[CR] #MaltaInSummer ทริปตามหัวใจไปมอลตา

การเดินทางครั้งเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ต้องเตรียมเอกสารและเสาะหาข้อมูลให้มากที่สุด เพราะเป็นการเดินทางในช่วงที่แต่ละประเทศก็ยังมีมาตรการโควิดอยู่ ก่อนที่เราจะไปเที่ยวด้วยกันผ่านตัวหนังสือมาดูคำนำกันค่ะ

คำนำ
1. การเดินทางครั้งนี้เดินทางจากเนเธอร์แลนด์ไปมอลตา
2. เดินทางเมื่อวันที่ 8-14 กรกฎาคม 2564 ก่อนที่ประเทศมอลตาจะยกระดับมาตรการโควิด ซึ่งตอนนั้นสามารถใช้ผล PCR test ไม่เกิน 72 ชม. หรือ vaccine passport หรือ ใบรับรองว่าเคยติดโควิดและหายแล้ว เข้าประเทศได้ 

ตั้งแต่ 14 กรกฎาคม เป็นต้นไปจะเข้ามอลต้าต้องฉีดวัคซีนให้ครบเซ็ท 14 วันก่อนเข้าประเทศ หากประเทศต้นทางอยู่ใน dark red list จะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศในกรณีจำเป็นเท่านั้น 
3. เที่ยวไม่ทั่วค่ะ ดิฉันกับแฟนนี่ทั้งยมและไน้ (ยม เป็นคำเมือง หากใช้กับอาหาร แปลว่าไม่กรอบ ใช้กับคน แปลว่าเหนื่อย เมื่อยล้า ส่วนไน้ แปลว่า ละลาย) อากาศร้อน ส่วนใหญ่เราเดินทางโดยรถเมล์  จึงไม่ค่อยได้เที่ยวที่ไหนเยอะ 
4. สถานการณ์โควิดช่วงต้นเดือนกรกฎาคม รัฐบาลหลายๆ ประเทศผ่อนคลายมาตรการการใส่หน้ากาก อย่างที่เนเธอร์แลนด์ไม่ต้องใส่แล้ว แต่ต้องใส่เวลาขึ้นรถสาธารณะและสนามบินค่ะ ส่วนมอลตาต้องใส่หน้ากากเวลาขึ้นรถสาธารณะและในอาคารที่ร่มค่ะ
5. เป็นคนถ่ายรูปไม่สวยแต่หน้าสวยมากค่ะ เพี้ยนแหวะ


สาเหตุที่เลือกมอลตานั้น เพราะช่วงเดือนมิถุนามอลต้าประกาศว่าตนเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ถึง herd immunity (ภูมิคุ้มกันหมู่) ฉีดวัคซีนเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ แล้วถ้ากลับเนเธอร์แลนด์ก็ไม่ต้องใช้ผล PCR test เข้าประเทศอีก (แต่ตอนนี้กฎเปลี่ยนไปแล้วนะคะ จะเข้ามอลตาก็ต้องฉีดวัคซีนให้ครบ จะกลับเนเธอร์แลนด์ก็ต้องมีผล PCR test)

ก่อนการเดินทาง

1. เช็กข้อมูลจากเว็บไซต์ เพื่อหาข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศในยุโรป https://reopen.europa.eu/en/ และเงื่อนไขการเข้าประเทศมอลต้า https://www.visitmalta.com/en/ นอกจากนี้ดูข้อมูลในเฟซบุ๊กสถานทูตมอลต้าในเนเธอร์แลนด์ https://www.facebook.com/MTEmbassyinNL/ ซึ่งแอดมินตอบไวค่ะ และตอบตลอด ให้ข้อมูลชัดเจน อิฉันก็ถามไปบ่อยมาก จนแอดมินคงจะจำชื่อดิฉันได้แล้วค่ะ 55555

2. โทรหาหน่วยงาน GGD เพื่อนัดหมายตรวจ PCR test ซึ่งผลต้องไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเข้าประเทศมอลต้าค่ะ อย่างดิฉันเข้ามอลตา 8 ก.ค. ก็ไปตรวจตอน 8 โมงเช้าวันที่ 6 ก.ค. ผลตามใน QR code ออกเวลา 10:00 ก็ยังครอบคลุมกฎ 72 ชม. ค่ะ แต่ความจริงทาง GGD ส่งอีเมล์มาประมาณเที่ยง ความดีงามของประเทศเนเธอร์แลนด์คือ ณ ตอนนั้นตรวจฟรีค่ะ 

3. เมื่อได้ผลแล้ว โหลดแอพ CoronaCheck ค่ะ ดิฉันล็อกอินด้วย DigiD (บัญชีที่ใช้ในการติดต่อกับราชการในเนเธอร์แลนด์) มันจะเชื่อมข้อมูลลงแอพ จะมคิวอาร์โค้ด และข้อมูลส่วนตัวและผลตรวจของเรา จะโชว์เจ้าหน้าที่แบบดิจิตอล หรือปริ้นท์ไปก็ได้ค่ะ

4. กรอกข้อมูลลง Passenger Locator Form https://www.maltairport.com/covid19/arrival/#PLFจะปริ้นท์ หรือกรอกแบบดิจิตอลงไปก็ได้ค่ะ  (ตอนนี้ล่าสุดที่เข้าไปดูในเว็บของสนามบินมอลตา เค้าให้กรอกในเว็บแล้วค่ะ https://app.euplf.eu/#/user/login

5. หากเดินทางด้วยสายการบิน Air Malta แบบดิฉันกรอกข้อมูลลง Manditory Air Malta Health Declaration Form ​​https://airmalta.com/en/health-and-safety/mandatory-air-malta-declaration-form กรอกเสร็จเค้าจะส่งข้อมูลที่เรากรอกไปที่อีเมล์ของเรา ก็ใช้ข้อความในอีเมล์ของเราโชว์ตอนเช็กอินเลยค่ะ

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
เป็นคนชอบอ่านหนังสือค่ะ เลยซื้อเล่มนี้มาอ่าน 13 ยูโร ข้อมูลละเอียดดี แต่ไม่ค่อยมีรูปประกอบ พออ่านก็จะจินตนาการไม่ออกว่าสถานที่นั้นๆ เป็นอย่างไร (ไม่เหมือนเล่มเที่ยว Los Angeles ที่เคยอ่าน อันนั้นรูปสวยค่ะ)

สายการบิน

เดินทางไปกับ Air Malta ใช้เวลา 3 ชม. ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มค่ะ ราคาที่จองไปได้ คนละ 345 ยูโร จะโหลดกระเป๋าต้องเสียเงินต่างหาก แฟนดิฉันเลยซื้อกระเป๋าแค่คนเดียวเสียเพิ่มอีก 120 ยูโร โหลดกระเป๋าได้ 20 กิโลกรัม ไปกันแค่ 7 วัน 6 คืน เสื้อผ้าไม่เยอะมาก ก็แชร์กระเป๋าใบเดียวกันไปเลยค่ะ อิอิ

วีซ่า
เนื่องจากดิฉันถือใบอนุญาตพักอาศัยในเนเธอร์แลนด์สามารถเดินทางได้ทั่วประเทศในเชงเก้น 25 ประเทศ ซึ่งมอลตาคือหนึ่งในนั้น ตอนเช็กอินก็ยื่นทั้งพาสปอร์ตและบัตร residence permit เพื่อนๆ ที่เดินทางมาเมืองไทยขอวีซ่าเชงเก้นได้เลยค่ะ (ถ้าสถานการณ์โควิดดีขึ้นแล้วนะคะ) 

วันเดินทาง 8 ก.ค. 64

ไฟลท์ 11:50  ดิฉันกับแฟนก็รีบไปสนามบินตั้งแต่ 8:50 เพราะเกรงว่าคนจะเยอะ กระบวนการจะช้า ตรวจเอกสารนาน ซึ่งพอไปถึงก็คนเยอะจริงค่ะ แทบจะไม่มีระยะห่าง 1.5 เมตรเลย ระหว่างรอต่อคิวพนักงานก็มาขอดูว่าเรามีผล PCR test ได้กรอกข้อมูลลง Passenger Locator Form หรือยัง แต่พนักงานที่สนามบิน Schiphol ไม่ได้ดู Manditory Air Malta Health Declaration Form แต่ตอนขากลับพนักงานที่สนามบินมอลตา ขอดูอีเมล์ค่ะ

พอเช็กอินเสร็จมาดูบอร์ดขาออก ปรากฏว่าไฟลท์เลื่อนไปสามชม.เลยจ้า วันนั้นยมมากเลย ออกจากบ้าน 8 โมง ไฟลท์เลื่อนไป 3 ชม. จาก 11:50 เป็น 15:00 เดินทางอีก 3 ชม. กว่าจะถึงสนามบิน 6 โมงเย็น แถมยังต้องต่อแถวยื่นเอกสาร Passenger Locator Form และผล PCR Test เนื่องจากผลของดิฉันอยู่ในแอพ เจ้าหน้าที่ก็ให้อีเมล์ของทางการมา ให้เราส่งผล PCR test ทางอีเมล์ ซึ่งแคปเจอร์บนมือถือไม่ได้ด้วยนะคะ เหตุผลด้านความปลอดภัย ดิฉันกับแฟนต้องสลับกันเอามือถือของกันและกันถ่ายคิวอาร์โค้ด และข้อมูลส่วนตัวของเราส่งให้ทางการมอลตาค่ะ 

กว่าถึงโรงแรมเกือบ 1 ทุ่มเลยจ้า นี่เดินทางแค่ในยุโรปนะเนี่ย ล่อไป 11 ชม.เลย
การเดินทางในมอลต้า

Bolt
โหลดแอพนี้มาใช้เลยค่ะ ราคายุติธรรมแต่ก็แพงอยู่ จากสนามบินไป Bugibba แถวที่ดิฉันพัก ราคา 27 ยูโร ที่นี่ไม่มี Uber นะคะ

แท็กซี่

รถแท็กซี่แพงอยู่ค่ะ แท็กซี่ตามแหล่งท่องเที่ยวมักบอกว่าไม่มีมิเตอร์ ไม่กดมิเตอร์ นิสัยแบบนี้คุ้นมากเลยค่ะ เพี้ยนมองบน ดิฉันกับแฟนก็เดินหนีเลยค่ะ พวกนางเลยลดราคาให้ ได้ขึ้นแค่ 2 ครั้ง แฟนดิฉันนางทนอากาศร้อนไม่ไหว ก็เลยนั่งแท็กซี่

รถเมล์
ระบบรถเมล์ที่นี่ดีค่ะ สามารถโหลดแอพ Tallinja เช็กได้ ค่ารถเที่ยวละ 2 ยูโร สามารถจ่ายเป็นเงินสดได้ หรือซื้อบัตรเหมาจะคุ้มกว่า อย่างดิฉันซื้อ แบบ 15 ยูโร ใช้ได้ 12 เที่ยว ระยะเวลาตั้งแต่วันที่เราใช้ครั้งแรก นับไป 6 เดือนเลยค่ะ หรือถ้าใครเดินทางบ่อยและอยู่ 1 อาทิตย์ ซื้อตั๋วแบบไม่จำกัดเที่ยวราคา 21 ยูโรก็คุ้มค่ะ ซื้อบัตรเหมารถเมล์ได้ที่สนามบินค่ะ ง่ายดี แต่ดิฉันลืม ก็เลยซื้อที่ supermarket แถวที่พักค่ะ
 การเดินทางโดยรถเมล์จากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งในมอลตาใช้เวลา 30 นาที นี่ถือว่าสั้นแล้ว เนื่องด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเขา จินตนาการถึงเส้นทางขึ้นดอยสุเทพผสมกับทะเลทรายซาฮาร่าประมาณนั้นเลยค่ะ ทั้งชันและร้อน

เวลาขึ้นรถเมล์ สังเกตว่าตรงป้ายรถเมล์จะเห็นกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณรถเมล์บนถนน ให้ยืนรอขึ้นรถเมล์ตรงมุมซ้ายสุด (ยืนหันหน้าไปทางถนนนะคะ) เพราะรถเมล์จะจอดตรงสี่เหลี่ยมเปีะ ๆ จะไม่มีการจอดกลางถนนหรือจอดเฉียงเอียง วิ่งลงไปถนน เค้าก็ไม่จอดให้ค่ะ 

โรงแรม
โรงแรม Mayflower ราคา 366 ยูโร พัก 6 คืน จองผ่าน booking.com โรงแรมอยู่ย่าน Bugibba ใกล้ๆ กับ St Paul Bay ไกลจากเมืองหลวง Valetta แต่เดินทางสะดวกค่ะ เพราะโรงแรมอยู่ใกล้ Bus Terminal ร้านอาหารก็เยอะ ใกล้ชายหาดด้วย 

สาเหตุที่เลือกโรงแรมนี้คือ location และ infinity pool ค่ะ แต่สระว่ายน้ำไม่กว้างเท่าไรนะคะ ตอนดิฉันไปนี่คนนอนอาบแดดเต็มไปหมด แทบจะไม่มีที่เลยค่ะ


มาดูรูปจากอินเตอร์เน็ทดีกว่าค่ะ สวยกว่าที่ดิฉันถ่ายอีกค่ะ 5555
ที่มาของรูป booking.com
แต่มีข้อเสียคือโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่ เหมือนระบบไม่เข้าที พนักงานหน้าฟร้อนท์น่ารัก มีน้ำใจนะคะแต่อายุ 50 อัพ ก็จะทำอะไรต๊ะตอนยอน อีกทั้งช่วงโควิดนี้เวลากินข้าวเช้า เราไปตักบุฟเฟ่ต์เองไม่ได้ค่ะ ต้องต่อแถวแล้วคอยบอกพนักงาน แถวยาวเป็นหางว่าวเลยค่ะ

ที่เด็ดกว่าคือ วันที่ดิฉันไปถึงประมาณ 4 ทุ่มไฟดับจ้าวววววว ดับทั่วเกาะมอลตาเลย แล้วเหมือนโรงแรมนี้ไม่มีเครื่องสำรองไฟ ไฟดับทั้งโรงแรมเลยค่ะ ขณะที่โรงแรมอื่นๆ ยังมีไฟสำรองอยู่ แฟนดิฉันนี่จะหาโรงแรมใหม่นอนคืนนั้นเลยค่ะ เราเดินหาทั่วเลย แต่ตอนนั้นโรงแรมเต็มหมดเลยค่ะ พอเดินกลับมาโรงแรมตอน 5 ทุ่ม สักพักไฟก็ติดเหมือนเดิมค่ะ เย้….หลังจากนั้นที่อยู่อีก 6 วันไฟก็ไม่ดับอีกเลยค่ะ

ในรูปนี้คือชายหาด Bugibba ห่างจากที่พักประมาณ 300-400 เมตร ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่า ซอยที่ตั้งโรงแรม และโรงแรมมืดสนิดเลยจ้า
ชื่อสินค้า:   ประเทศมอลตา
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่