จากกรณีแพทย์หญิงรายหนึ่งที่ รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช พาญาติมาเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์
จากนั้นแพทย์หญิงรายดังกล่าวได้แสดงความจำนงในการขอยื่นใบลาออก แต่ภายหลังยกเลิกการลาออกนำเอกสารกลับคืน
โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า เอกสารการลาออกที่ยื่นมานั้นยังไม่สมบูรณ์ตามระเบียบของทางราชการ
ทั้งยังต้องพิจารณาวินัยจากการตั้งกรรมการสอบสวนจึงทำให้การลาออกยังไม่เป็นผล รวมทั้งการยกเลิกการลาออกนั้น
เป็นสิทธิส่วนตัวของแพทย์หญิงรายนี้ที่สามารถทำได้
ล่าสุดวันที่ 21 ส.ค. 64 นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วยรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
ฝ่ายนิติการ และส่วนงานที่เกี่ยวข้องในรูปของคณะกรรมการสอบสวนวินัย เข้าสอบสวนแพทย์หญิง
รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในระหว่างการสรุปสำนวนและกำหนดแนวทางการดำเนินการทางวินัย
ซึ่งจะเสนอให้ผู้ว่าฯ เป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอนระเบียบของทางราชการ
ส่วนกรณีที่แพทย์หญิงอ้างว่าวัคซีนอยู่ในถังขยะนั้น ข้อเท็จจริงแล้วนั้นมีกระบวนการที่สำคัญคือ
ได้จัดซื้อเข็มและหลอดเพื่อใช้วัคซีนให้ครบและประหยัด ลดการสูญเสียในกระบวนการ
โดยใช้เข็มที่มีพื้นที่ค้างของยาน้อยที่สุด เรียกว่า โลวเดดสเปชไซริงค์ แอนด์มิดเดิ้ล
ทำให้ยาติดค้างในเข็มและในไซริงค์น้อยมาก
“หากติดค้างน้อยจะมีวัคซีนเหลืออยู่ในขวดมาก ดังนั้นวัคซีนไฟเซอร์ปกติจะได้ 6 โดส
แต่เราได้ทำให้เพิ่มขึ้นได้เป็น 7 โดส การอ้างว่าโดสที่ 7 เป็นโดสที่ทิ้งนั้นไม่ใช่ แต่เป็นความตั้งใจอยู่แล้ว
และเป็นไปในลักษณะเดียวกับแอสตร้าเซเนก้า ที่ปกตินั้นฉีดได้ 10 โดส แต่เราสามารถดึงฉีดได้ถึง 11 โดสเป็นปกติ”
นายแพทย์จรัสพงษ์ กล่าว
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6576143
เผยผลสอบสวน แพทย์หญิงฉีดไฟเซอร์ให้ญาติ ยันไม่ใช่วัคซีนทิ้งถังขยะ
จากนั้นแพทย์หญิงรายดังกล่าวได้แสดงความจำนงในการขอยื่นใบลาออก แต่ภายหลังยกเลิกการลาออกนำเอกสารกลับคืน
โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า เอกสารการลาออกที่ยื่นมานั้นยังไม่สมบูรณ์ตามระเบียบของทางราชการ
ทั้งยังต้องพิจารณาวินัยจากการตั้งกรรมการสอบสวนจึงทำให้การลาออกยังไม่เป็นผล รวมทั้งการยกเลิกการลาออกนั้น
เป็นสิทธิส่วนตัวของแพทย์หญิงรายนี้ที่สามารถทำได้
ล่าสุดวันที่ 21 ส.ค. 64 นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วยรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
ฝ่ายนิติการ และส่วนงานที่เกี่ยวข้องในรูปของคณะกรรมการสอบสวนวินัย เข้าสอบสวนแพทย์หญิง
รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในระหว่างการสรุปสำนวนและกำหนดแนวทางการดำเนินการทางวินัย
ซึ่งจะเสนอให้ผู้ว่าฯ เป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอนระเบียบของทางราชการ
ส่วนกรณีที่แพทย์หญิงอ้างว่าวัคซีนอยู่ในถังขยะนั้น ข้อเท็จจริงแล้วนั้นมีกระบวนการที่สำคัญคือ
ได้จัดซื้อเข็มและหลอดเพื่อใช้วัคซีนให้ครบและประหยัด ลดการสูญเสียในกระบวนการ
โดยใช้เข็มที่มีพื้นที่ค้างของยาน้อยที่สุด เรียกว่า โลวเดดสเปชไซริงค์ แอนด์มิดเดิ้ล
ทำให้ยาติดค้างในเข็มและในไซริงค์น้อยมาก
“หากติดค้างน้อยจะมีวัคซีนเหลืออยู่ในขวดมาก ดังนั้นวัคซีนไฟเซอร์ปกติจะได้ 6 โดส
แต่เราได้ทำให้เพิ่มขึ้นได้เป็น 7 โดส การอ้างว่าโดสที่ 7 เป็นโดสที่ทิ้งนั้นไม่ใช่ แต่เป็นความตั้งใจอยู่แล้ว
และเป็นไปในลักษณะเดียวกับแอสตร้าเซเนก้า ที่ปกตินั้นฉีดได้ 10 โดส แต่เราสามารถดึงฉีดได้ถึง 11 โดสเป็นปกติ”
นายแพทย์จรัสพงษ์ กล่าว
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6576143