ต่อจากกระทู้ที่แล้วนะครับ
https://ppantip.com/topic/40911549
กระทู้ที่แล้ว ผมพูดถึงว่า ผมสนับสนุนเรื่องผู้ที่อยากจะไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ไปอย่างถูกต้องตามกฎข้อบังคับของประเทศนั้นๆ
ประเด็นต่อมาคือ ภาษา เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถึงมากที่สุดครับ เพราะตั้งแต่กรอกใบคำร้องขอวีซ่า ก็เป็นภาษาต่างประเทศแล้วครับ ไหนจะไปใช้ชีวิตอีกละครับ ในชีวิตประจำวันก็ต้องใช้ภาษาของประเทศนั้นๆครับ
ก้าวแรกๆ ก้าวต้นๆ ที่น่าจะทำก่อนที่จะตัดสินใจนั้น ผมว่านะจะแบ่งเป็น 2 ข้อหลักๆนะครับ
1. จะไปอยู่แบบชั่วคราว (เรียนหนังสือ หรือ ทำงาน) หรือ จะไปอยู่แบบถาวร (ใช้ชีวิตอาศัยอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน)
2. ประเทศที่อยากจะไป (อย่างน้อยก็จะได้หาข้อมูล ว่าประเทศนั้นๆใช้ภาษาอะไรเป็นภาษาประจำชาติ)
จากนั้นจึงค่อยเริ่ม หาข้อมูล เพื่อความพร้อมครับ
1.1 จะไปแบบชั่วคราว
1.1.1 เรียนหนังสือ
- ระดับไหน? ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย ปริญญาตรี ปริญญาเอก หรือ คอร์สเรียนภาษา หรือ คอร์สเรียนการโรงแรม ฯลฯ
- สถาบันที่เปิดรับ เพื่อสมัครเข้าเรียน
- เตรียมเอกสารที่ต้องใช้เพื่อการสมัครเรียน
- หากต้องมีผลการสอบวัดระดับ เช่น สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS ก็ต้องจัดการสอบเพื่อให้ได้ผล ตามระดับที่กำหนด
ฯลฯ ประมาณนี้นะครับ
1.1.2 ทำงาน
- สายงานที่ต้องการไปทำงาน เช่น แพทย์ วิศวะ ครู พยาบาล ฯ เป็นต้น
- หาข้อมูลว่า ในประเทศนั้นๆ หรือ บริษัทเอกชน หรือหน่วยงานใดในประเทศไทย มีการจัดหาบุคคลากรเพื่อประจำในต่างประเทศ
- เตรียมเอกสาร เพื่อการยื่นเรื่อง
ฯลฯ ประมาณนี้นะครับ
1.2 จะไปอยู่แบบถาวร
1.2.1 สมัครขอวีซ่าถาวร สหรัฐอเมริกาน่าจะเรียกว่า Green Card และบางประเทศจะเรียกว่า Permanent Resident
1.2.1.1 ไม่ว่าจะเป็น Green Card หรือจะเป็น Permanent Resident ก็จะมีช่องทางให้
"สมัครเอง" ได้นะครับ ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องแต่งงาน
กับคนชาตินั้นๆ
Green Card
ก็จะมี ล้อตเตอรี่วีซ่า (เดาว่าน่าจะเป็นแนวประมาณ จับฉลาก) นะครับ คือ ลงทะเบียน ลงชื่อ กรอกข้อมูลส่วนตัวสำคัญๆ จากนั้นก็รอผลครับ
ลองดูตามลิ้งค์นี้นะครับ หาข้อมูลดู
https://dvprogram.state.gov
Permanent Resident
ส่วน Permanent Resident นั้น เท่าที่ผมคุ้นเคย ก็จะมีประเทศ แคนาดา ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
ที่คุณสามารถยื่นความจำนงค์ ความประสงค์ที่จะขอวีซ่าถาวร โดยใช้คุณสมบัติของตัวคุณเองซึ่งตรงกับคุณสมบัติที่ประเทศนั้นๆกำหนดนะครับ
คือ เข้าเว็ปไซต์ กรอกข้อมูลคุณสมบัติของตนเอง แล้วยื่นไปแบบออนไลน์
หากคุณสมบัติของคุณ ตรงกับคุณสมบัติที่ประเทศนั้นๆกำหนด คุณก็จะได้รับคำตอบ และ ให้ลิ้งค์มาเพื่อกรอกเอกสารเพิ่มเติม เพื่อการเดินเรื่องขอวีซ่าถาวรกันต่อไปครับ
ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลนะครับ
แต่ละประเทศ ก็จะมีข้อกำหนด และคุณสมบัติของผู้สมัครที่อาจจะแตกต่างกันไปครับ
แคนาดา
https://www.canada.ca/en/immigration-refugees-citizenship/services/immigrate-canada/express-entry/apply-permanent-residence.html
ออสเตรเลีย
https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/getting-a-visa/visa-listing/skilled-independent-189/points-tested
นิวซีแลนด์
https://www.immigration.govt.nz/new-zealand-visas/apply-for-a-visa/about-visa/permanent-resident-visa
1.2.2 แต่งงานกับคนชาตินั้นๆ
ตรงนี้ ผมไม่สันทัดในข้อมูลนะครับ
แต่ที่แน่ๆ คู่ครองของคุณที่เป็นคนชาตินั้นๆ จะเป็นผู้ดำเนินเรื่องขอวีซ่าให้ เป็นหลักครับ
2. ประเทศที่อยากจะไป
ในส่วนนี้ ผมว่าสำคัญมากนะครับ
เพราะแต่ละประเทศ แต่ละท้องถิ่น ก็มีวิถีชีวิต มีสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่แตกต่างกัน
นอกจากแต่ละประเทศจะแตกต่างกันแล้ว ยังแยกย่อยลงไปอีกว่า แต่ละท้องที่ของประเทศเดียวกันนั้นก็ยังแตกต่างกันอีกนะครับ
ผมขออนุญาตยกตัวอย่างประเทศกว้างใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกานะครับ
มหานครนิวยอร์ค แคลิฟอร์เนีย ลาสเวกัส หรือเมืองเล็กๆอย่าง mapleton ในรัฐ Utah ทั้งหมดนั้นอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ วิถีชีวิต การดำรงค์ชีวิต ค่าครองชีพ ฯลฯ ก็แตกต่างกันนะครับ
ใครที่มีวิถีชีวิต แบบคนเมืองใหญ่ ชอบห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารหรูหรา ก็จะไม่เหมาะกับบางประเทศ หรือ บางเมือง
ถ้ายกตัวอย่างประเทศนิวซีแลนด์นั้น Auckland, Christchurch, Hamilton, Dunedin, Timaru, Kerikeri แต่ละเมืองก็จะมีวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไปครับ
ประเทศนิวซีแลนด์นั้น ผมบอกได้เลยครับ ว่า ค่อนข้างเงียบสงบ ไปจนถึงเงียบเหงาเลยก็ว่าได้ครับ ประชากรทั้งปแระเทศมีแค่ 5 ล้านกว่าคนเองครับ เฉพาะ 2 เมือง Auckland และ Wellington ผมว่าประชากรก็เกือบจะครึ่งประเทศแล้วครับ ประชากรอีกครึ่งที่เหลือ ก็กระจัดกระจายไปทั่วประเทศ
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ระหว่างที่ผมขับรถไปเที่ยวเมือง Rotorua ได้ผ่านเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ซึ่งผมถามร้านค้าในเมืองนั้นเพราะผมสงสัยว่าเมืองนี้ทำไมเงียบจัง คำตอบคือ เมืองนั้นทั้งเมืองมีประชากรแค่ 80 คนเองครับ ใช่ครับ แปดสิบคน
เรื่อง ภาษา
ก็จำเป็นมากนะครับ ที่จะต้องหาข้อมูลไว้ครับ
เพราะ ในชีวิตประจำวันที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้นๆ จะซื้อข้าวซื้อของ จะเดินทางไปไหนมาไหน เวลาที่ติดต่อกับคนท้องถิ่น เขาใช้ภาษาประจำชาติเขานะครับ
ใช่ครับ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล
แต่ ชาวต่างชาตินั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษนะครับ แม้กระทั่งในเมืองใหญ่ก็เถอะครับ ไม่ว่าจะเป็น กรุงโรม กรุงปารีส ฯลฯ
จำนวนไม่น้อยที่ชาวอิตาลี หรือ ชาวฝรั่งเศส เขาสนทนาภาษาอังกฤษได้นะครับ แต่ เขาไม่ยอมใช้ในบ้านในประเทศเขาครับ เพราะความ "ภาคภูมิใจ" ในภาษาของตนครับ
ผมจึงเสนอว่า ต้องศึกษาข้อมูลเรื่องภาษาประจำชาติ ที่ประเทศนั้นๆใช้ครับ
เช่น เนเธอร์แลนด์ ก็จะใช้ภาษาดัทช์ เยอรมัน ก็จะใช้ภาษาด๊อย์ช สวิสเซอร์แลนด์นี่ 4 ภาษาเลยครับ แล้วแต่ท้องถิ่น แคนาดาก็แบ่งเป็น 2 ภาค 2 ภาษาครับ ใครที่เข้าใจว่าแคนาดาใช้แต่ภาษาอังกฤษนั้น เข้าใจไม่ถูกต้องนะครับ เพราะในรัฐ ควีเบ่ค จะใช้ภาษาฝรั่งเศครับ
ประเด็นที่ผมพยายามจะสื่อ และ ถ่ายทอดนั้นคือ
1. หาข้อมูลด้วยตนเอง (ถามคนที่เคยอยู่มาก่อน หลายคนก็ไม่ได้รู้ลึกมากครับ)
2. หาข้อมูลจากเว็ปไซต์ของหน่วยงานรัฐ ของประเทศนั้นๆ ครับ
#ย้ายประเทศ #นิวซีแลนด์ #2.
https://ppantip.com/topic/40911549
กระทู้ที่แล้ว ผมพูดถึงว่า ผมสนับสนุนเรื่องผู้ที่อยากจะไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ไปอย่างถูกต้องตามกฎข้อบังคับของประเทศนั้นๆ
ประเด็นต่อมาคือ ภาษา เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถึงมากที่สุดครับ เพราะตั้งแต่กรอกใบคำร้องขอวีซ่า ก็เป็นภาษาต่างประเทศแล้วครับ ไหนจะไปใช้ชีวิตอีกละครับ ในชีวิตประจำวันก็ต้องใช้ภาษาของประเทศนั้นๆครับ
ก้าวแรกๆ ก้าวต้นๆ ที่น่าจะทำก่อนที่จะตัดสินใจนั้น ผมว่านะจะแบ่งเป็น 2 ข้อหลักๆนะครับ
1. จะไปอยู่แบบชั่วคราว (เรียนหนังสือ หรือ ทำงาน) หรือ จะไปอยู่แบบถาวร (ใช้ชีวิตอาศัยอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน)
2. ประเทศที่อยากจะไป (อย่างน้อยก็จะได้หาข้อมูล ว่าประเทศนั้นๆใช้ภาษาอะไรเป็นภาษาประจำชาติ)
จากนั้นจึงค่อยเริ่ม หาข้อมูล เพื่อความพร้อมครับ
1.1 จะไปแบบชั่วคราว
1.1.1 เรียนหนังสือ
- ระดับไหน? ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย ปริญญาตรี ปริญญาเอก หรือ คอร์สเรียนภาษา หรือ คอร์สเรียนการโรงแรม ฯลฯ
- สถาบันที่เปิดรับ เพื่อสมัครเข้าเรียน
- เตรียมเอกสารที่ต้องใช้เพื่อการสมัครเรียน
- หากต้องมีผลการสอบวัดระดับ เช่น สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS ก็ต้องจัดการสอบเพื่อให้ได้ผล ตามระดับที่กำหนด
ฯลฯ ประมาณนี้นะครับ
1.1.2 ทำงาน
- สายงานที่ต้องการไปทำงาน เช่น แพทย์ วิศวะ ครู พยาบาล ฯ เป็นต้น
- หาข้อมูลว่า ในประเทศนั้นๆ หรือ บริษัทเอกชน หรือหน่วยงานใดในประเทศไทย มีการจัดหาบุคคลากรเพื่อประจำในต่างประเทศ
- เตรียมเอกสาร เพื่อการยื่นเรื่อง
ฯลฯ ประมาณนี้นะครับ
1.2 จะไปอยู่แบบถาวร
1.2.1 สมัครขอวีซ่าถาวร สหรัฐอเมริกาน่าจะเรียกว่า Green Card และบางประเทศจะเรียกว่า Permanent Resident
1.2.1.1 ไม่ว่าจะเป็น Green Card หรือจะเป็น Permanent Resident ก็จะมีช่องทางให้ "สมัครเอง" ได้นะครับ ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องแต่งงาน
กับคนชาตินั้นๆ
Green Card
ก็จะมี ล้อตเตอรี่วีซ่า (เดาว่าน่าจะเป็นแนวประมาณ จับฉลาก) นะครับ คือ ลงทะเบียน ลงชื่อ กรอกข้อมูลส่วนตัวสำคัญๆ จากนั้นก็รอผลครับ
ลองดูตามลิ้งค์นี้นะครับ หาข้อมูลดู
https://dvprogram.state.gov
Permanent Resident
ส่วน Permanent Resident นั้น เท่าที่ผมคุ้นเคย ก็จะมีประเทศ แคนาดา ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
ที่คุณสามารถยื่นความจำนงค์ ความประสงค์ที่จะขอวีซ่าถาวร โดยใช้คุณสมบัติของตัวคุณเองซึ่งตรงกับคุณสมบัติที่ประเทศนั้นๆกำหนดนะครับ
คือ เข้าเว็ปไซต์ กรอกข้อมูลคุณสมบัติของตนเอง แล้วยื่นไปแบบออนไลน์
หากคุณสมบัติของคุณ ตรงกับคุณสมบัติที่ประเทศนั้นๆกำหนด คุณก็จะได้รับคำตอบ และ ให้ลิ้งค์มาเพื่อกรอกเอกสารเพิ่มเติม เพื่อการเดินเรื่องขอวีซ่าถาวรกันต่อไปครับ
ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลนะครับ
แต่ละประเทศ ก็จะมีข้อกำหนด และคุณสมบัติของผู้สมัครที่อาจจะแตกต่างกันไปครับ
แคนาดา
https://www.canada.ca/en/immigration-refugees-citizenship/services/immigrate-canada/express-entry/apply-permanent-residence.html
ออสเตรเลีย
https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/getting-a-visa/visa-listing/skilled-independent-189/points-tested
นิวซีแลนด์
https://www.immigration.govt.nz/new-zealand-visas/apply-for-a-visa/about-visa/permanent-resident-visa
1.2.2 แต่งงานกับคนชาตินั้นๆ
ตรงนี้ ผมไม่สันทัดในข้อมูลนะครับ
แต่ที่แน่ๆ คู่ครองของคุณที่เป็นคนชาตินั้นๆ จะเป็นผู้ดำเนินเรื่องขอวีซ่าให้ เป็นหลักครับ
2. ประเทศที่อยากจะไป
ในส่วนนี้ ผมว่าสำคัญมากนะครับ
เพราะแต่ละประเทศ แต่ละท้องถิ่น ก็มีวิถีชีวิต มีสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่แตกต่างกัน
นอกจากแต่ละประเทศจะแตกต่างกันแล้ว ยังแยกย่อยลงไปอีกว่า แต่ละท้องที่ของประเทศเดียวกันนั้นก็ยังแตกต่างกันอีกนะครับ
ผมขออนุญาตยกตัวอย่างประเทศกว้างใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกานะครับ
มหานครนิวยอร์ค แคลิฟอร์เนีย ลาสเวกัส หรือเมืองเล็กๆอย่าง mapleton ในรัฐ Utah ทั้งหมดนั้นอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ วิถีชีวิต การดำรงค์ชีวิต ค่าครองชีพ ฯลฯ ก็แตกต่างกันนะครับ
ใครที่มีวิถีชีวิต แบบคนเมืองใหญ่ ชอบห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารหรูหรา ก็จะไม่เหมาะกับบางประเทศ หรือ บางเมือง
ถ้ายกตัวอย่างประเทศนิวซีแลนด์นั้น Auckland, Christchurch, Hamilton, Dunedin, Timaru, Kerikeri แต่ละเมืองก็จะมีวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไปครับ
ประเทศนิวซีแลนด์นั้น ผมบอกได้เลยครับ ว่า ค่อนข้างเงียบสงบ ไปจนถึงเงียบเหงาเลยก็ว่าได้ครับ ประชากรทั้งปแระเทศมีแค่ 5 ล้านกว่าคนเองครับ เฉพาะ 2 เมือง Auckland และ Wellington ผมว่าประชากรก็เกือบจะครึ่งประเทศแล้วครับ ประชากรอีกครึ่งที่เหลือ ก็กระจัดกระจายไปทั่วประเทศ
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ระหว่างที่ผมขับรถไปเที่ยวเมือง Rotorua ได้ผ่านเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ซึ่งผมถามร้านค้าในเมืองนั้นเพราะผมสงสัยว่าเมืองนี้ทำไมเงียบจัง คำตอบคือ เมืองนั้นทั้งเมืองมีประชากรแค่ 80 คนเองครับ ใช่ครับ แปดสิบคน
เรื่อง ภาษา
ก็จำเป็นมากนะครับ ที่จะต้องหาข้อมูลไว้ครับ
เพราะ ในชีวิตประจำวันที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้นๆ จะซื้อข้าวซื้อของ จะเดินทางไปไหนมาไหน เวลาที่ติดต่อกับคนท้องถิ่น เขาใช้ภาษาประจำชาติเขานะครับ
ใช่ครับ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล
แต่ ชาวต่างชาตินั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษนะครับ แม้กระทั่งในเมืองใหญ่ก็เถอะครับ ไม่ว่าจะเป็น กรุงโรม กรุงปารีส ฯลฯ
จำนวนไม่น้อยที่ชาวอิตาลี หรือ ชาวฝรั่งเศส เขาสนทนาภาษาอังกฤษได้นะครับ แต่ เขาไม่ยอมใช้ในบ้านในประเทศเขาครับ เพราะความ "ภาคภูมิใจ" ในภาษาของตนครับ
ผมจึงเสนอว่า ต้องศึกษาข้อมูลเรื่องภาษาประจำชาติ ที่ประเทศนั้นๆใช้ครับ
เช่น เนเธอร์แลนด์ ก็จะใช้ภาษาดัทช์ เยอรมัน ก็จะใช้ภาษาด๊อย์ช สวิสเซอร์แลนด์นี่ 4 ภาษาเลยครับ แล้วแต่ท้องถิ่น แคนาดาก็แบ่งเป็น 2 ภาค 2 ภาษาครับ ใครที่เข้าใจว่าแคนาดาใช้แต่ภาษาอังกฤษนั้น เข้าใจไม่ถูกต้องนะครับ เพราะในรัฐ ควีเบ่ค จะใช้ภาษาฝรั่งเศครับ
ประเด็นที่ผมพยายามจะสื่อ และ ถ่ายทอดนั้นคือ
1. หาข้อมูลด้วยตนเอง (ถามคนที่เคยอยู่มาก่อน หลายคนก็ไม่ได้รู้ลึกมากครับ)
2. หาข้อมูลจากเว็ปไซต์ของหน่วยงานรัฐ ของประเทศนั้นๆ ครับ