ควรทำอย่างไร ณ จุดๆนี้

เริ่มจากเราสูญเสียพ่อ ไปตั้งแต่ 5 ขวบและแม่ก็ตั้งท้องน้องชายได้ 3 เดือน  แม่จึงพาเรากับน้องไปอยู่ที่บ้านตายาย ที่ต่างจังหวัด แม่ก็ทำงานส่งเงินเลี้ยงดูเรากับน้องจนแม่มีสามีใหม่ อยู่ด้วยกันได้ 2 ปี ก็มาเลิกรากันไป พอเราอายุได้ 9 ขวบ แม่ก็ได้สามีและแต่งงานใหม่ จากนั้นแม่ก็ไปอยู่กับสามีใหม่อีกจังหวัดหนึ่ง ให้เรากับน้องอยู่กับตายาย ซึ่งแม่จะส่งเงินมาให้ทางเรากับน้องตลอด และพอปิดเทอมแม่ก็จะมารับเรากับน้องไปอยู่ด้วย พออายุ 14 ยายจะพาเราไปรับจ้างเกษตรกร เราจะไม่ค่อยได้อะไรเลยต่างจากน้องที่มีแต่คนซื้อของให้ เราอยากได้อะไรก็ต้องรับจ้างเองหรือไม่ก็ขอแม่ซึ่งนานๆทีแม่ถึงจะให้ เสื้อผ้าหรือของใช้ของผู้หญิงเราต้องรับจ้างมาเพื่อซื้อให้ตัวเอง แต่น้องเราก็คือยายซื้อแท็ปเลตให้ และสื่งที่ยายซื้อให้เราสิ่งเดียวคือจักรยาน 1 คัน แต่น้องเราแค่ขอก็จะได้ต้องการป้าลุงน้า ค่อยซับพอร์ตน้องตลอด ผ่านไปจนเรา จบ ม.6 ยายต้องการให้เราไปทำงานโรงงานที่ต่างจังหวัดกับลุงที่เป็นญาติ แต่เราไม่อยากไปเราจึงขอแม่ว่าอยากเรียนต่อ ปวส. โดยแม่จะส่งค่าเกี่ยวกับการเรียนให้เราทั้งหมด แต่ค่ากับข้าวที่ใช้ชีวิตประจำวันเป็นยายตลอดมา เราเรียนได้ 1 ปีก็มีเเฟน แต่ใน 1 ปีที่เรียนนั้นแม่ส่งเสียให้เราเรียนไม่ไหวแล้ว เนื่องจากหนี้สินทางบ้าน เราก็เรียนต่อมาได้ด้วยเงินของแฟนเราได้ไม่นาน จนถึงเทอมที่เราต้องฝึกงาน ซึ่งเราได้ที่ฝึกงานแล้ว และเราไม่เรียนต่อด้วยทางบ้านไม่มีใครซับพอร์ตเราเลย พอดีแฟนเราเรียนจบ ปวส. พ่อแม่เขาจึงอยากให้ลูกเขาไปทำงานที่ กทม. เราจึงตัดสินใจไปทำงานกับแฟนเราด้วย วุฒิ ม.6 เรื่องงานเราก็ฝ่าฝันกันมาโดยมีพ่อแม่แฟนเราเป็นคนซับพอร์ตมาตลอด ทางบ้านก็อยากให้เราแต่งงานเพราะเราไปอยู่กับแฟนซึ่งที่บ้านกลัวคนเขานินทาว่าหนีตามผู้ชาย พ่อแฟนเราก็หาเงินช่วยให้การแต่งงานจนวันแต่งงานจะมาถึงเราคิดว่าจะจัดงานเล็กๆทำพิธีมอบสินสอดอย่างเดียว เราก็โดนยายว่าจะแต่งงานทำไมไม่เตรียมไว้แต่เนิ่นๆยายก็มีญาติพี่น้อง ป้าคนที่2ก็บอกยายว่าจะมาแต่งอะไรไม่เห็นแจ้งใคร ทั้งๆที่เราก็บอกคนในครอบครัวหมดแล้ว ญาติก็มีแต่คนในหมู่บ้านซึ่งเราคิดว่าไปบอกเขา 1 วันก่อนเราจะแต่งก็ได้ จนมีปากเสียงกันเราก็ร้องไห้เลยวันนั้น จนงานแต่งผ่านไป เงินค่าสินสอดเราให้ยายทั้งหมดเพื่อตอบแทนที่ยายเลี้ยงเรามา ผ่านไปเรื่องการงานเรากับแฟนเราโอเคก็ทำงานที่ กทม.เรื่อยมา จนมีครั้งหนึ่งป้าเราตั้งกลุ่มแชทขึ้นมาโดยมีทุกคนที่เป็นญาติพี่น้องอยู่ในนั้นรวมถึงเราด้วย ก็คุยกันปกติ มีช่วงนึ่งยายป่วยเป็นไทรอยด์ ญาติเขาก็คุยกันว่าใครจะพายายไปหาหมอ เพราะทุกคนอยู่ต่างจังหวัดหมดรวมถึงเรา น้าชายของเราอยู่ต่างประเทศ ทุกคนคุยกันไม่สิเที่ยงกันว่าใครจะพายายไป น้าก็บอกเราว่าใครเลี้ยงมาพอเขาป่วยจะไม่ใยดี เราโดนเรา1ซึ่งเราตั้งใจจะพายายไปอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ผ่านไป ช่วงที่เราทำงานอยู่ กทม. น้องชายเราก็ยังเรียนมัธยมอยู่ที่บ้าน มีวันนึงเราอยากรู้ว่าที่บ้านมีหนี้สินเท่าไร ทำไมญาติๆเขาถึงชอบบ่นชอบแชะว่าก็เลี้ยงเรากับน้องมาเนี่ยหนี้ถึงเยอะขนาดนี้ เราจึงให้น้องไปถามยายแล้วเขียนมาว่ามีที่ไหนบ้างเท่าไรๆน้องก็ส่งมาให้เราสรุปคือมีประมาน 1 แสน ซึ่งในนั้นยายจำไม่ได้ว่ากู้ว่าตอนไหนบ้าง เรามีช่วงที่น้าเรียน ช่วงเรากับน้องอยู่กับยาย ช่วงแม่กู้มาทำไร่ เราจึงส่งรูปหนี้สินที่บ้านเป็นอยู่ไปในกลุ่มแชทครอบครัว จากนั้นเราก็โดนน้าด่ามาว่า ไม่ต้องพูดกูว่าจะไม่อะไรแล้วนะ เราก็งงว่ามันต้องขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมเราไม่คุยกันดีๆ ซึ่งที่เราอยากรู้เราจะช่วยส่งให้อันไหนที่เกี่ยวกับเราที่กู้มาเพราะเราเราจะผ่อนส่งให้มันหมดแต่เราโดนด่า เราจึงพิมพ์ไปในแชทว่า -เรามันผิดมาตั้งแต่เกิดมาแล้ว- จากนั้นเราก็ออกจากกลุ่มแชทนั้นไปเลย แล้วก็บล็อกเฟสน้ากับป้าคนที่2ไปเลย เพราะที่ผ่านมาเรารับรู้ได้ว่าเราโดนว่ามาตลอด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดหนักหนา เราจึงตัดพวกเขาไปจากใจเราเลย แล้วโฟกัสที่งาน โฟกัสที่คนที่คอยซับพอร์ตเรา จากนั้นมาเราจึงไม่ค่อยไปติดต่อกับยายสักเท่าไรเพราะเราโทรไปก็เฉพาะตอนที่เราจะส่งเงินให้ เพราะเราไม่รู้จะคุยอะไรเราไม่โทรไปก็ไม่มีใครโทรมาถามไถ่เราว่าเราเป็นอย่างไง จนน้องชายเราเรียนจบ เราก็เลยให้น้องมาทำงานแถวๆที่เราอยู่ น้องก็มาทำงานแต่ก่อนที่น้องจะมายายที่เป็นพี่สาวของยายบอกว่าไม่อยากให้น้องไปอยู่กับเราเพราะไม่ค่อยส่งเงินมา ซึ่งที่บ้านมีป้า 2 คน น้า 1 คน พี่น้องเราที่ทำงานแล้วอีก 3 คน ส่งเงินให้ยายเราตลอด เรามีปัญหาการเงินเราก็ไม่ได้ส่งให้แต่ก็พยายามจะส่งให้เรื่อยๆจนมาเจอคนพูดแบบนี้เราไม่ส่งเลย เรารู้สึกไม่ดีเราทำทุกอย่างให้น้องมีที่อยู่ที่ทำงานที่โอเค แต่กลับกันเราไม่เคยมีเสียงจากยายที่จะฝากใครมาว่าให้เราโทรหายายหน่อย ไม่มีเลยค่ะแสดงว่าเขาไม่ได้พูดถึงเราเลยหรอคะ จนถึงช่วงโควิดญาติพี่น้องมีใครรู้ไหมว่าเราเป็นยังไงฉีดวัคซีนยังอยู่พื้นที่เสี่ยงไหม มีแค่น้องกับแม่ที่รู้ แล้วที่เราทำงานทุกวันนี้เราต้องขับรถไปทำงานวันละ 50 กิโลทุกวันคนที่บ้านเรายังไม่รู้เลยเรามีภาระเราสู้เพื่อตัวเองมาตลอดที่เราอยู่ทุกวันนี้เพราะแฟนที่เขาคอยห่วงเราคอยซับพอร์ตเราเสมอ แต่อีกใจหนึ่งเราก็ยังกังวลว่าเราผิดตรงไหนคนที่บ้านถึงไม่ห่วงเราไม่บ่นถึงเราบ้าง เราควรวางตัวอย่างไร เวลาเราจะกลับบ้านเราก็ไม่อยากกลับช่วงเทศกาลเพราะไม่อยากเจอป้า น้า ที่เขาว่าเรามาตลอด จนนี่ก็จะเกือบปีแล้วที่เราไม่ได้กลับบ้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่