นแบบ Boss Chair เป็นเก้าอี้ทั่วไปราคากลางๆสั่งออนไลน์ ราคารวมส่งเกือบๆ 3 พัน ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่ 2 แล้วตัวแรกใช้มานานแต่ก็พังไปครับ ส่วนแบรนด์ Ergotrend ที่เป็นคู่เทียบนี้ ผมเลือกนี้เพราะความชอบส่วนตัว และราคาก็อยู่งบที่ตั้งไว้
จุดเริ่มต้นของการรีวิวครั้งนี้ เทียบกันมาจากราคาที่ห่างกันมากกว่า 2 เท่า หลังซื้อมาใจผมก็อยากลองพิสูจน์ดูว่า สรุปแล้วเก้าอี้เพื่อสุขภาพ (Ergonomic Chair) ดีกว่าจริงไหม และจำเป็นหรือป่าว วันนี้จะมาบอกว่าฟังชั่นของเก้าอี้เพื่อสุขภาพว่ามีอะไรบ้าง ปรับอะไรได้บ้าง เทียบกับเก้าอี้สำนักงานทั่วๆไป ว่าดีหรือไม่ดีกว่ายังไงและคุ้มค่ากับเงินที่จะซื้อไหม ใครจะซื้อดูประมาณ 5 ข้อหลักๆครับ
ผมขอเริ่ม การเปรียบเทียบเรื่องที่ 1 เลยนะครับ
เก้าอี้ ergotrend : ปรับความสูงได้ ถ้าคนเตี้ยหน่อยก็ช่วยแก้ปัญหาได้
ข้อนี้สำหรับผมถือว่าโอเคร เคยนั่งแบบไม่มีที่รองคอมาก่อน พอมีมันก็รู้สึกโอเครขึ้น แต่ตอนทำงานจริงก็ไม่ได้พิงบ่อยครับ
เก้าอี้ ergotrend : สามารถปรับการล็อค-ปล่อยเอนได้ เวลาทิ้งน้ำหนักตัวก็ถูกล็อคหรือจะให้ปล่อยเอนไว้ตามที่เราปรับ ตัวซัพ 2 ชิ้นรับส่วนเว้าส่วนโค้งของหลังดี ปรับขึ้นลงได้ อันนี้ผมชอบ มันเหมือนมีแรงช่วยพยุงหลังเราไว้
ข้อนี้ผมให้เก้าอี้ Ergonomic ชนะครับ เพราะทำมาได้ดีกว่ามาก อันนี้ตอบโจทย์ผมช่วยเรื่องปวดหลังได้จริง
เก้าอี้ ergotrend : ตัวนี้สามารถทำได้ครับ ปรับองศาได้ จะให้มาแนบชิบลำตัวหน่อย เอียงนิด ความสูงปรับได้โดยที่ไม่ต้องยกเก้าอี้ให้สูงตามแล้วแต่ความชอบกับสรีระของคนนั่ง
ข้อนี้เก้าอี้ Ergonomic ทำออกมาได้ดีครับ แต่สำหรับผมไม่ได้ว้าว เพราะตอนใช้งานจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยได้ปรับเท่าไหร่ อาจจะแล้วแต่คนชอบ
เก้าอี้ ergotrend : ปรับได้เยอะดีครับ โช๊คปรับสมูทกว่า เวลาใช้งานง่าย รู้สึกหาไม่ยาก ว่าที่ปรับอยู่ไหน. ปรับเข้าออกได้ อย่างเลื่อนไปหน้านิด หลังหน่อย ไม่ต้องเลื่อนล้อแค่ปรับเบาะพอ
ข้อนี้ ผมให้เรื่อง การปรับความสูงของเบาะนะครับทำออกมาได้ดีกว่าจริง แต่ การปรับเบาะที่นั่งไปมาข้าง-หลัง ถึงเวลาใช้จริงผมก็ไม่ค่อยได้ปรับครับ เหมือนออกแบบให้ทำได้ แล้วแต่คนจะใช้
แต่!! ราคาของเก้าอี้ทั้งสองตัวนี้ ห่างกันอยู่ประมาณ 4 พันกว่าบาท จุดประสงค์หลักของรีวิวในครั้งนี้ ต้องการจะสื่อให้เห็นว่า ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับ 5 ข้อที่ผมมารีวิวให้ฟัง ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับว่าคิดยังไง บางคนอาจจะสนใจเก้าอี้ตัวที่แพงกว่าที่ผมใช้ ราคาส่วนต่างก็จะมากกว่า อาจจะมีข้อแตกต่างที่นอกเหนือรีวิวให้ดูครับ
ส่วนตัวผม ในฐานะที่เป็นเจ้าของเก้าอี้ทั้งสองตัว และใช้มาทั้งสอง เงินส่วนต่างประมาณ 4พันบาท แลกกับข้อดี ข้อเสีย ข้อได้เปรียบตามที่ผมบอกด้านบน มีทั้งที่ดีกว่าจริงๆ บางข้อผมก็รู้สึกเฉยๆ เพราะบางอย่างก็ไม่ได้ใช้ ในส่วนต่างเงิน 4 พันนี้ สำหรับตัวผม ผมโอเครครับ เพราะผมก็ซื้อมาเพื่อใช้ในระยะยาวเอาไว้ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังจากการนั่งนานๆด้วยซึ่งช่วยได้ในระดับนึง แต่สำหรับใครที่กำลังลังเล ลองเปรียบเทียบความคุ้มค่าดูนะครับ จะขึ้นอยู่แต่คนใช้ และงบประมาณด้วย
สุดท้ายนี้จากประสบการณ์ที่ผมได้ลองแบรนด์อื่น มาร่วมด้วย ไม่ใช่แค่ของ Ergotrend อย่างเดียว ของแบรนด์อื่นๆ ส่วนใหญ่ฟังชั่นการทำงานก็คล้ายๆกันครับ ปรับได้ตามที่ผมบอกไปข้างบนนี้ แต่ราคาจะแตกต่างกันที่วัสดุ เช่น เบาะหนัง หรือเบาะตาข่ายก็จะมีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน ความทนทานไม่เหมือนกัน ขาพลาสติก ขาอลูมิเนียม ก็มีผลกับราคา และก็มีเรื่องประกันตัวเก้าอี้ ส่วนใหญ่ทุกแบรนด์จะมีประกันให้ทั้งหมดครับ มากน้อยก็แล้วแต่แบรนด์ไหนจะให้ ตามราคาด้วยครับ สุดท้ายแล้วการตัดสินใจจะอยู่ที่งบประมาณของตัวเองครับ555555+
สำหรับใครที่อยากลองหรือกำลังหาซื้อเก้าอี้เพื่อสุขภาพสักตัว สนใจยี่ห้อไหน แนะนำว่าให้ไปลองที่ร้านเลย ไปลองนั่งของจริง เพราะเก้าอี้ รองรับสรีระเราไม่เหมือนกันทุกตัว บางคนอ้วน บางคนผอม บางคนสูง ไม่เหมือนกันจริงๆครับ และฝากไว้ว่า เก้าอี้แพงกว่าไม่ได้แปลว่านั่งสบายกว่านะครับ 55555+ ต้องไปลองนั่งจริงๆครับ อย่าหาซื้อออนไลน์ ถ้าไม่ได้ลองนั่ง ไม่แนะนำให้ซื้อ
ผมขอจบการรีวิวประมาณนี้ ข้อเปรียบเทียบที่ทำรีวิวในครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อเก้าอี้ดีๆสักตัวของคนที่กำลังสนใจอยู่ ส่วนใครใช้ตัวไหนอยู่ ใช้ดีไม่ดียังไง คอมเม้นบอกกันได้นะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้