จากกระทู้อีกกระทู้ที่พ่อเราทำร้ายแม่ หรือใช้ความรุนแรงกับแม่อะค่ะ เรารู้ว่าพ่อเป็นคนอารมณ์ร้อนและรุนแรง ทั้งตบ เตะ ตี หรือใช้คำพูดที่มันรุนแรงและเสียงดัง หยาบคาย ตอนนี้เราอายุ16ค่ะ เราโดนทำร้ายเริ่มรุนแรงขึ้นตอนอายุประมาณ12
ขอเกริ่นก่อนว่าพ่อกับแม่เราเป็นคนที่เลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน เอาจริงๆเราก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ บางทีก็โอเคที่เราพูดหรือทำอย่างนู้นอย่างนี้ แต่พอทำอีกทีก็กลับไม่พอใจเรา เราไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไง เพราะการที่เราพูดจาเหมือนเพื่อน(ไม่ได้ขนาดนั้นนะคะ ก็ถือและเคารพว่าเขาเป็นพ่อแม่อยู่) เราจะพูดไม่มีหางเสียงอยู่แล้ว แล้วก็พูดห้วนๆ หรือชอบบ่น
คือตอนอายุ12ครั้งแรกคือ พ่อเราบ่นว่าไม่มีเงินเลยแบบไม่ได้จริงจังนะคะ แล้วเราก็บอกไปว่าถ้าพ่อลองเอาเงินที่ไปซื้อบุหรี่ เอาไปซื้อเหล้า เบียร์เก็บออมไว้นะ ป่านนี้รวยแล้ว ไม่ต้องบ่นพูดเชิงติดตลก ไม่ได้ต้องการด่านะคะ เราบอกไปงี้ค่ะ แล้วพ่อก็โมโหแล้วก็เดินเข้ามาตาโปน เลือดขึ้นตาเดินมา ตบหน้าเรา1ทีแรงมากๆ แรงแบบล้มอะค่ะ จนมีรอยที่หน้า ที่เป็นเหมือนรอยถลอกเป็นแถบ ม่วงๆช้ำๆ แล้วครอบครัวเราชอบออกไปข้างนอก เพราะต้องตามพ่อไปสังสรรค์หรือเรียกง่ายๆว่าไปเมาเหล้าเบียร์กับเพื่อน ไม่ก็ลุงที่เป็นพี่ชายของพ่อ แทบทุกวันเลยจริงๆ อาทิตย์นึง7วัน อยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหนประมาณ2วัน นับได้เลย ทำให้หลังจากเกิดเรื่อง เราก็โกรธมากๆ เราไม่คิดยกอภัยให้พ่อเลย เพราะในความคิดเราคือเราไม่ควรถูกทำร้ายร่างกายจากคนเป็นพ่อ ถึงเราจะเป็นลูก เราก็ไม่สมควรถูกพ่อของเรามาทำอะไรกับเราก็ได้ และพ่อก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายหรือทำอะไรกับเรา แล้วให้เหตุผลว่าเพราะเราเป็นลูกและเขาเป็นพ่อเขาเลยมีสิทธิ์จะทำ และทำได้ พอมีรอยที่หน้า เราก็ยังต้องไปนู่นนี่กับพ่อ แม่ และน้องเหมือนเดิม เราไปเจอกับป้าและลุง ป้าถามว่า เราไปโดนอะไรมา เราก็มองหน้าแม่ แล้วเราก็ตอบไปว่าเราหกล้ม หน้าไถไปกับพื้น เลยเป็นแผล ในใจเราอยากร้องไห้มากๆ เพราะเราไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดนักหนา เพราะทุกวันนี้เราก็ยังเสียใจอยู่ ตอนนี้คนอื่นๆก็ยังไม่รู้ว่าพ่อเราทำอะไรแบบนี้อยู่ เพราะภายนอกหรือจากสายตาของคนอื่น พ่อคือคนที่ดีมากๆ ใจเย็น ใช้คำพูดดี ตลก เฮฮา ชอบทำให้คนอื่นยิ้มหรือมีความสุข เพื่อนเราหลายๆคนที่ได้รู้จักกับพ่อเราต่างบอกว่าทำไมพ่อใจดีจัง น่ารักมาก อิจฉาเรามี่มีพ่อแบบนี้ แต่กลับกัน ไม่รู้ทำไมเราถึงอิจฉาพ่อของคนอื่นที่เขาดูมีความสุข พูดจากับลูกดี เข้าใจลูกมากๆ ใช้เหตุผลคุยกัน ไม่ปิดกั้นคนเป็นลูก
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่เกิดขึ้นกับเรา เพียงแต่เราอยากหยิบยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เราเคยเจอ ที่ออกมาเขียนกระทู้เพราะเมื่อกี้เราพึ่งถูกทำร้ายอีกที พ่อตบหัวเราจากข้างหลังแรงมากๆ แล้วก็ด่าเราอีกแล้ว สาเหตุคือเราตอบพ่อแบบปกติของเรา แต่สำหรับพ่อบอกว่าชักจะเหมือนเพื่อนกูขึ้นทุกวันแล้วนะ พ่อเคยสัญญากับเราว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก จะรับฟังเราและแก้ปัญหาด้วยการหันหน้าคุยกัน แต่พ่อก็ยังคงเป็นแบบเดิม เราพยายามบอกตัวเองตลอดว่า ถ้าเป็นไปได้ เราจะหลีกเลี่ยงการสนทนาระหว่างเราและพ่อ เพราะมันมักจะเกิดปัญหาขึ้น ทั้งๆท่เราไม่รู้ตัว และไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะบางทีเราพูดโดยไม่ได้คิด เพราะเรากำลังเรียนออนไลน์อยู่ แล้วพ่อก็เข้ามาถาม เราเลยตอบในขณะที่กำลังคิดไปด้วย ทำให้เหมือนกับเราว่าพูดไปแบบคิดไป มันเลยอาจจะดูห้วนๆ หรือไม่ดีในสายตาพ่อ ซึ่ง เราก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี พ่อมีสิทธิ์ที่จะสอนเราด้วยวิธีที่ดีกว่านี้ แต่พ่อเลือกที่จะตบหัวเราแรงๆแล้วด่าต่อ
เราเคยไปเจอคำพูดของพ่อและแม่คู่นึงมา เขาบอกว่าคนเป็นพ่อแม่ทุกคนควรจะรู้ตัว และยอมรับว่าลูกไม่ได้ขอเรามาเกิด เราอยากทำให้เขาเกิดมาเอง เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจเขาและรับผิดชอบเขา และปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรมากไปกว่าการดูแล และสอนให้เขาอยู่ในสังคมได้
พ่อชอบใช้ความรุนแรงกับลูก
ขอเกริ่นก่อนว่าพ่อกับแม่เราเป็นคนที่เลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน เอาจริงๆเราก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ บางทีก็โอเคที่เราพูดหรือทำอย่างนู้นอย่างนี้ แต่พอทำอีกทีก็กลับไม่พอใจเรา เราไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไง เพราะการที่เราพูดจาเหมือนเพื่อน(ไม่ได้ขนาดนั้นนะคะ ก็ถือและเคารพว่าเขาเป็นพ่อแม่อยู่) เราจะพูดไม่มีหางเสียงอยู่แล้ว แล้วก็พูดห้วนๆ หรือชอบบ่น
คือตอนอายุ12ครั้งแรกคือ พ่อเราบ่นว่าไม่มีเงินเลยแบบไม่ได้จริงจังนะคะ แล้วเราก็บอกไปว่าถ้าพ่อลองเอาเงินที่ไปซื้อบุหรี่ เอาไปซื้อเหล้า เบียร์เก็บออมไว้นะ ป่านนี้รวยแล้ว ไม่ต้องบ่นพูดเชิงติดตลก ไม่ได้ต้องการด่านะคะ เราบอกไปงี้ค่ะ แล้วพ่อก็โมโหแล้วก็เดินเข้ามาตาโปน เลือดขึ้นตาเดินมา ตบหน้าเรา1ทีแรงมากๆ แรงแบบล้มอะค่ะ จนมีรอยที่หน้า ที่เป็นเหมือนรอยถลอกเป็นแถบ ม่วงๆช้ำๆ แล้วครอบครัวเราชอบออกไปข้างนอก เพราะต้องตามพ่อไปสังสรรค์หรือเรียกง่ายๆว่าไปเมาเหล้าเบียร์กับเพื่อน ไม่ก็ลุงที่เป็นพี่ชายของพ่อ แทบทุกวันเลยจริงๆ อาทิตย์นึง7วัน อยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหนประมาณ2วัน นับได้เลย ทำให้หลังจากเกิดเรื่อง เราก็โกรธมากๆ เราไม่คิดยกอภัยให้พ่อเลย เพราะในความคิดเราคือเราไม่ควรถูกทำร้ายร่างกายจากคนเป็นพ่อ ถึงเราจะเป็นลูก เราก็ไม่สมควรถูกพ่อของเรามาทำอะไรกับเราก็ได้ และพ่อก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายหรือทำอะไรกับเรา แล้วให้เหตุผลว่าเพราะเราเป็นลูกและเขาเป็นพ่อเขาเลยมีสิทธิ์จะทำ และทำได้ พอมีรอยที่หน้า เราก็ยังต้องไปนู่นนี่กับพ่อ แม่ และน้องเหมือนเดิม เราไปเจอกับป้าและลุง ป้าถามว่า เราไปโดนอะไรมา เราก็มองหน้าแม่ แล้วเราก็ตอบไปว่าเราหกล้ม หน้าไถไปกับพื้น เลยเป็นแผล ในใจเราอยากร้องไห้มากๆ เพราะเราไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดนักหนา เพราะทุกวันนี้เราก็ยังเสียใจอยู่ ตอนนี้คนอื่นๆก็ยังไม่รู้ว่าพ่อเราทำอะไรแบบนี้อยู่ เพราะภายนอกหรือจากสายตาของคนอื่น พ่อคือคนที่ดีมากๆ ใจเย็น ใช้คำพูดดี ตลก เฮฮา ชอบทำให้คนอื่นยิ้มหรือมีความสุข เพื่อนเราหลายๆคนที่ได้รู้จักกับพ่อเราต่างบอกว่าทำไมพ่อใจดีจัง น่ารักมาก อิจฉาเรามี่มีพ่อแบบนี้ แต่กลับกัน ไม่รู้ทำไมเราถึงอิจฉาพ่อของคนอื่นที่เขาดูมีความสุข พูดจากับลูกดี เข้าใจลูกมากๆ ใช้เหตุผลคุยกัน ไม่ปิดกั้นคนเป็นลูก
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่เกิดขึ้นกับเรา เพียงแต่เราอยากหยิบยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เราเคยเจอ ที่ออกมาเขียนกระทู้เพราะเมื่อกี้เราพึ่งถูกทำร้ายอีกที พ่อตบหัวเราจากข้างหลังแรงมากๆ แล้วก็ด่าเราอีกแล้ว สาเหตุคือเราตอบพ่อแบบปกติของเรา แต่สำหรับพ่อบอกว่าชักจะเหมือนเพื่อนกูขึ้นทุกวันแล้วนะ พ่อเคยสัญญากับเราว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก จะรับฟังเราและแก้ปัญหาด้วยการหันหน้าคุยกัน แต่พ่อก็ยังคงเป็นแบบเดิม เราพยายามบอกตัวเองตลอดว่า ถ้าเป็นไปได้ เราจะหลีกเลี่ยงการสนทนาระหว่างเราและพ่อ เพราะมันมักจะเกิดปัญหาขึ้น ทั้งๆท่เราไม่รู้ตัว และไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะบางทีเราพูดโดยไม่ได้คิด เพราะเรากำลังเรียนออนไลน์อยู่ แล้วพ่อก็เข้ามาถาม เราเลยตอบในขณะที่กำลังคิดไปด้วย ทำให้เหมือนกับเราว่าพูดไปแบบคิดไป มันเลยอาจจะดูห้วนๆ หรือไม่ดีในสายตาพ่อ ซึ่ง เราก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี พ่อมีสิทธิ์ที่จะสอนเราด้วยวิธีที่ดีกว่านี้ แต่พ่อเลือกที่จะตบหัวเราแรงๆแล้วด่าต่อ
เราเคยไปเจอคำพูดของพ่อและแม่คู่นึงมา เขาบอกว่าคนเป็นพ่อแม่ทุกคนควรจะรู้ตัว และยอมรับว่าลูกไม่ได้ขอเรามาเกิด เราอยากทำให้เขาเกิดมาเอง เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจเขาและรับผิดชอบเขา และปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรมากไปกว่าการดูแล และสอนให้เขาอยู่ในสังคมได้