เรื่องมันเกิดตั้งแต่ตอนที่หนูอายุ13 ปี ทุกครั้งที่หนูป่วย ทุกคนในครอบครัวมักจะพูดว่า ไหน? เป็นอะไร? ก็ยังสบายดีนิ..... มันเลยทำให้หนูไม่กล้าที่จะบอกว่าหนูไม่สบายนะ วันนี้หนูรู้สึกแปลกๆ รู้สึกไม่ค่อยดีเลย มันมีครั้งหนึ่งที่หนูปวดท้องอย่างรุนแรง ปวดจนเดินแทบไม่ไหว จนหนูอาเจียนออกมา แม่ถึงจะพาหนูไปอนามัย แต่หมอที่อนามัยบอกว่าหนูเป็นกระเพาะ หลังจากนั้น3วันหนูได้ปวดหนักขึ้นกว่าเดิม หนูตกเตียง และมีอาการกระอักเลือด พ่อเปิดประตูมาเห็น เขาเลยรีบพาหนูไปโรงพยาบาล ถึงได้รู้ว่าหนูเป็นไส้ติ่งอักเสบ
ต่อมาหนูก็มีการป่วยอยู๋บ่อยๆ ทุกครั้งที่บอกครอบครัวเขามักจะหาว่าหนูแกล้ง ทั้งๆที่หนูป่วยจริงๆ ทุกครั้งที่หนูมีเรื่องไม่สบายใจ หนูอยากเล่าให้พวกเขาฟังนะคะ แต่เขามักจะไม่ฟัง ไม่สนใจ ไม่รับฟัง บางครั้งก็พูดกลับมาด้วยคำพูดเเรงๆ มันเจ็บ มันทรมาน ในหัวใจของหนูมันเจ็บปวด เกินจะบรรยายค่ะ
ตอนหนูสอบเข้าม.4 หนูสอบได้ห้องที่มีแต่เด็กเก่งๆ เรียกง่ายๆว่าห้องเด็กวิทย์พิเศษ หนูไม่เคยได้รับคำชมจากคนในครอบครัวเลยค่ะ มีแค่คนรอบๆข้างที่ชม และแสดงความยินดีกับหนู หนูเลยทำให้หนูตั้งใจเรียน เพื่อให้ทุกคนรักและชื่นชม เกรดของหนูออกมาดีมากๆเลยค่ะ หนูติดท็อป3ของชั้นปีตลอด มันทำให้หนูมีเพื่อน เป็นที่ยอมรับของทุกคนแต่ไม่ใช่กับคนในครอบครัวของตัวเอง จนถึงม.6หนูสอบได้คณะสัตวแพทย์ ทุกคนยินดีกับความสำเร็จของหนู แต่เหมือนเดิมค่ะ กับคนในครอบครัวไม่มีแต่คำชม แต่กลับพูดว่าค่าเทอมมันแพง ส่งไม่ไหว ทำให้หนูใจสลายไปเลยค่ะ แต่ดีที่มีการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ทำให้หนูได้เรียน
หนูได้เรียน ได้มีเพื่อนทุกคนน่ารักกับหนูมากๆเลยค่ะ แต่อยู่มาวันหนึ่งหนูอาเจียนอย่างหนัก หน้ามืด ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง ด้วยความเป็นห่วงของเพื่อนเลยพากันไปหาหมอ หลังจากที่หมอตรวจหมอบอกให้หนูเข้ามาฟังผลแค่คนเดียว ผลที่ออกมาคือ หนูมีก้อนเนื้อขนาด18cmอยู่บริเวณรังไข่ด้านซ้ายใช่ค่ะมันคือก้อนมะเร็ง หนูหูดับไปเลยค่ะตอนนั้น คนบ้าอะไรจะโชคร้ายขนาดนี้ หนูฟังหมอแนะนำเรื่องต่างๆเสร็จก็ออกมาจากห้องตรวจเพื่อนๆก็ถามว่าเป็นอะไรหนูเลยบอกไปว่าแค่กระเพาะ หนูเองยังรับความจริงไม่ได้ผ่านไป1สัปดาห์อาการหนูเริ่มหนักขึ้น หนูไปหาหมอจัดการเองทุกอย่างจนหนูทนไม่ไหวเป็นลมขณะขับรถกลับจากโรงพยาบาลหนูถูกส่งตัวเข้าแผนกฉุกเฉิน ทำให้เพื่อนๆของหนูมาที่โรงพยาบาล และใช่ค่ะทุกคนได้รู้ว่าหนูป่วยเป็นมะเร็ง เพื่อนที่หนูสนิทที่โทรหาครอบครัวหนู (เพื่อนบอกว่าหนูเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้บอกเรื่องมะเร็ง) ซึ่งมหาลัยกับบ้านหนูอยู่คนละจังหวัดนะคะ พวกเขามาในวันถัดมาเพราะตอนเกิดอุบัติเหตุมันเป็นช่วงเย็นแล้ว มาถึงแทนที่เขาจะถามอาการหนู กลับพูดว่าทำไมไม่ระวัง ชอบทำให้คนอื่นๆเขาเดือดร้อน ใจหนูเหมือนเชือกที่ขาดเลยค่ะ หนูร้องไห้ออกมาดังมาก ดังจนแถวนั้นหันมามอง จนพี่พยาบาลมาถามว่าหนูเป็นอะไร ปวดตรงไหน มันสุดๆแล้วจริงๆค่ะ มันแบบใจหนูมันแหลกไปแล้ว หลังจากนั้นอีกวันหนูต้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว หมอที่ดูแลหนูเลยขอพบหนู พ่อและแม่ หมอพูดเรื่องการดูแลแผล และเรื่องการส่งตัวหนูไปรักษาโรงพยาบาล พ่อหนูเลยถามว่า ส่งตัวไปไหน? ทำไม? หมอมองมาที่หนู หมอว่าหนูยังไม่บอกพ่อกับแม่หรอว่าหนูป่วยหนัก พ่อหมอถามว่าป่วยอะไร แค่ล้มรถไม่ใช่หรอ? หมอเลยบอกทั้งสองว่าหนูป่วยเป็นมะเร็ง ครั้งแรกเลยนะคะที่หนูเห็นพวกเขาร้องไห้ เสียน้ำตา ไม่รู้ทำไมรู้ว่าสะใจที่เห็นพวกเขาร้องไห้ ได้เห็นพวกเขาเจ็บปวด หลังจากนั้นหนูไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่แสดงอะไร ให้พวกเขาเห็น ต่อให้พวกเขาทำดีกับหนูแค่ไหน หนูก็ไม่เคยตอบสนองพวกเขา หนูอยากให้พวกเขาเจ็บ เหมือนที่หนูเจ็บ เสียใจแบบที่หนูเสียใจ ร้องไห้แบบที่หนูร้องไห้ ทรมานแบบที่หนูทรมาน จนตอนนี้รักษาตัวจนอาการป่วยดีขึ้นมาก แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้หนูเป็นคนไม่พูด เย็นชาจนเพื่อนบอก ทำไมคะ? การที่หนูอยากจะเอาคืนพวกเขามันผิดหรอ? หนูแค่อยากให้พวกเขาได้รู้ความรู้สึกของหนู อยากให้พวกเขาเจอในสิ่งที่หนูเจอ หนูยังจำความรู้สึกที่ผ่านมาได้ หนูยังคงร้องไห้ทุกวัน ยังเจ็บปวดเหมือนเดิมทุกวัน
ไม่ใกล้ตาย ไม่รู้สึก ?
ต่อมาหนูก็มีการป่วยอยู๋บ่อยๆ ทุกครั้งที่บอกครอบครัวเขามักจะหาว่าหนูแกล้ง ทั้งๆที่หนูป่วยจริงๆ ทุกครั้งที่หนูมีเรื่องไม่สบายใจ หนูอยากเล่าให้พวกเขาฟังนะคะ แต่เขามักจะไม่ฟัง ไม่สนใจ ไม่รับฟัง บางครั้งก็พูดกลับมาด้วยคำพูดเเรงๆ มันเจ็บ มันทรมาน ในหัวใจของหนูมันเจ็บปวด เกินจะบรรยายค่ะ
ตอนหนูสอบเข้าม.4 หนูสอบได้ห้องที่มีแต่เด็กเก่งๆ เรียกง่ายๆว่าห้องเด็กวิทย์พิเศษ หนูไม่เคยได้รับคำชมจากคนในครอบครัวเลยค่ะ มีแค่คนรอบๆข้างที่ชม และแสดงความยินดีกับหนู หนูเลยทำให้หนูตั้งใจเรียน เพื่อให้ทุกคนรักและชื่นชม เกรดของหนูออกมาดีมากๆเลยค่ะ หนูติดท็อป3ของชั้นปีตลอด มันทำให้หนูมีเพื่อน เป็นที่ยอมรับของทุกคนแต่ไม่ใช่กับคนในครอบครัวของตัวเอง จนถึงม.6หนูสอบได้คณะสัตวแพทย์ ทุกคนยินดีกับความสำเร็จของหนู แต่เหมือนเดิมค่ะ กับคนในครอบครัวไม่มีแต่คำชม แต่กลับพูดว่าค่าเทอมมันแพง ส่งไม่ไหว ทำให้หนูใจสลายไปเลยค่ะ แต่ดีที่มีการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ทำให้หนูได้เรียน
หนูได้เรียน ได้มีเพื่อนทุกคนน่ารักกับหนูมากๆเลยค่ะ แต่อยู่มาวันหนึ่งหนูอาเจียนอย่างหนัก หน้ามืด ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง ด้วยความเป็นห่วงของเพื่อนเลยพากันไปหาหมอ หลังจากที่หมอตรวจหมอบอกให้หนูเข้ามาฟังผลแค่คนเดียว ผลที่ออกมาคือ หนูมีก้อนเนื้อขนาด18cmอยู่บริเวณรังไข่ด้านซ้ายใช่ค่ะมันคือก้อนมะเร็ง หนูหูดับไปเลยค่ะตอนนั้น คนบ้าอะไรจะโชคร้ายขนาดนี้ หนูฟังหมอแนะนำเรื่องต่างๆเสร็จก็ออกมาจากห้องตรวจเพื่อนๆก็ถามว่าเป็นอะไรหนูเลยบอกไปว่าแค่กระเพาะ หนูเองยังรับความจริงไม่ได้ผ่านไป1สัปดาห์อาการหนูเริ่มหนักขึ้น หนูไปหาหมอจัดการเองทุกอย่างจนหนูทนไม่ไหวเป็นลมขณะขับรถกลับจากโรงพยาบาลหนูถูกส่งตัวเข้าแผนกฉุกเฉิน ทำให้เพื่อนๆของหนูมาที่โรงพยาบาล และใช่ค่ะทุกคนได้รู้ว่าหนูป่วยเป็นมะเร็ง เพื่อนที่หนูสนิทที่โทรหาครอบครัวหนู (เพื่อนบอกว่าหนูเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้บอกเรื่องมะเร็ง) ซึ่งมหาลัยกับบ้านหนูอยู่คนละจังหวัดนะคะ พวกเขามาในวันถัดมาเพราะตอนเกิดอุบัติเหตุมันเป็นช่วงเย็นแล้ว มาถึงแทนที่เขาจะถามอาการหนู กลับพูดว่าทำไมไม่ระวัง ชอบทำให้คนอื่นๆเขาเดือดร้อน ใจหนูเหมือนเชือกที่ขาดเลยค่ะ หนูร้องไห้ออกมาดังมาก ดังจนแถวนั้นหันมามอง จนพี่พยาบาลมาถามว่าหนูเป็นอะไร ปวดตรงไหน มันสุดๆแล้วจริงๆค่ะ มันแบบใจหนูมันแหลกไปแล้ว หลังจากนั้นอีกวันหนูต้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว หมอที่ดูแลหนูเลยขอพบหนู พ่อและแม่ หมอพูดเรื่องการดูแลแผล และเรื่องการส่งตัวหนูไปรักษาโรงพยาบาล พ่อหนูเลยถามว่า ส่งตัวไปไหน? ทำไม? หมอมองมาที่หนู หมอว่าหนูยังไม่บอกพ่อกับแม่หรอว่าหนูป่วยหนัก พ่อหมอถามว่าป่วยอะไร แค่ล้มรถไม่ใช่หรอ? หมอเลยบอกทั้งสองว่าหนูป่วยเป็นมะเร็ง ครั้งแรกเลยนะคะที่หนูเห็นพวกเขาร้องไห้ เสียน้ำตา ไม่รู้ทำไมรู้ว่าสะใจที่เห็นพวกเขาร้องไห้ ได้เห็นพวกเขาเจ็บปวด หลังจากนั้นหนูไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่แสดงอะไร ให้พวกเขาเห็น ต่อให้พวกเขาทำดีกับหนูแค่ไหน หนูก็ไม่เคยตอบสนองพวกเขา หนูอยากให้พวกเขาเจ็บ เหมือนที่หนูเจ็บ เสียใจแบบที่หนูเสียใจ ร้องไห้แบบที่หนูร้องไห้ ทรมานแบบที่หนูทรมาน จนตอนนี้รักษาตัวจนอาการป่วยดีขึ้นมาก แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้หนูเป็นคนไม่พูด เย็นชาจนเพื่อนบอก ทำไมคะ? การที่หนูอยากจะเอาคืนพวกเขามันผิดหรอ? หนูแค่อยากให้พวกเขาได้รู้ความรู้สึกของหนู อยากให้พวกเขาเจอในสิ่งที่หนูเจอ หนูยังจำความรู้สึกที่ผ่านมาได้ หนูยังคงร้องไห้ทุกวัน ยังเจ็บปวดเหมือนเดิมทุกวัน