***ต้องขออภัย บางรูปอัพโหลดแล้ว มันกลับหัวเอง ไม่รู้ต้องแก้ยังไง***
ทริป เกาะมอลต้าเป็นทริป เมื่อปี 2017 ช่วงสิงหาคม
โดยที่มี ภาพแรงบันดาลใจภาพนี้ที่เห็นผ่านตาทางเฟสบุ๊ค ทางหนังสือท่องเที่ยว
ภาพนี้มันติดตาเรามาก อยากไปเห็นกับตาสักครั้ง

(ภาพจาก Google)
หลังจากที่หาใครไปเที่ยวด้วยไม่ได้แล้ว
ก็เอาวะ ไปคนเดียวก็ได้ว้อย
เราเลย บุ๊คตั๋วเครื่องบิน Zürich-Malta ส๊า
สนน ราคาอยู่ที่ 283 sfr-.
พร้อมกับเลือกจอง Apartment ใน เมือง Valetta
ในราคา 345€
หลังจากที่หาข้อมูลแล้วว่า Valetta เป็นเมืองหลัก
ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ วัยรุ่นเยอะ เพราะมาเรียนภาษาอังกฤษที่นี่ถูกกว่าไปอังกฤษ
เนื่องจากว่าเป็นทริป ออกต่างประเทศคนเดียว เราเลยกะว่าอยู่
3 คืน 4 วันพอ กั๊กๆไว้กลัวเหงา และเบื่อ
ทางอพาร์ตเมนต์ ข้อความมาถามเราว่า สนใจรถไปรับที่สนามบินไหม
สนนราคาอยู่ที่ 25€
สำหรับคนที่ใช้ชีวิตใน Zürich อย่างเรา
เราเข้าใจว่าไม่แพง และเราก็ขี้เกียจไปเดินหาคนเดียว ก็เลยตกลงใช้บริการของทาง อพาร์ตเมนต์
ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่า
เราไม่ได้เน้นถ่ายรูป หรือเที่ยวเชิงลึกซึ้งอะไร มันเป็นทริปที่แค่เราอยากไปเห็นเจ้า popeye village
ที่เหลือคือแล้วแต่อารมณ์เลย เน้นพักผ่อน กินอิ่มนอนหลับเป็นหลักไม่มีการวางแผนอะไรใดๆทั้งสิ้น

พอเข้ามารอที่ Gate ก็แอบเหวอ ว่าเห้ยยยยย ทำไมคนไม่มีฟะ
นี่ชั้นเลือกไปที่ ที่คนเค้าไม่ไปกันหรือยังไง หือออออ
เรานั่งกรุ้มกริ่มอยู่บนเครื่องบิน
มันมีความสุขปนกังวลแบบแปลกๆ บอกไม่ถูก 5555
ดีใจว่าได้เที่ยวก็ดีใจ แต่ก็แอบกังวล เอ๋ มันจะสนุกมั้ยวะ จะเบื่อไหมน้า
แต่เอาวะ จะถึงอยู่ละ มันต้องดีเว้ย แล้วเราก็งีบไป 5555
ชาร์จพลังไว้เต็มที่ บิน 2ชม. กว่าๆ ก็มาถึงเกาะ

สนามบินของที่นี่กะทัดรัด สมกับขนาดของเกาะ
มีคนมารับตามที่นัดหมาย
แวปแรกที่เห็นมอลต้า คือ เห้ย นี่ชั้นยังอยู่ ยุโรป เปล่าวะ???

มันแปลกตามากมายจากภาพของยุโรปที่ไปมา
ณ ตอนที่นั่งอยู่บนรถ รู้สึกโคตรจะตื่นตาตื่นใจ
มันคือการเปิดโลกอีกมุมที่ไม่เคยเห็นเลยจริงๆ

ไม่ถึงครึ่ง ชม. เราก็มาถึงหน้าอพาร์ตเมนต์ ในซอยแคบๆ ที่ดูวกไปวนมา งงมาก
ว่าอะไร ยังไง ร้านอาหาร ป้ายรถเมล์ อะไรต่างๆอยู่ตรงไหนฟะ
เราค่อนข้างจะชอบความสะดวกสบายเวลาไปเที่ยว โลเคชั่น ต้องสะดวกและเดินทางง่าย
ร้านอาหารหรือซุปเปอร์มาเก๊ตต้องมีรอบๆค่ะ

ถนนแคบๆ ที่มองตรงไปแล้วรู้สึกว่า มันไม่มีห่าอะไรเลยจ้า ชั้นว่า ชั้นดูโลเคชั่นที่พักดีละนะเว้ยย9+ ในบุ๊คกิ้ง
คนก็ไม่พลุกพล่าน อย่าเรียกว่าพลุกพล่านเลยแกร๊ แทบจะร้างง
มีคนดูแลอพาร์ทเมนต์รอเราอยู่หน้าตึก
ก็ทักทายละถามถึงป้ายรถเมล์ว่าอะไรยังไง เดินไกลไหม คำตอบที่ได้คือ
ไม่ถึง 10นาที แต่จากแวปแรกที่มองตอนนั่งรถ
เรายังนึกไม่ออกเลยว่ามันอยู่ตรงไหน

เปิดห้องมาก็เจอครัว ในตู้อันนั้น มันคือครัวขนาดย่อม
มีไมโครเวฟ อ่างล้างจาน ถังขยะ ตู้เย็น แก้ว จานชาม ครบ

สำหรับเราห้องนี้ กว้างขวาง ถูกใจมากก เราแอบย้ายโซฟามาหน้าทีวีด้วย
พอเช็คอินเสร็จ ภารกิจเราวันนี้คือ หาป้ายรถเมล์ สำรวจรอบๆ และกินข้าว แค่นี้จบ
พอออกไปหน้าตึก มีทางสองทางให้เลือก
เดินขึ้นเขา กับลงเขา แน่นอนว่าคนอวบค่อนไปทางอ้วนอย่างเรา
เลือกเดินลงเขาจ้า
โดยความหวังที่อยากเห็นคือ ผู้คน ร้านค้า และ ร้านอาหาร

และการที่เราเลือกที่จะเดินลงมันทำให้เรา อ้อมโลกกกกก
คือจริงๆเรามี roaming นะ แต่ ซื้อไว้ 3GB กลัวหมด เลยเดินไปก่อน ตราบใดที่ยังไม่มืด ชั้นจะไม่ใช้เน็ตเว้ยย

ความหวังที่จะเจอผู้คนควักไขว่ ช่างริบหรี่
เหมือนเมืองนี่รอบนอกจะเป็นป้อม และเราก็เดินมานอกป้อม
แทนที่จะเข้าไปเดินในป้อม โอ๊ยยยตู
เราพยายามมองหาป้าย city, town หรืออะไรสักอย่าง
แต่เจอแค่ป้ายทางบอกไป Valetta
เราก็เดิน เดิน เดิน

หรือผู้คนจะอยู่ตรงนั้น
หรือชั้นต้องว่ายน้ำไป...??

แท่นแท้นแท๊น แล้วเราก็เจอผู้คน เราไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว ฮืออ น้ำตาจะไหล

จัด Gelato ดับร้อนสักหน่อย แล้วก็เดินต่อไป

และแล้วเราก็เจอ ป้ายรถเมล์ โอ๊ยยยดีใจ

พอรู้ว่าป้ายรถเมล์อยู่ไหน สบายใจละ
ทีนี้ก็หาอะไรทานสักหน่อย

กลับหัวกลับหาง งงไปหมด
สรุปมื้อนี้ เสียหายไปไม่ถึง 20€
อิ่มมาก พออิ่มแล้ว ร่างกายต้องการ การพักผ่อน
ก็เลยเปิด เน๊ต เดินกลับ อพาร์ตเมนต์ และเราก็ค้นพบว่า
หากเราเลือกเดินขึ้นเขาละเลี้ยวซ้ายนิดเดียว เราจะอยู่ใจกลางเมือง Valetta ในเวลาไม่ถึง 5 นาที
55555 ขำให้ความโง่ แต่ก็เพลินดีนะ สำรวจสะรอบเลยชั้น
เราเลือกกลับห้องหลังจากที่ทานข้าว และไปค้นข้อมูล หาทางไป Popeye Village

หลังจากหาข้อมูลเราก็รู้มาว่า รถเมล์ที่เกาะมอลต้า ใช้เงินครั้งละ 3€ จ้า ทุกสาย ทุกที่ ทุกคัน ภายใน 2ชม.
ถ้าเป็นหน้าหนาว จะราคา 2€ จะได้เป็นสลิปคล้ายๆสลิปเติมเงินจาก Seven ซื้อบนรถเมล์กับคนขับได้เลย
แล้วชั้น นั่งแท๊กซี่มา 25€
โอ๊ยบ้าบออออ แพงมากกก
จริงๆ มี Touristcard ขายนะ แต่เราอยู่ไม่กี่วันก็เลยซื้อแบบนี้เอา เน้นเดินๆ
เสียโง่ค่ารถไปรับสนามบินไปเยอะเลย สมน้ำหน้าตัวเอง ที่ไม่หาข้อมูลแต่แรก
ทีนี้พอจะออกไปไหนเราจะ
เตรียมเหรียญให้พร้อม น้ำต้องมี เพราะร้อนเอาเรื่อง เผื่อหลงด้วย 555
วันที่สอง
ตื่นมาสายโด่ง ทริปตามใจฉันสุดๆ
ลีลาอยู่สักพัก ก็ลุย

หลังจากที่เช็คกับ พี่ Google แล้ว เรามั่นใจมาก วันนี้ ว่าต้องไม่พลาด
เรานั่งรถเมล์ไปสักพัก ก็เริ่มใจคอบ่ดี
มันออกนอกเส้นทางอะ งึ่ย งง มากก

เราปล่อยให้รถพาเลยป้ายไปสักพัก ก็แบบ เอ้ยๆ มันเริ่มจะออกไปไกลจากจุดหมายเราเรื่อยๆ
คิดว่า เอ หรือเราจะปล่อยเลยตามเลยวะ
ไม่!!! เพราะเราต้องได้เห็น Popeye Village
แน่วแน่สุดๆ กดลงรถ เปิดแม๊ป เดินเอาจ้า
อากาศ 38 องศา ร้อนแทบละลาย

เดินถ่ายรูปบ้านช่องมาเรื่อยๆ เงียบดีแท้
คงไม่มีใครมาเดินตากแดดจ้าๆแบบเราสินะ

จากบ้านคน กลายเป็นลานทุ่งหินกว้างๆ เริ่มไม่เห็นบ้านคน โอ๊ย จะบ้า
Google map เล่นชั้นล้าว

เราเดินไปบ่นไปเรื่อยๆ หลงซ้ำหลงซาก เปิดเน๊ตบ้าง ปิดเน๊ตบ้าง กลัวหมด

สักพัก
เริ่มรู้สึกดี ที่เห็นตึกรามบ้านช่องไกลลิบๆ
เราเดิน เกือบ ชม. พอเดินมาจนใกล้จะถึง เราก็รู้ว่า
มันปิดทางทำถนน รถเมล์ อ้อมไปทางอื่น ถ้าเราไม่วู่วาม เราก็คงไม่ต้องเดินโคตรรรจะไกล
555 ขำความเสร่อ

แล้วก็ถึงจนได้

เราว้าวกับสถานที่นี้อยู่สักพัก ทั้งเซลฟี่ ถ่ายวีดีโอ live โอ๊ย คือความฝันที่เป็นจริง
เราไม่ได้เข้าไปเล่นน้ำข้างใน เพราะมันคงแปลกๆอะ ถ้าจะเข้าไปข้างในคนเดียว
ได้เห็นวิวนี้ ตามเป้าหมายก็สมใจสุดๆแล้ว ถือว่าทริปนี้ succes ละ ที่เหลือคือผลพลอยได้
เรากลับไป Valetta ดับร้อนด้วย Gelato แล้วกลับเข้าไปหาข้อมูลสถานที่ต่อไปที่ห้อง

ตอนเย็นเรา ไปเดินแถว spinola bay อยู่ใน โซน st. Julian ร้านอาหารหลายๆร้านอยู่โซนนั้น
พอมาถึงก็รู้สึกว่า ครึกครื้นดี มีผับมีร้านเหล้าเยอะ แต่ส่วนตัวก็ยังชอบ โซน Valetta มากกว่า มันเงียบ และก็มีท่ารถใหญ่ที่นั่น
เดินทางไปที่อื่นๆ ของเกาะง่ายดี

อาหารที่นี่อร่อยมากกกก กึ่งๆ คล้ายๆอาหารอิตาลี อาหารทะเลสด รสชาติดีมากๆ บางร้านเราเลือกจาก TripAdvisor
แผนการเดินทางไม่มีไม่หา แต่ถ้าเรื่องกินเราเต็มที่จ้า 555

พออิ่ม เราก็กลับมาเดินถ่ายรูปแถว Valetta ต่อ ในมุมกลางคืนบ้าง

เราเริ่มชอบที่นี่สะแล้ว
ทำไมน่ะเหรอ เกาะเล็ก เที่ยวง่าย แม้เราจะหลงตลอดเวลา
แต่มันสนุกดี อาหารอร่อย ถูก สื่อสารง่ายเพราะใช้ภาษาอังกฤษ
ที่สำคัญปลอดภัยแม้ยามค่ำคืน
เมื่อฉันไปเที่ยวคนเดียวที่ **Malta**
ทริป เกาะมอลต้าเป็นทริป เมื่อปี 2017 ช่วงสิงหาคม
โดยที่มี ภาพแรงบันดาลใจภาพนี้ที่เห็นผ่านตาทางเฟสบุ๊ค ทางหนังสือท่องเที่ยว
ภาพนี้มันติดตาเรามาก อยากไปเห็นกับตาสักครั้ง
หลังจากที่หาใครไปเที่ยวด้วยไม่ได้แล้ว
ก็เอาวะ ไปคนเดียวก็ได้ว้อย
เราเลย บุ๊คตั๋วเครื่องบิน Zürich-Malta ส๊า
สนน ราคาอยู่ที่ 283 sfr-.
พร้อมกับเลือกจอง Apartment ใน เมือง Valetta
ในราคา 345€
หลังจากที่หาข้อมูลแล้วว่า Valetta เป็นเมืองหลัก
ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ วัยรุ่นเยอะ เพราะมาเรียนภาษาอังกฤษที่นี่ถูกกว่าไปอังกฤษ
เนื่องจากว่าเป็นทริป ออกต่างประเทศคนเดียว เราเลยกะว่าอยู่
3 คืน 4 วันพอ กั๊กๆไว้กลัวเหงา และเบื่อ
ทางอพาร์ตเมนต์ ข้อความมาถามเราว่า สนใจรถไปรับที่สนามบินไหม
สนนราคาอยู่ที่ 25€
สำหรับคนที่ใช้ชีวิตใน Zürich อย่างเรา
เราเข้าใจว่าไม่แพง และเราก็ขี้เกียจไปเดินหาคนเดียว ก็เลยตกลงใช้บริการของทาง อพาร์ตเมนต์
ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่า
เราไม่ได้เน้นถ่ายรูป หรือเที่ยวเชิงลึกซึ้งอะไร มันเป็นทริปที่แค่เราอยากไปเห็นเจ้า popeye village
ที่เหลือคือแล้วแต่อารมณ์เลย เน้นพักผ่อน กินอิ่มนอนหลับเป็นหลักไม่มีการวางแผนอะไรใดๆทั้งสิ้น
นี่ชั้นเลือกไปที่ ที่คนเค้าไม่ไปกันหรือยังไง หือออออ
เรานั่งกรุ้มกริ่มอยู่บนเครื่องบิน
มันมีความสุขปนกังวลแบบแปลกๆ บอกไม่ถูก 5555
ดีใจว่าได้เที่ยวก็ดีใจ แต่ก็แอบกังวล เอ๋ มันจะสนุกมั้ยวะ จะเบื่อไหมน้า
แต่เอาวะ จะถึงอยู่ละ มันต้องดีเว้ย แล้วเราก็งีบไป 5555
ชาร์จพลังไว้เต็มที่ บิน 2ชม. กว่าๆ ก็มาถึงเกาะ
สนามบินของที่นี่กะทัดรัด สมกับขนาดของเกาะ
มีคนมารับตามที่นัดหมาย
แวปแรกที่เห็นมอลต้า คือ เห้ย นี่ชั้นยังอยู่ ยุโรป เปล่าวะ???
มันแปลกตามากมายจากภาพของยุโรปที่ไปมา
ณ ตอนที่นั่งอยู่บนรถ รู้สึกโคตรจะตื่นตาตื่นใจ
มันคือการเปิดโลกอีกมุมที่ไม่เคยเห็นเลยจริงๆ
ไม่ถึงครึ่ง ชม. เราก็มาถึงหน้าอพาร์ตเมนต์ ในซอยแคบๆ ที่ดูวกไปวนมา งงมาก
ว่าอะไร ยังไง ร้านอาหาร ป้ายรถเมล์ อะไรต่างๆอยู่ตรงไหนฟะ
เราค่อนข้างจะชอบความสะดวกสบายเวลาไปเที่ยว โลเคชั่น ต้องสะดวกและเดินทางง่าย
ร้านอาหารหรือซุปเปอร์มาเก๊ตต้องมีรอบๆค่ะ
ถนนแคบๆ ที่มองตรงไปแล้วรู้สึกว่า มันไม่มีห่าอะไรเลยจ้า ชั้นว่า ชั้นดูโลเคชั่นที่พักดีละนะเว้ยย9+ ในบุ๊คกิ้ง
คนก็ไม่พลุกพล่าน อย่าเรียกว่าพลุกพล่านเลยแกร๊ แทบจะร้างง
มีคนดูแลอพาร์ทเมนต์รอเราอยู่หน้าตึก
ก็ทักทายละถามถึงป้ายรถเมล์ว่าอะไรยังไง เดินไกลไหม คำตอบที่ได้คือ
ไม่ถึง 10นาที แต่จากแวปแรกที่มองตอนนั่งรถ
เรายังนึกไม่ออกเลยว่ามันอยู่ตรงไหน
เปิดห้องมาก็เจอครัว ในตู้อันนั้น มันคือครัวขนาดย่อม
มีไมโครเวฟ อ่างล้างจาน ถังขยะ ตู้เย็น แก้ว จานชาม ครบ
สำหรับเราห้องนี้ กว้างขวาง ถูกใจมากก เราแอบย้ายโซฟามาหน้าทีวีด้วย
พอเช็คอินเสร็จ ภารกิจเราวันนี้คือ หาป้ายรถเมล์ สำรวจรอบๆ และกินข้าว แค่นี้จบ
พอออกไปหน้าตึก มีทางสองทางให้เลือก
เดินขึ้นเขา กับลงเขา แน่นอนว่าคนอวบค่อนไปทางอ้วนอย่างเรา
เลือกเดินลงเขาจ้า
โดยความหวังที่อยากเห็นคือ ผู้คน ร้านค้า และ ร้านอาหาร
และการที่เราเลือกที่จะเดินลงมันทำให้เรา อ้อมโลกกกกก
คือจริงๆเรามี roaming นะ แต่ ซื้อไว้ 3GB กลัวหมด เลยเดินไปก่อน ตราบใดที่ยังไม่มืด ชั้นจะไม่ใช้เน็ตเว้ยย
ความหวังที่จะเจอผู้คนควักไขว่ ช่างริบหรี่
เหมือนเมืองนี่รอบนอกจะเป็นป้อม และเราก็เดินมานอกป้อม
แทนที่จะเข้าไปเดินในป้อม โอ๊ยยยตู
เราพยายามมองหาป้าย city, town หรืออะไรสักอย่าง
แต่เจอแค่ป้ายทางบอกไป Valetta
เราก็เดิน เดิน เดิน
หรือผู้คนจะอยู่ตรงนั้น
หรือชั้นต้องว่ายน้ำไป...??
แท่นแท้นแท๊น แล้วเราก็เจอผู้คน เราไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว ฮืออ น้ำตาจะไหล
จัด Gelato ดับร้อนสักหน่อย แล้วก็เดินต่อไป
และแล้วเราก็เจอ ป้ายรถเมล์ โอ๊ยยยดีใจ
พอรู้ว่าป้ายรถเมล์อยู่ไหน สบายใจละ
ทีนี้ก็หาอะไรทานสักหน่อย
กลับหัวกลับหาง งงไปหมด
สรุปมื้อนี้ เสียหายไปไม่ถึง 20€
อิ่มมาก พออิ่มแล้ว ร่างกายต้องการ การพักผ่อน
ก็เลยเปิด เน๊ต เดินกลับ อพาร์ตเมนต์ และเราก็ค้นพบว่า
หากเราเลือกเดินขึ้นเขาละเลี้ยวซ้ายนิดเดียว เราจะอยู่ใจกลางเมือง Valetta ในเวลาไม่ถึง 5 นาที
55555 ขำให้ความโง่ แต่ก็เพลินดีนะ สำรวจสะรอบเลยชั้น
เราเลือกกลับห้องหลังจากที่ทานข้าว และไปค้นข้อมูล หาทางไป Popeye Village
หลังจากหาข้อมูลเราก็รู้มาว่า รถเมล์ที่เกาะมอลต้า ใช้เงินครั้งละ 3€ จ้า ทุกสาย ทุกที่ ทุกคัน ภายใน 2ชม.
ถ้าเป็นหน้าหนาว จะราคา 2€ จะได้เป็นสลิปคล้ายๆสลิปเติมเงินจาก Seven ซื้อบนรถเมล์กับคนขับได้เลย
แล้วชั้น นั่งแท๊กซี่มา 25€
โอ๊ยบ้าบออออ แพงมากกก
จริงๆ มี Touristcard ขายนะ แต่เราอยู่ไม่กี่วันก็เลยซื้อแบบนี้เอา เน้นเดินๆ
เสียโง่ค่ารถไปรับสนามบินไปเยอะเลย สมน้ำหน้าตัวเอง ที่ไม่หาข้อมูลแต่แรก
ทีนี้พอจะออกไปไหนเราจะ
เตรียมเหรียญให้พร้อม น้ำต้องมี เพราะร้อนเอาเรื่อง เผื่อหลงด้วย 555
วันที่สอง
ตื่นมาสายโด่ง ทริปตามใจฉันสุดๆ
ลีลาอยู่สักพัก ก็ลุย
หลังจากที่เช็คกับ พี่ Google แล้ว เรามั่นใจมาก วันนี้ ว่าต้องไม่พลาด
เรานั่งรถเมล์ไปสักพัก ก็เริ่มใจคอบ่ดี
มันออกนอกเส้นทางอะ งึ่ย งง มากก
เราปล่อยให้รถพาเลยป้ายไปสักพัก ก็แบบ เอ้ยๆ มันเริ่มจะออกไปไกลจากจุดหมายเราเรื่อยๆ
คิดว่า เอ หรือเราจะปล่อยเลยตามเลยวะ
ไม่!!! เพราะเราต้องได้เห็น Popeye Village
แน่วแน่สุดๆ กดลงรถ เปิดแม๊ป เดินเอาจ้า
อากาศ 38 องศา ร้อนแทบละลาย
เดินถ่ายรูปบ้านช่องมาเรื่อยๆ เงียบดีแท้
คงไม่มีใครมาเดินตากแดดจ้าๆแบบเราสินะ
จากบ้านคน กลายเป็นลานทุ่งหินกว้างๆ เริ่มไม่เห็นบ้านคน โอ๊ย จะบ้า
Google map เล่นชั้นล้าว
เราเดินไปบ่นไปเรื่อยๆ หลงซ้ำหลงซาก เปิดเน๊ตบ้าง ปิดเน๊ตบ้าง กลัวหมด
สักพัก
เริ่มรู้สึกดี ที่เห็นตึกรามบ้านช่องไกลลิบๆ
เราเดิน เกือบ ชม. พอเดินมาจนใกล้จะถึง เราก็รู้ว่า
มันปิดทางทำถนน รถเมล์ อ้อมไปทางอื่น ถ้าเราไม่วู่วาม เราก็คงไม่ต้องเดินโคตรรรจะไกล
555 ขำความเสร่อ
แล้วก็ถึงจนได้
เราว้าวกับสถานที่นี้อยู่สักพัก ทั้งเซลฟี่ ถ่ายวีดีโอ live โอ๊ย คือความฝันที่เป็นจริง
เราไม่ได้เข้าไปเล่นน้ำข้างใน เพราะมันคงแปลกๆอะ ถ้าจะเข้าไปข้างในคนเดียว
ได้เห็นวิวนี้ ตามเป้าหมายก็สมใจสุดๆแล้ว ถือว่าทริปนี้ succes ละ ที่เหลือคือผลพลอยได้
เรากลับไป Valetta ดับร้อนด้วย Gelato แล้วกลับเข้าไปหาข้อมูลสถานที่ต่อไปที่ห้อง
ตอนเย็นเรา ไปเดินแถว spinola bay อยู่ใน โซน st. Julian ร้านอาหารหลายๆร้านอยู่โซนนั้น
พอมาถึงก็รู้สึกว่า ครึกครื้นดี มีผับมีร้านเหล้าเยอะ แต่ส่วนตัวก็ยังชอบ โซน Valetta มากกว่า มันเงียบ และก็มีท่ารถใหญ่ที่นั่น
เดินทางไปที่อื่นๆ ของเกาะง่ายดี
อาหารที่นี่อร่อยมากกกก กึ่งๆ คล้ายๆอาหารอิตาลี อาหารทะเลสด รสชาติดีมากๆ บางร้านเราเลือกจาก TripAdvisor
แผนการเดินทางไม่มีไม่หา แต่ถ้าเรื่องกินเราเต็มที่จ้า 555
พออิ่ม เราก็กลับมาเดินถ่ายรูปแถว Valetta ต่อ ในมุมกลางคืนบ้าง
ทำไมน่ะเหรอ เกาะเล็ก เที่ยวง่าย แม้เราจะหลงตลอดเวลา
แต่มันสนุกดี อาหารอร่อย ถูก สื่อสารง่ายเพราะใช้ภาษาอังกฤษ
ที่สำคัญปลอดภัยแม้ยามค่ำคืน