จะแปลกอะไรถ้าคนสองคนจะมีกรุ๊ปเลือดไม่เหมือนกัน พ่อเลือดกรุ๊ป A แม่เลือดกรุ๊ป B มีลูกออกมา ลูกอาจจะมีเลือดกรุ๊ป A หรือ B หรือ AB หรือ O ก็ได้ เรื่องนี้ทุกคนทราบกันดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ ที่แม่เลือดกรุ๊ป B แล้วลูกน้อยเกิดมาเลือดกรุ๊ป A เหมือนกับพ่อ กรุ๊ปเลือดแม่-ลูกไม่ตรงกัน มีผลกับสุขภาพลูกด้วยหรือ?
กรุ๊ปเลือดแม่-ลูกไม่ตรงกัน มีผลกับสุขภาพลูกด้วยหรือ? ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา การแพทย์อาจจะไม่เป็นที่รู้กันมากในกรณีที่เลือดแม่ และลูกไม่เหมือนกัน ส่งผลให้เด็กเกิดสภาวะตัวเหลือง ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้น เมื่อเด็กมีอาการตัวเหลือง ก็มักจะถูกประเมินว่ามีความปกติทางด้านร่างกายเกิดขึ้น ซึ่งถ้าไม่สามารถรักษาให้หายได้ทัน จะส่งผลถึงพัฒนาการทางด้านสมองของเด็ก อาจจะให้มีการพัฒนาการที่ช้า หรือเกิดอาการเอ๋อ นั่นเอง
ภาวะตัวเหลืองของเด็กแรกเกิด
ภาวะตัวเหลือง เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิด โดยพบได้ถึงร้อยละ 50 ของทารกแรกเกิดครบกำหนด และพบได้สูงถึงร้อยละ 80 ของทารกเกิดก่อนกำหนด การที่พ่อแม่รู้เท่าทันภาวะตัวเหลือง ย่อมช่วยให้สามารถสังเกตอาการของลูก และพบแพทย์ได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดความรุนแรงให้เจ้าตัวน้อย ไม่ต้องเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมา
อาการตัวเหลืองของทารกหลังคลอด แม้ว่าจะดูเป็นอาการที่น่าตกใจไม่น้อย ที่ลูกนั้นมีสีผิวเหลืองผิดปกติ แต่อาการดังกล่าว กลับเป็นเรื่องภาวะที่สามารถพบได้ทั่วไปในทารกแรกเกิด โดยเกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นเกิดจาก ภาวะหมู่เลือดของแม่กับลูก ที่ไม่สัมพันธ์กัน เมื่อคุณหมอที่ทำคลอดได้ทำการประเมินพัฒนาการทุกด้านของทารก ตั้งแต่การกระตุ้นเสียงร้อง การวัดการเต้นของหัวใจ ระบบปอด ระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งภาวะทารกตัวเหลืองด้วย ซึ่งหากพบความผิดปกตินี้ขึ้น จะทำการส่งต่อไปยังกุมารแพทย์ เพื่อดูแลให้การรักษาภาวะทารกตัวเหลืองต่อไปค่ะ
ประเภทของหมู่เลือด
โดยหมู่เลือดสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- หมู่เลือด ABO
- หมู่เลือดหลักคือ A , B และ O
- หมู่เลือด Rh โดยแบ่งได้อีก 2 ประเภท คือ Rh+ และ Rh-
- หมู่เลือด A , B และ O เป็นระบบที่คุ้นเคยกันดี ในระบบนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 4 หมู่ คือ A , B , AB และ O ซึ่งจะถูกกำหนดโดยโปรตีนที่เกาะบนผิวของเม็ดเลือดแดง โดยสารโปรตีนนี้คือ แอนติเจน (Antigen) เป็นตัวจำแนกหมู่เลือด ในระบบ ABO มีอยู่ 2 ชนิด คือ สารโปรตีน A (Antigen-A) และสารโปรตีน B (Antigen-B)
ในกรณีที่คุณแม่ต้องการทราบว่าลูกมีหมู่เลือดใด ในระบบ ABO สามารถคำนวณได้เองคร่าว ๆ จากหมู่เลือดของคุณพ่อ และคุณแม่ เพราะการจะตรวจกรุ๊ปเลือดของทารกในครรภ์นั้น ทำได้ค่อนข้างยาก และก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับการตั้งท้อง การตรวจหลังคลอดจะเป็นการดีที่สุดค่ะ
หมู่เลือด Rh
ส่วน Rh เป็นหมู่เลือดอีกระบบ เมื่อคุณแม่ไปฝากครรภ์ คุณหมอจะเจาะเลือดเพื่อตรวจดูว่า คุณแม่มีหมู่เลือดชนิดใด โดยเจาะดูทั้ง 2 หมู่เลือด ซึ่งผลการตรวจ จะรายงานว่า คุณแม่มีหมู่เลือดแตกต่างกันอย่างไร เช่น คุณแม่บางรายมีหมู่เลือด O Rh+ ในขณะที่ คุณแม่บางราย มีหมู่เลือด B Rh- เป็นต้น โดยหมู่เลือดในระบบ Rh แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
หมู่เลือด Rh+ (Rh positive) จะมีแอนติเจนอยู่ในเม็ดเลือดแดง เป็นหมู่โลหิตธรรมดา ซึ่งในคนไทย มีหมู่เลือด Rh+ เป็นส่วนมากเกือบร้อยละ 100
หมู่เลือด Rh- (Rh negative) ไม่มีแอนติเจนอยู่ในเม็ดเลือดแดง เป็นหมู่โลหิตหายาก หรือหมู่โลหิตพิเศษ ในคนไทย มีหมู่เลือด Rh- ไม่ถึงร้อยละ 1
ซึ่งในร่างกายของคนที่มีหมู่เลือด Rh- ไม่รู้จักแอนติเจนในเม็ดเลือดแดง เมื่อได้รับเลือดจากหมู่เลือด Rh+ เข้าไป ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อทำลายเม็ดเลือดแดงนั้น ๆ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม
สาเหตุของภาวะตัวเหลือง
การเกิดภาวะเลือดแม่ และเลือดลูกไม่เข้ากัน ในหมู่เลือด ABO มักมีอาการไม่รุนแรงนัก โดยมีสาเหตุจาก แอนติบอดี้ในเลือดของคุณแม่ สามารถซึมผ่านรก เข้าไปในเลือดของทารกในครรภ์ แอนติบอดี้ที่ผ่านรกเข้าไปในเลือดของลูก จะทำลายเม็ดเลือดของลูก ทำให้เม็ดเลือดแตก
แต่การไม่เข้ากันของเลือดแม่ และลูกมีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ที่เม็ดเลือดแดงของลูกแตกมาก จนทำให้มีการปล่อยสารที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง หรือ “บิลิรูบิน” สารที่มีสีเหลือง ออกมาในกระแสเลือด มาเกาะที่ผิวหนัง และเยื่อบุตาขาว ทำให้ทารก มีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองหลังคลอดได้ค่ะ
ในกรณีคุณแม่ที่มีเลือดกลุ่ม Rh+ หรือ Rh- ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ยกเว้นกรณีคุณแม่ที่มีกลุ่มเลือด Rh- แต่ลูกในครรภ์มีกลุ่มเลือด Rh+ อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดแม่และลูกไม่เข้ากัน จึงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเลือดของลูกที่เป็น Rh+ เข้าสู่ร่างกายของแม่ จะทำให้ร่างกายคุณแม่ สร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำลายเม็ดเลือดแดงของลูก
การป้องกัน และการรักษา
การป้องกันที่ดีที่สุดในกรณีหมู่เลือด Rh ของแม่ และลูกไม่ตรงกัน คือการไปฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ หากตรวจพบ การไม่เข้ากันของเลือดแม่ และลูก ในการตั้งครรภ์ครั้งแรก คุณหมอจะฉีดยาลดการสร้างภูมิต้านทานต่อเลือดของลูกให้ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดของแม่ ไปทำลายเม็ดเลือดแดงของลูก ในการตั้งครรภ์ครั้งถัดไปแต่ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ สำหรับการคลอดซึ่งคุณแม่ที่มีกลุ่มเลือด Rh- ยังสามารถคลอดได้ตามปกตินะคะ
ส่วนของการรักษาภาวะตัวเหลือง ต้องรักษาตามสาเหตุเป็นหลัก ร่วมกับการลดระดับบิลิรูบินลง โดยการเพิ่มการกำจัดบิลิรูบินออกจากร่างกาย เช่น การส่องไฟรักษา หรือ นำบิลิรูบินออกจากร่างกายโดยตรง เช่น การเปลี่ยนถ่ายเลือด เป็นต้นค่ะ
กรุ๊ปเลือดแม่-ลูกไม่ตรงกัน มีผลกับสุขภาพลูกด้วยหรือ?
กรุ๊ปเลือดแม่-ลูกไม่ตรงกัน มีผลกับสุขภาพลูกด้วยหรือ?
กรุ๊ปเลือดแม่-ลูกไม่ตรงกัน มีผลกับสุขภาพลูกด้วยหรือ? ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา การแพทย์อาจจะไม่เป็นที่รู้กันมากในกรณีที่เลือดแม่ และลูกไม่เหมือนกัน ส่งผลให้เด็กเกิดสภาวะตัวเหลือง ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้น เมื่อเด็กมีอาการตัวเหลือง ก็มักจะถูกประเมินว่ามีความปกติทางด้านร่างกายเกิดขึ้น ซึ่งถ้าไม่สามารถรักษาให้หายได้ทัน จะส่งผลถึงพัฒนาการทางด้านสมองของเด็ก อาจจะให้มีการพัฒนาการที่ช้า หรือเกิดอาการเอ๋อ นั่นเอง
ภาวะตัวเหลืองของเด็กแรกเกิด
ภาวะตัวเหลือง เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิด โดยพบได้ถึงร้อยละ 50 ของทารกแรกเกิดครบกำหนด และพบได้สูงถึงร้อยละ 80 ของทารกเกิดก่อนกำหนด การที่พ่อแม่รู้เท่าทันภาวะตัวเหลือง ย่อมช่วยให้สามารถสังเกตอาการของลูก และพบแพทย์ได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดความรุนแรงให้เจ้าตัวน้อย ไม่ต้องเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมา
อาการตัวเหลืองของทารกหลังคลอด แม้ว่าจะดูเป็นอาการที่น่าตกใจไม่น้อย ที่ลูกนั้นมีสีผิวเหลืองผิดปกติ แต่อาการดังกล่าว กลับเป็นเรื่องภาวะที่สามารถพบได้ทั่วไปในทารกแรกเกิด โดยเกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นเกิดจาก ภาวะหมู่เลือดของแม่กับลูก ที่ไม่สัมพันธ์กัน เมื่อคุณหมอที่ทำคลอดได้ทำการประเมินพัฒนาการทุกด้านของทารก ตั้งแต่การกระตุ้นเสียงร้อง การวัดการเต้นของหัวใจ ระบบปอด ระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งภาวะทารกตัวเหลืองด้วย ซึ่งหากพบความผิดปกตินี้ขึ้น จะทำการส่งต่อไปยังกุมารแพทย์ เพื่อดูแลให้การรักษาภาวะทารกตัวเหลืองต่อไปค่ะ
ประเภทของหมู่เลือด
โดยหมู่เลือดสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- หมู่เลือด ABO
- หมู่เลือดหลักคือ A , B และ O
- หมู่เลือด Rh โดยแบ่งได้อีก 2 ประเภท คือ Rh+ และ Rh-
- หมู่เลือด A , B และ O เป็นระบบที่คุ้นเคยกันดี ในระบบนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 4 หมู่ คือ A , B , AB และ O ซึ่งจะถูกกำหนดโดยโปรตีนที่เกาะบนผิวของเม็ดเลือดแดง โดยสารโปรตีนนี้คือ แอนติเจน (Antigen) เป็นตัวจำแนกหมู่เลือด ในระบบ ABO มีอยู่ 2 ชนิด คือ สารโปรตีน A (Antigen-A) และสารโปรตีน B (Antigen-B)
ในกรณีที่คุณแม่ต้องการทราบว่าลูกมีหมู่เลือดใด ในระบบ ABO สามารถคำนวณได้เองคร่าว ๆ จากหมู่เลือดของคุณพ่อ และคุณแม่ เพราะการจะตรวจกรุ๊ปเลือดของทารกในครรภ์นั้น ทำได้ค่อนข้างยาก และก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับการตั้งท้อง การตรวจหลังคลอดจะเป็นการดีที่สุดค่ะ
หมู่เลือด Rh
ส่วน Rh เป็นหมู่เลือดอีกระบบ เมื่อคุณแม่ไปฝากครรภ์ คุณหมอจะเจาะเลือดเพื่อตรวจดูว่า คุณแม่มีหมู่เลือดชนิดใด โดยเจาะดูทั้ง 2 หมู่เลือด ซึ่งผลการตรวจ จะรายงานว่า คุณแม่มีหมู่เลือดแตกต่างกันอย่างไร เช่น คุณแม่บางรายมีหมู่เลือด O Rh+ ในขณะที่ คุณแม่บางราย มีหมู่เลือด B Rh- เป็นต้น โดยหมู่เลือดในระบบ Rh แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
หมู่เลือด Rh+ (Rh positive) จะมีแอนติเจนอยู่ในเม็ดเลือดแดง เป็นหมู่โลหิตธรรมดา ซึ่งในคนไทย มีหมู่เลือด Rh+ เป็นส่วนมากเกือบร้อยละ 100
หมู่เลือด Rh- (Rh negative) ไม่มีแอนติเจนอยู่ในเม็ดเลือดแดง เป็นหมู่โลหิตหายาก หรือหมู่โลหิตพิเศษ ในคนไทย มีหมู่เลือด Rh- ไม่ถึงร้อยละ 1
ซึ่งในร่างกายของคนที่มีหมู่เลือด Rh- ไม่รู้จักแอนติเจนในเม็ดเลือดแดง เมื่อได้รับเลือดจากหมู่เลือด Rh+ เข้าไป ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อทำลายเม็ดเลือดแดงนั้น ๆ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม
สาเหตุของภาวะตัวเหลือง
การเกิดภาวะเลือดแม่ และเลือดลูกไม่เข้ากัน ในหมู่เลือด ABO มักมีอาการไม่รุนแรงนัก โดยมีสาเหตุจาก แอนติบอดี้ในเลือดของคุณแม่ สามารถซึมผ่านรก เข้าไปในเลือดของทารกในครรภ์ แอนติบอดี้ที่ผ่านรกเข้าไปในเลือดของลูก จะทำลายเม็ดเลือดของลูก ทำให้เม็ดเลือดแตก
แต่การไม่เข้ากันของเลือดแม่ และลูกมีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ที่เม็ดเลือดแดงของลูกแตกมาก จนทำให้มีการปล่อยสารที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง หรือ “บิลิรูบิน” สารที่มีสีเหลือง ออกมาในกระแสเลือด มาเกาะที่ผิวหนัง และเยื่อบุตาขาว ทำให้ทารก มีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองหลังคลอดได้ค่ะ
ในกรณีคุณแม่ที่มีเลือดกลุ่ม Rh+ หรือ Rh- ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ยกเว้นกรณีคุณแม่ที่มีกลุ่มเลือด Rh- แต่ลูกในครรภ์มีกลุ่มเลือด Rh+ อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดแม่และลูกไม่เข้ากัน จึงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเลือดของลูกที่เป็น Rh+ เข้าสู่ร่างกายของแม่ จะทำให้ร่างกายคุณแม่ สร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำลายเม็ดเลือดแดงของลูก
การป้องกัน และการรักษา
การป้องกันที่ดีที่สุดในกรณีหมู่เลือด Rh ของแม่ และลูกไม่ตรงกัน คือการไปฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ หากตรวจพบ การไม่เข้ากันของเลือดแม่ และลูก ในการตั้งครรภ์ครั้งแรก คุณหมอจะฉีดยาลดการสร้างภูมิต้านทานต่อเลือดของลูกให้ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดของแม่ ไปทำลายเม็ดเลือดแดงของลูก ในการตั้งครรภ์ครั้งถัดไปแต่ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ สำหรับการคลอดซึ่งคุณแม่ที่มีกลุ่มเลือด Rh- ยังสามารถคลอดได้ตามปกตินะคะ
ส่วนของการรักษาภาวะตัวเหลือง ต้องรักษาตามสาเหตุเป็นหลัก ร่วมกับการลดระดับบิลิรูบินลง โดยการเพิ่มการกำจัดบิลิรูบินออกจากร่างกาย เช่น การส่องไฟรักษา หรือ นำบิลิรูบินออกจากร่างกายโดยตรง เช่น การเปลี่ยนถ่ายเลือด เป็นต้นค่ะ
กรุ๊ปเลือดแม่-ลูกไม่ตรงกัน มีผลกับสุขภาพลูกด้วยหรือ?