The Next Three Days

ภาพยนตร์ Hollywood ปี 2010 โดย พอล แฮ็กกิส (Paul Haggis) ซึ่งสร้างจากภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง Pour Elle (For Her) ปี 2008 ของ เฟร็ด กาวาเย่ (Fred Cavaye) และ กีโยม เลอมองส์ (Guillaume Lemans)

Pour Elle เป็นภาพยนตร์ซึ่งกล่าวถึงหญิงสาวที่ถูกจับข้อหาฆาตกรรมเจ้านายสาวของตัวเอง โดยที่เธอไม่ได้ทำ
เธอถูกลูกชายคนเดียวหมางเมินนับแต่นั้น ขณะที่สามีของเธอพยายามต่อสู้คดีให้ หากแต่พยานหลักฐานมัดตัวเธอแน่น
จนแม้แต่ทนายที่ว่าความให้ไม่ยอมสู้คดีต่อในศาลชั้นต่อไป

ในเวอร์ชั่น Hollywood แฮ็กกิส ใช้ชื่อเรื่อง The Next Three Days นำแสดงโดย รัสเซล โครว์​ (Russel Crowe) 
และ เอลิซาเบธ แบงก์ (Elizabeth Bank) เขาได้เปลี่ยนเรื่องในตอนต้นให้คลุมเครือขึ้น โดยไม่ได้เปิดเผยในตอนต้นว่า 
ลารา เบรนแนน (Lara Brennan) ผู้ภรรยามีความผิดจริงหรือไม่ เป็นสิ่งที่ปล่อยให้คนดูสงสัย ขณะที่ จอห์น เบรนแนน 
(John Brennan) สามีเชื่อโดยไม่เคยถามภรรยาสักครั้งว่าทำจริงมั้ย เขาเชื่อหมดจิตหมดใจว่าภรรยาของเขาไม่ได้กระทำ  
ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าจะประทับใจผู้ชมผู้หญิงอย่างมาก

ความน่าสงสารของลาร่าคือลูกชายที่เห็นภาพเธอโดนตำรวจบุกมาจับถึงบ้านในมื้อเช้าในวัยเพียง 3 ขวบ ทำให้เด็กชาย
หมางเมินกับเธอนับจากนั้น และไม่เคยยอมจูบตอบเธอในแต่ละครั้งที่พ่อพาไปเยี่ยม ขณะที่เธอถวิลหาความรักและ
ความสนใจจากลูกชายของเธออย่างยิ่ง

เมื่อลาร่าตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันที่ทราบว่าทนายความของเธอจะไม่ยอมยื่นอุทรณ์ต่อศาลฎีกา จึงเป็นการจุดชนวน
ให้จอห์นพยายามทุกวิถีทางที่จะแหกคุกช่วยเธอออกมา เขาติดต่อขอข้อมูลจากเดมอน เพ็นนิงตัน อดีตนักโทษ
แหกคุกถึง 7 ครั้งที่เขียนหนังสือเรื่องการแหกคุก ซึ่งชายคนนั้นถามว่า เขาพร้อมที่จะทำเรื่องที่ขัดศีลธรรมต่างๆ แน่หรือ 
เขาพร้อมจะผลักหญิงชราที่อาจยืนขวางทางระหว่างหลบหนี หรือยิงตำรวจที่ไล่ตามจับหรือไม่ และเขายังต้องมีเงิน
จำนวนมหาศาลเพื่อจะมีชีวิตรอดอีกด้วย

เนื้อเรื่องเข้มข้นยิ่งขึ้นเมื่อลาร่ากำลังจะถูกย้ายไปอยู่ทันฑสถานซึ่งไกลและยิ่งยากต่อการช่วยเหลือออกมา จอห์นเหลือ
เวลาเพียง 3 วันที่จะช่วยภรรยาออกมาให้ได้โดยที่เขาวางแผนทุกอย่างโดยไม่บอกให้เธอหรือใครรู้

เวลา 3 วันไม่เพียงพอที่เขาจะขายบ้านเพื่อนำเงินมาเป็นทุนในการหนี ระหว่างการวางแผนก่อนหน้านั้น เขาได้ขาย
เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในบ้านเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในการทำพาสปอร์ตปลอม 3 ฉบับ และยังถูกโกงเงินไปจำนวนมากและ
โดนทำร้ายร่างกายอีกด้วย

เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะเป็นจุดที่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง เป็นเพียงครูโรงเรียนมัธยม ที่กล้าทำในสิ่งที่อุกอาจ
อย่างมาก เพื่อช่วยเหลือภรรยาที่ไม่ได้ทำผิดแต่กลับถูกสั่งจำคุกตลอดชีวิต เขาต้องผ่านช่วงเวลายากลำบาก
ในการตัดสินใจ ความพยายาม การต่อสู้กับความคิดของคนรอบข้าง จรรยาบรรณของตัวเอง 
และวางแผนอย่างฉลาดแยบยล ในภารกิจช่วยภรรยาแหกคุกให้สำเร็จ

หากมองไปก็เหมือนพล็อตคลาสสิกแบบ Damsel In Distress ที่ผู้หญิงตกระกำลำบาก และอัศวินของเธอ
ได้พยายามต่อสู้ ข้ามน้ำลุยไฟ ประหารมังกร ฆ่าแม่มด เพื่อที่จะแหกปราการต่างๆ มาช่วยเธอออกไปจาก
ปราสาทของพระราชาผู้ชั่วร้ายได้

ความน่าประทับใจยิ่งกว่านั้นคือ ความรักมั่นคงอย่างสุดหัวใจที่จอห์นมีให้กับลาร่า ภรรยา ความซื่อสัตย์ทั้งที่
ภรรยาติดคุกอยู่ถึง 3 ปี และยังมีหญิงสาวสวยมากๆ อีกคน ผู้เป็นมารดาของเพื่อนลูกชาย ซึ่งมีท่าทีสนใจจอห์น
ผ่านเข้ามาในชีวิต หากแต่เขาไม่ได้วอกแวก และสนใจเพียงภารกิจช่วยเหลือภรรยาเท่านั้น

The Next Three Days เป็นภาพยนตร์ที่ผู้ชายสร้าง ทั้งในเวอร์ชั่นต้นตำรับของฝรั่งเศส และในเวอร์ชั่นใหม่
ของ Hollywood หากแต่แนวเรื่องที่ค่อนข้างเอาใจและราวกับเข้าใจแก่นแท้ความต้องการของผู้หญิง แม้การ
เดินเรื่องและสไตล์จะเป็นแบบผู้ชายแท้ มีความดิบอยู่ในนั้นค่อนข้างมาก แต่กลับยิ่งทำให้เรื่องดูสมจริง และ
สร้างความประทับใจที่ตราตรึงให้กับผู้ชมมากยิ่งขึ้นโดยอาจไม่ต้องเลือกเพศ

หากแต่คนเขียนเองดูแล้วก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า ภรรยาของเขาต้องมีความดีงามต่อเขาอย่างมากมายมหาศาล
เพียงใดนะ จึงทำให้ผู้ชายคนนี้รักเธอถึงเพียงนี้

ตัวละครแม่ของเด็กเพื่อนลูกชายคือตัวล่ออย่างดี ให้คนดูคิดว่า จริงๆ พระเอกน่าจะตัดใจจากนางเอกไปซะ 
ไหนๆ นางก็ติดคุกตลอดชีวิต ไม่มีทางได้ออกมาอยู่แล้ว จะเสี่ยงตาย เสี่ยงทำความผิด หาเรื่องให้ลูกชาย
กลายเป็นกำพร้าไปทำไม เพียงเพื่อช่วยนางออกมา เวลานี้ก็มีผู้หญิงอีกคนที่สวยกว่า และเข้ากับลูกชาย
ได้ด้วย ทำไมไม่เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้ไปซะเลย

ซึ่งจริงๆ จุดนี้ก็เป็นปมตั้งแต่ต้นเรื่อง ที่น้องสะใภ้ของจอห์นพูดข่มลาร่าขณะที่นั่งกินมื้อค่ำด้วยกันระหว่าง
สามีภรรยาสองคู่ คู่พี่คู่น้อง เธอคนนั้นรูปร่างปึ๋งปั๋งมาก แต่เป็นผู้หญิงอวดรู้และพูดมาก (ความเห็นส่วนตัว)
นางใส่ชุดอวดทรวดทรงและพูดว่า หากเธออยากได้จอห์น เธอแค่กระดิกนิ้วเท่านั้น สร้างความฉุนขาด
ให้กับลาร่าจนทะเลาะแทบจะตบตีกัน แต่ภาพตอนท้ายที่คนในครอบครัวทุกคนถูกตามตัวมาสถานีตำรวจ 
ด้วยเหตุพานักโทษแหกคุกของจอห์นก็คงเป็นบทพิสูจน์แล้วว่าคำพูดของน้องสะใภ้จอห์นเป็นคำกล่าวอ้าง
ที่มีมูล หรือเป็นเพียงความหลงตัวเองของเธอกันแน่

เรื่องราวความรักที่ดูจะกดดันนั้นยิ่งทวีความตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ กับการลุ้นตลอดแทบทุกวินาทีว่า พระเอก
ของเรื่องจะทำสำเร็จหรือไม่ เขาจะมีจุดจบที่ตรงไหน คนทั้งคู่จะถูกจับปล่อยให้ลูกชายต้องไปเลี้ยง
กับปู่ย่าหรือไม่ ขณะที่ตำรวจหลายฝ่ายไล่ตามล่าจอห์น เนื่องจากเขาได้ทำการฆาตกรรมและชิงทรัพย์
ผู้ค้ายาเสพย์ติดรายหนึ่งไป และตำรวจสามารถตามรอยมาจนเจอ และคาดเดาได้ถึงแผนการณ์
ปล้นตัวนักโทษของเขา

โดยสรุปคือแม้เนื้อเรื่องและแผนแหกคุกทั้งหมดนี้จะมีความเหลือเชื่ออยู่หลายจุด แต่โดยรวมๆ ก็ถือว่า
เป็นภาพยนตร์ดราม่า ทริลเลอร์ที่สนุกและทำออกมาได้ดีน่าประทับใจอย่างมากเรื่องหนึ่ง ประกอบกับ
การแสดงอันยอดเยี่ยมของ รัสเซล โครว์ ที่ถ่ายทอดความรู้สึกที่ดูเรียบง่าย ทว่าทำให้คนดูเชื่ออย่าง
สุดหัวใจว่า เขารักและเทิดทูนภรรยาของเขาอย่างหมดหัวใจ ไร้ข้อกังขา ไร้เงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น 
เป็นการสื่อความรักแบบที่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงจะสื่อได้ มันประทับถึงเบื้องลึกหัวใจ
ของผู้ชมผู้หญิงจริง ๆ ค่ะ

จบด้วยคำถามที่ว่า หากคุณจะทำให้ผู้ชายสักคนรักคุณถึงเพียงนี้ คุณคิดว่าคุณได้ทำความดีอะไร
ต่อเขาบ้างเขาจึงรักคุณได้ถึงขนาดนี้ ฝากไว้ให้คิดนะคะ

สำหรับผู้เขียน ไม่ได้ดูสมัยหนังเข้าโรง แต่เพิ่งได้มาชมทาง Netflix เมื่อวันเสาร์นี้เองค่ะ 
หากกำลังมองหาภาพยนตร์ชม ลองดูไม่เสียหายนะคะ รับรองว่าความประทับใจสำหรับผู้หญิง
เต็มร้อยแน่นอน สำหรับผู้ชายก็น่าจะประทับใจมากเช่นกัน 
เพราะมันทำให้คุณได้รู้สึกเหมือนได้ปลุกฮีโร่ในตัวคุณขึ้นมาค่ะ

ใครเคยดูหรือกำลังจะตามไปดูแล้วคิดเห็นต่างกันอย่างไร มาแชร์กันค่ะ

ANNIEmalista | Pimdow Harmonica