ประสบการณ์ของคนที่ไม่ใช่และทำได้เพียงแค่คั่นเวลา

สวัสดีครับทุกคน
ไม่รู้วันนี้ฟีลไหนถึงอยากมาเขียนกระทู้เล่าประสบการณ์ความรักครั้งแรกของตัวเองที่พังไม่เป็นท่า55555 เป็นยังไงลองไปฟังกันครับ
.
เมื่อปีที่แล้ว(2020) ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง เขาเป็นทั้งแฟนเก่าและเพื่อนผมตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยมตอนนั้นคบกันได้เกือบปีครับ ช่วงมัธยมตอนที่คบกัน
แต่ที่คบกันมันก็แนวๆรักวัยเรียนครับ เจอกันที่โรงเรียน คุยแชทกัน แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน(ก็เด็กอยู่อะเนอะ5555) ตอนนั้นเขาบอกเลิกผมเพราะว่าเขาเบื่อที่ผมไม่สนใจเขา ซึ่งผมก็ไม่สนใจจริงๆ ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกดีนะที่มีเขา แต่ผมคงจะเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจการดูแลเอาใจใส่แฟนของตัวเอง
.
หลังจากที่เลิกกันก็มองหน้ากันไม่ติดอยู่พักหนึ่ง ผมก็นึกเสียใจร้องไห้บ้างแต่ไม่นานก็หาย เวลาผ่านไปเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม คุยกันเล่นกันปกติ
มีบางช่วงที่ผมหายไปจากชีวิตเขาบ้าง ช่วงนั้นความเป็นตัวเองของผมเริ่มชัดขึ้น จากคนที่ร่าเริงกลับกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยยุ่งกับใคร
.
ในช่วงเวลานั้นก็มีบางครั้งที่ผมคิดถึงเขา แถมยังฝันถึงเขาอีกทั้งๆที่พักหลังๆไม่จะเป็นคนที่หายออกไปจากชีวิตของกันและกัน
เคยคิดอยากจะขอโทษเขา อยากจะทำอะไรดีๆให้เขาเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องเก่าๆเรื่องที่ผมไม่ค่อยสนใจเขา แต่ก็ได้แค่คิดครับ ผมไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านั้นเพราะผมขี้อายมากตอนนั้น
.
เวลาล่วงมาถึงก่อนขึ้นมหาลัย ผมมีโอกาสได้เจอเขาและช่วยเหลือเขาอีกครั้ง และช่วงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมตกหลุมรักเขา
หลังจากที่จบจากที่ผมเข้าไปช่วยงานของเขา ผมก็มีความคิดที่อยากจะใช้เวลากับเขาอีกครั้ง ผมเลยรวบรวมความกล้าของผมในการชวนเขาไปเที่ยว เขาก็ตอบตกลงนะ แล้วผมก็นัดวัน นัดสถานที่เรียบร้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป
.
ผมก็แอบเซ็งบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับถอดใจ ผมก็ยังคุยกับเขาต่อ ทั้งๆที่ผมรู้ตัวเองดีว่าผมคุยน่าเบื่อแค่ไหน (ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง)
สุดท้ายผลลัพธ์ของความพยายามรอบแรกคือแห้วครับ55555
หลังจากที่แห้วครั้งที่ 1 ไปผมก็พยายามตัดใจจากเขา พยายามไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับเขา
.
เวลาผ่านไปผมได้มีโอกาสเจอเขาอีกครั้ง แต่ผมพยายามเก็บทรงตัวเองไว้ บังคับใจตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไรกับเขาแต่ก็ไม่ได้ครับ สุดท้ายผมก็แพ้ใจตัวเอง
แต่ครั้งนี้เขามีแฟนแล้วครับ และใช่ครับผมไม่รู้ ผมเลยคุยกับเขาอีกรอบและครั้งนี้เขาชวนผมออกไปเที่ยว ผมนี่แบบดีใจสุดๆ คิดว่าเขากำลังจะมีใจให้ผมเหมือนกัน แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้สวยเหมือนตอนที่ผมตั้งความหวังไว้ และได้มารู้ทีหลังว่าเขาทะเลาะกับแฟนเขา และเขาก็กลับไปคืนดีกัน
แล้วผมก็แห้วเป็นรอบที่ 2
.
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ผมก็รู้สึกผิดหวัง รู้สึกเสียใจนะครับ เสียใจนานกว่าครั้งที่แล้วด้วย แต่ก็ยังทำใจได้ครับ ผมพยายามตัดใจจากเขาอีกรอบและบอกกับตัวเองว่าผมจะไม่ใจอ่อนแล้ว
.
เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน วันที่ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจหรืออะไรแล้ว อยู่ดีๆวันหนึ่งเขาก็โทรมาหาผม (เอาจริงๆผมเคยคิดกับตัวเองเล่นๆว่ามันจะมีไหมโมเม้นต์ที่แบบว่า อยู่ดีๆเขาก็โทรมา แล้วผมก็บอกตัวเองว่า ก็คงจะมีแต่เป็น 0.0001%) และใช่ครับมันเกิดขึ้นใน 0.0001% อยู่ดีๆเขาโทรมาหาผมบอกให้ไปหาเขาโดยที่ไม่บอกผมว่าทำไม? เกิดอะไรขึ้น? ผมก็ใจแข็งบอกเขาไปว่าผมไม่สะดวกแล้วก็วางสายไป หลังจากนั้นผมก็เข้าไปดูโซเชียลของเขาแล้วเห็นว่าเขากำลังรอรถไฟฟ้าอยู่คนเดียวในช่วงเวลาประมาณสามถึงสี่ทุ่ม และใช่ครับผมใจอ่อนทักเขาไปประมาณว่า ทำไมไม่บอกว่าอยู่ข้างนอกคนเดียว
หลังจากนั้นเขาก็โทรมาหาผมอีกรอบแต่ครั้งนี้เขาร้องไห้ใส่ผมใหญ่เลยในสาย ผมก็พยายามปลอบเขาแล้วถามเขาว่าเป็นอะไร ซึ่งเขาก็ไม่ได้ให้คำตอบผม (ตอนนั้นผมเดาว่าเขาเลิกกับแฟนของเขา ซึ่งเขาก็เลิกกับแฟนของเขาจริงๆ แต่เขาไม่บอกผมเพราะเขาคิดว่าผมไม่รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว)
.
หลังจากวันนั้นเขาก็เข้ามาพูดคุยกับผมประมาณว่าอยากให้ผมพาไปเที่ยว อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อน ผมก็พยายามปฏิเสธในช่วงแรก แต่สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ชวนเขาออก เพราะผมไม่อยากให้เขาเศร้าเสียใจ ผมอยากให้เขามีความสุขยิ้มได้หัวเราะได้ ผมชวนเขาออกไปข้างนอกเขาก็ไปกับผม (ฟีลคนอกหักอะครับ อยากออกไปปลดปล่อย ไม่อยากฟุ้งซ่าน)
.
วันที่ผมชวนเขาออกไปข้างนอกเราก็ได้ใช้เวลาด้วยกัน เที่ยวเล่นสนุกด้วยกัน แล้วก็ได้มีโอกาสเปิดใจคุยกันมากขึ้น ผมบอกให้เขารู้ว่าจริงๆแล้วผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนั้นให้ผมฟัง
ในวันนั้นผมได้เปิดรูปของเขาที่ผมเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์ให้เขาดู ซึ่งเขาไม่เคยรู้ว่าผมทำแบบนี้ (ผมเก็บรูปเขาตั้งแต่เริ่มตกหลุมรักเขา) และตอนนั้นเขาก็รู้สึกดีกับผมขึ้นมา เขาบอกกับผมว่าผมทำให้เขารู้สึกพิเศษในช่วงเวลาที่เขารู้สึกว่าตัวเองหมดคุณค่าสำหรับใครคนอื่น
หลังจากที่เราเที่ยวเล่นกันจนได้ที่ ผมก็ไปส่งเขากลับบ้าน และตั้งแต่ช่วงเวลานั้นผมก็มีโอกาสได้คุยแชทกับเขามากขึ้น และเขาสนใจที่จะแชทกับผมมากขึ้น
.
ช่วงเวลาที่เขาเลิกกับแฟนของเขาได้ไม่ถึงอาทิตย์ และผมกับเขาก็คุยกันไม่ถึงอาทิตย์ ในที่สุดผมกับเขาก็ได้เป็นแฟนกัน สมองผมรับรู้ว่ามันไม่ควรเป็นเวลานี้เพราะเขาเองก็เพิ่งเลิกกับแฟน แต่ใจของผมไม่ยอมฟังสิ่งที่สมองผมพูด ช่วงเวลานั้นผมมีความสุขมากที่ได้คบกับเขา ผมบอกกับตัวเองว่าจะดูแลและเอาใจใส่เขาอย่างดี ซึ่งผมก็ทำแบบนั้นมาตลอดช่วงเวลาที่คบกัน
.
(ลองทายเล่นๆกันครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้)
.
ใช่ครับ หลักจากเราคบกันได้ประมาณ 10 กว่าวัน แฟน(เก่า)เขามาง้อ เอาแล้วไงครับ สิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดก็ได้เกิดขึ้น เขาก็ไม่ได้ปิดบังผมนะครับว่าคนเก่าเขามาง้อเขา และเขาก็ร้องไห้เพราะเขาเสียใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เขารู้ว่าผมจะต้องเสียใจอีกครั้ง ที่ผ่านมาเขาทำให้ผมเสียใจมาหลายครั้งและเขาไม่อยากจะทำให้ผมเสียใจอีก นี่คือสิ่งที่เขาบอกกับผม แล้วเขาก็บอกผมอีกว่าท้ายที่สุดเขาอาจจะไม่เลือกใครเลย ซึ่งเอาจริงๆสำหรับผมมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะไม่เลือกใครเลย สุดท้ายมันจะมีคนที่ถูกเลือก อาจจะไม่ใช่ทั้งผมและคนเก่าของเขา อาจจะเป็นคนใหม่ในอนาคตเขา และคนๆแหละครับเป็นคนที่ถูกเลือก
ผมก็พยายามปลอบใจเขาว่าไม่เป็นไร พร้อมบอกกับเขาว่าไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหนก็ตาม ผมพร้อมที่จะรับมัน (ผมพูดออกไปทั้งๆที่ทั้งใจของผมอยากให้เขาเลือกผม) หลังจากที่เขาหยุดร้องไห้เขาก็บอกกับผมว่าเขาจะอยู่กับผม
.
หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็เป็นปกติได้ซักพักหนึ่ง แล้ววันหนึ่งผมก็รู้สึกได้ว่าเขาเปลี่ยนไปจากการตอบแชทผม มันแตกต่างกันมากจนทำให้ผมกระวนกระวายใจ ผมเลยไปหาเขาเพื่อที่จะถามเขาว่าเขาเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ซึ่งวันที่ผมไปหาเขาเขาก็ทำตัวปกติเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกัน ผมเลยคิดว่าเอ้อ ผมคงจะคิดมากไปเอง
.
จากนั้นไม่นานผมก็จับได้ว่าเขายังแอบคุยแชทคุยกับคนเก่าเขาโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวเองเขา ซึ่งผมก็บอกกับเขาไปว่าผมรู้นะว่าคุยกันอยู่และผมไม่โอเค เขาขอโทษผมพร้อมกับบอกว่าเขาเป็นคนผิดเองที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมก็บอกกับเขาว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้ผิดคนเดียวหรอก พร้อมกับขอเขาไว้ว่าถ้าเกิดว่ามีเรื่องอะไรที่เขาทำแล้วมันทำให้เขาต้องนึกถึงหน้าผมผมอยากให้เขาบอกให้ผมรู้ แต่เขาก็รับฟังแต่ไม่ได้รับปาก
.
ระยะเวลาผ่านไปไม่กี่เดือนบทสรุปของเรื่องนี้คือเขาบอกเลิกผมครับ พร้อมกับให้เหตุผลว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่เขาอยู่กับผมเขาคิดถึงแต่คนเก่าของเขาตลอด เขาอยากขอโทษผมกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขารู้สึกผิดที่ผมเขาทำแบบนี้กับผมในขณะที่ผมดูแลเอาใจใส่เขาอย่างดีมาโดยตลอดแต่เขากลับเอาแต่ทำให้ผมต้องเสียใจ นี่คือสิ่งที่เขาบอกผม
ผมก็บอกกับเขาไปว่าผมรู้อยู่แล้วว่าเราจะต้องเลิกกัน ไม่เพราะเขาบอกเลิกผมก็เป็นผมที่บอกเลิกเขา เพราะพักหลังๆที่เราคบกันในหัวผมมีคำถามอยู่ตลอด มีแต่ความไม่แน่นอนไม่แน่ใจ แต่ในเมื่อมันได้แค่นี้ก็ไม่เป็นไร ผมทำดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำให้คนๆนึงที่ผมรักได้แล้ว ผมยอมรับกับเขาว่าผมเสียใจมาก แต่ผมให้อภัยเขาและไม่โทษเขากับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะส่วนหนึ่งมันก็เกิดจากความใจอ่อนของผมด้วย (ผมไม่ชอบที่จะตัดสินความรู้สึกของคนอื่นเลยบอกไปเช่นนั้น) และผมก็บอกเขาว่าผมรักเขามาก และอวยพรให้เขาได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ เจอที่ดีๆที่ทำให้เขารู้สึกมีคุณค่า
.
(จบ)
.
เอาจริงๆประสบการณ์ครั้งนี้ของผมเกิดขึ้นมาไม่นานมากครับ นับย้อนจากวันที่โพสไปประมาณ 4 เดือน
หลังจากที่เลิกกับเขาไปประมาณหนึ่งเดือนแรกเขาก็ใช้เวลาลืมคนเก่าของเขา และเขาก็มีคนคุยใหม่ในเดือนถัดมา
ส่วนผมในช่วงเวลาเดียวกันก็เสียใจมากจนไม่เป็นอันทำอะไรเลยครับ5555 ผมคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลาและหวังว่าเขาจะกลับมา หวังว่าเราจะได้มีโอกาสได้รักกันจริงๆซักครั้ง แต่ก็นั้นแหละครับ ยิ่งหวังมากพอผิดหวังแล้วมันก็จะเสียใจมากเหมือนกัน
.
ปัจจุบันผมก็ยังไปหาเขาบ้าง คุยกันบ้าง คอลกันบ้างบางวันครับ ช่วงแรกๆที่ได้มีโอกาสได้คุยกันอีกยอมรับครับว่าผมพร้อมที่จะกลับไปตลอดเวลา
แต่ผมเป็นคนที่ชอบให้ตัวเองชินชากับความเสียใจครับ ผมรู้สึกว่าถ้าผมเสียใจกับอะไรมากๆจนเหนื่อยผมจะรู้สึกเฉยๆกับมันเอง อาจจะไม่เฉยๆแต่ก็รู้สึกน้อยเจ็บปวดน้อยลง จนตอนนี้ผมรู้สึกว่า ถ้ามีโอกาสที่เขากลับมาผมก็ "อาจจะ" กลับไปนะครับถ้าเขาอยากกลับมาเพราะเขารักผม เขาอยากมีผมในชีวิต เขาอยากเดินไปกับผม แต่ถ้าถ้ากลับมาเพราะสงสารผม หรืออะไรก็แล้วแต่นอกเหนือจากคำว่ารัก ผมขออยู่แบบนี้ดีกว่าครับ
.
อันที่จริงตัวเลือกมันมีไม่มากด้วยแหละครับ ผมบอกเขาว่าผมเคยคิดที่จะบล็อคเขา แต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะผมบอกกับเขาว่าผมจะไม่หายไปไหน
การที่ต้องยอมรับความเจ็บปวดที่อยู่ตรงหน้ามันเลยเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผมชินกับมันได้ แล้วมันก็ได้ผลประมาณ 85% ครับ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดน้อยลงมาก มันแค่รู้สึกหน่วงๆเวลาที่เห็นหรือรู้ว่าเขากำลังจะเริ่มสานสัมพันธ์ใหม่กับคนใหม่ๆ เพราะในตอนแรกที่ผมได้รู้ว่าเขามีคนคุยใหม่ผมจำได้ว่าผมทรมานมาก ผมไม่อยากให้เขาเป็นของคนอื่นเลย
แต่ตอนนี้เวลาช่วยทำให้ผมได้คิดไตร่ตรองอะไรๆมากขึ้นเกี่ยวกับการครอบครองและการจากลา ไม่มีใครเป็นเจ้าของใครนอกจากตัวเราเอง และไม่มีใครหลีกเลี่ยงการจากลาได้ (ถ้าไม่จากกันตอนอยู่ ก็ต้องจากกันตอนตายอยู่ดี) และเวลายังช่วยให้ผมเข้าใจอีกด้วยว่าคำตอบของคำถามทั้งหมดที่ผมเคยตั้งคำถามไว้กับตัวเองในตอนที่คบกับเขานั้นคือ "เขาไม่ได้ได้รักผม" แค่นั้นเองครับ และคนที่รับรักไม่ได้ไม่ใช่ว่าเขาไม่เสียใจนะครับ เขาก็เสียใจเหมือนกันที่เขารับรักผมไม่ได้ หากเลือกได้เชื่อผมเถอะครับว่าใครก็อยากรักคนที่เขารักเราทั้งนั้นแหละ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อใจมันไม่ได้รู้สึกรัก ขืนคบกันไปก็มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์มันแย่ลง
.
(ถ้าเธอผ่านมาเห็น)
เธออ่านก็คงจะรู้ว่าเป็นเรื่องของเค้ากับเธอถึงเค้าจะพยายามพิมพ์เลี่ยงๆแต่เชื่อว่าเธอจะรู้แน่นอน
อยากจะบอกว่าไม่ต้องกลัวเค้าจะเสียใจนะถ้าต้องการจะเริ่มต้นใหม่กับใคร ถ้าเธอเจอใครที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ และเธอก็รักเขา เธอก็สมควรที่จะเรียนรู้และอยู่กับเขาคนนั้นนะครับ เพราะเธอเหนื่อยกับเรื่องต่างๆในชีวิตมามากพอแล้ว
ส่วนเค้าก็หวังว่าซักวันหนึ่งจะได้เจอคนที่พอดีสำหรับเค้าเหมือนกัน
แล้วเรื่องที่เคยตกลงว่าจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม อยากจะบอกว่าทำไม่ได้จริงๆ ไม่ว่ายังไงเค้าก็ยังมองว่าเธอเป็นคนรักคนนึงของเค้าตลอด
ใช่อยู่ที่เรายังคุยกันได้เหมือนเพื่อนทั่วไปในวันที่เราจบกันแล้ว แต่ความรู้สึกของเค้ามันไม่เหมือนเพื่อนทั่วไปอีกแล้ว ขอโทษเรื่องนี้ด้วย
.
เขียนซะยาวเลย55555 ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ มีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับประสบการณ์ของผมในครั้งนี้ก็มาแชร์กันได้นะครับ
* ขอความกรุณาวิจารณ์อย่างมีวิจารณญาณนะครับ *
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่