เนื่องในวันพรุ่งนี้ ( ๑๔ ส.ค. ๖๔) ตรงกันวันที่ ๗ เดือน ๗ ตามปฏิทินจันทรคติจีน
ซึ่งมีตำนานความเชื่อว่าเป็นวันที่ดาวโคบาล (หนุ่มเลี้ยงวัว) และเทพธิดาทอผ้าได้ข้ามสะพานนกสาลิกามาพบกันในรอบปี
จึงมีความคิดจะแปลงนิทานจีนเป็นกลอนบทละครอย่างไทย โดยได้แนวมาจากบทงิ้วภาษาจีนบ้าง กลอนบทละครของไทยบ้าง
หากอรรถาโวหารในบาทใดบทใดก็ดี ไม่ต้องตามฉันทลักษณ์หรือขนบ
ขอท่านผู้อ่านจงอภัยแก่ข้าพเจ้าผู้มีสติปัญญาน้อย
ร่ายเมื่อนั้น นางพญาราชินีเนาสรวง
ประทับบัลลังก์เด่นดวง แวดล้อมปวงเทพเทพี
พิโรธราวเพลิงพุ่งพ่าน ดาวโคบาลฝ่าฝืนเทพวิถี
ลอบผูกจิตติดไมตรี กับเทวีภาคิไนยพระสุรินทร์
คือสาวทอผ้านารีรัตน์ แดงชัดประจักษ์น่าติฉิน
เป็นสุรางค์ริมีมลทิน ยากดิ้นหลุดพ้นอาญา
ฯ ๖ คำ ฯ
กระบอกบัดนั้น เทพมหิงส์ทองข้องใจกังขา
ออกยืนกลางที่เทวสภา วันทนาแล้วทูลจอมนาง
สององค์ทรงสวาทรักใคร่ พระไม่ควรเคืองขัดหมองหมาง
ควรสนองสององค์พงศ์สุรางค์ ลงสร้างสุขในแดนคน
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
นาคราชเมื่อนั้น พระเทวีศรีเกล้าเจ้าเวหน
สดับคำทำนูลสุดทน ยั้งกมลแล้วเอ่ยเสาวนีย์
ดูท่ากาสรปองจำนง จุติลงโลกมนุษย์สุขี
สร้างสุขเกษมเปรมชีวี เรานี้จะสนองแก่เธอ
เธอจงไปเป็นมหิงส์ชาติ ไม่ขาดแอกไถเทียมเสมอ
ทุกทิพานาข้าวเข้าเจอ บำเรอโลกมนุษย์นิกร
ฯ ๖ คำ ฯ รัว
เขมรสุดใจเมื่อนั้น สาวทอผ้าภาคิไนยมหิศร
พระทรวงร้อนรุ่มเร่งจร เฝ้าวิงวอนพระอัยกีทันใด
ฯ ๒ คำ ฯ เหาะ
กราบทูลพระอัยกีมีศักดิ์ ความรักแรกเริ่มแต่ไหน
ล้วนหม่อมฉันชวนพัทธ์ผูกใจ หาใช่โทษาโคบาล
หากพระอัยกีจะลงโทษ จงโปรดอาญาทุกสถาน
ลงแก่หม่อมฉันทุกประการ อย่ารานดาราอำมร
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
เบ้าหลุดเมื่อนั้น สมเด็จพระเจ้าจอมอัปสร
ฟังคำนัดดาวิงวอน พระทัยอ่อนสักน้อยฤๅมี
จึ่งมีพจนารถประกาศว่า โทษาอุกฤษฏ์ผิดวิถี
ยังมาเรียกร้องปรานี โทษกรณ์ยากที่ผ่อนปรน
เราจะชำระให้สิ้นสุด เทพบุตรจงรับบาปผล
จุติลงเป็นมนุษย์เมืองคน ทุกข์ทนทำการกสิกรรม
ส่วนนางอัปสรสุดาดวง ให้อยู่ห้วงห้องฟ้าอย่าถลำ
หากไร้บัญชาชอบธรรม ห้ามล้ำออกนิวาสน์วาริธร
ฯ ๘ คำ ฯ คุกพาทย์
บังใบพลสวรรค์นำโคบาลมาสู่ ประตูเชิงสิเนรุสิงขร
นางสุรางค์เร่งตามมากุมกร อาวรณ์เหลือที่กล้ำกลืน
ต่างองค์ซบพักตร์พิลาปไห้ ชลนัยน์หลั่งรินสิ้นฝืน
พลสวรรค์เร่งเร้าเอาตัวคืน พาสู่พื้นแผ่นพสุธา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
(มีต่อ)
(จะลงจบในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันตรง)
โคบาลกับเทพธิดาทอผ้า