ชิลีเผยผลการศึกษาวัคซีนจากใช้จริงในประเทศ พบซิโนแวคมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ 58.5%
https://thematter.co/brief/151158/151158
นอกจากประเทศไทย ชิลีเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใช้วัคซีน Sinovac เป็นวัคซีนตัวหลักในการฉีดให้ประชาชน โดยหลังจากเริ่มฉีดได้ระยะเวลาหนึ่ง หน่วยงานสาธารณสุขชิลีได้เผยแพร่ผลการศึกษาการใช้วัคซีนในประเทศ พบว่า วัคซีน Sinovac มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ได้ 58.5%
ดร.
ราฟาเอล อาเราส์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเปิดเผยว่า การศึกษาครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลการใช้วัคซีนจริงในชิลี ซึ่งมี 3 ยี่ห้อได้แก่ Sinovac จากอาสาสมัคร 8.6 ล้านคน, Pfizer จากอาสาสมัคร 4.5 ล้านคน และ AstraZeneca จากอาสาสมัคร 2.3 ล้าน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม โดยมีการเทียบทั้งคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ฉีดวัคซีนแล้ว 1 เข็ม และครบ 2 เข็ม
จากนั้นนำมาสรุปผลการศึกษาแล้วพบว่า Sinovac มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ 58.5% ป้องกันการป่วยเข้าโรงพยาบาล 86% ป้องกันการป่วยหนัก 89.7% และป้องกันการเสียชีวิตได้ 86%
ในการศึกษาเดียวกันยังเผยให้เห็นผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีน Sinovac ในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันการป่วย 67% ป้องกันการเข้าโรงพยาบาล 85% และป้องกันการเสียชีวิต 80% ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเวลาผ่านไป Sinovac ยังมีความสามารถในการป้องกันการป่วยหนักได้อยู่ แต่ประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อลดลง
ขณะที่ วัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ในชิลีอยู่ที่ 87.7% ป้องกันการป่วยหนักเข้าห้องไอซียู 98% และป้องกันการเสียชีวิตได้ 100%
ส่วนวัคซีน AstraZeneca มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ 68.7% ป้องกันการป่วยหนัก 98% และป้องกันการเสียชีวิต 100%
ดร.
ราฟาเอล กล่าวว่า การลดลงของประสิทธิภาพวัคซีนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติในการหลบเลี่ยงภูมิต้านทาน และสามารถแพร่กระจายเชื้อได้เร็วขึ้นอย่างสายพันธุ์เดลตา
“
หาก COVID-19 สายพันธุ์เดลตาเริ่มระบาดในวงกว้างมากกว่านี้ และวัคซีนมีการตอบสนองที่น้อยลง เราจะสังเกตเห็นการร่วงหล่นที่รวดเร็วของประสิทธิภาพวัคซีน” ดร.
ราฟาเอลกล่าวพร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนมากระตุ้นเข็มที่ 3
ชิลีเป็นหนึ่งในประเทศที่ฉีดให้ประชาชนได้มากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก โดยปัจจุบันมีประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 12,326,594 หรือ 64.5% ของประชากร แต่ยอดผู้ติดเชื้อกลับไม่ลดลงตามอัตราการฉีดวัคซีน ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะวัคซีนที่ชิลีเลือกใช้ ไม่มีประสิทธิผลในการต้านไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา
อ้างอิงจาก
https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/sinovacs-covid-19-vaccine-585-effective-preventing-illness-chile-real-world-2021-08-03/
https://www.reuters.com/article/health-coronavirus-chile-vaccines/sinovacs-covid-19-vaccine-58-5-effective-in-preventing-illness-chile-real-world-study-idUSL1N2PA2GT
https://news.google.com/covid19/map?hl=th&mid=%2Fm%2F01p1v&gl=TH&ceid=TH%3Ath
ชาวมาเลเซียกดดันนายกฯ ลาออก ขณะยอดติดโควิดเกือบ 2 หมื่นต่อวัน
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-731593
ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่วันนี้ (4 ส.ค.) ที่มาเลเซียสูงถึง 19,819 คน ขณะที่เริ่มมีกระแสกดดันให้นายกฯ ลาออก
วันที่ 4 สิงหาคม 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ทางการมาเลเซียระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่วันนี้ (4 ส.ค.) สูงถึง 19,819 คน ซึ่งทุบสถิติยอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดภายในวันเดียวอีกครั้ง ขณะที่ “
มุฮ์ยิดดิน ยัซซิน” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กำลังโดน “
กดดัน” ให้ลาออก
ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศมาเลเซีย พุ่งสูงขึ้นกว่า 10,000 คนต่อวัน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่า ยอดผู้ติดเชื้อจะอยู่ที่ประมาณ 17,000 คน อย่างไรก็ดี จะพุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดช่วงเดือนกันยายนนี้ ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ราว 1,000 คนต่อวันช่วงเดือนตุลาคมนี้
โดยจากยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชาวมาเลเซียเรียกร้องให้ “
มุฮ์ยิดดิน ยัซซิน” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม
ยัซซินระบุว่า จะให้รัฐสภาสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้ได้ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึง “
ความมั่นใจ” ที่ผู้คนยังมีต่อรัฐบาลนี้
นอกจากนี้ จากประชากรมาเลเซียทั้งหมด 32 ล้านคน ได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 22 ล้านโดส โดยมีประชาชน 7.4 ล้านคนได้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา มาเลเซียพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทะลุ 1 ล้านคน ถึงแม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดระดับหนึ่งมาโดยตลอด
สุดสลดเจอศพ พ่อ-ลูกสาว เพิ่งจบ.ปตรี เครียดไม่มีเงินใช้หนี้ ญาติไม่มีให้ยืม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6546817
สุดสลดพ่อ-ลูกสาวเพิ่งจบปริญาตรี เครียดไม่มีเงินใช้หนี้กู้ยืมมาใช้ระหว่างเรียน ปรึกษาพ่อก็ไม่มีจะให้ลูก ด้วยความรักลูกมาก พากันออกหาหยิบยืมญาติก็ไม่มีใครมีให้ สุดท้ายเจอทั้งคู่อยู่ในป่ากระถิน
วันที่ 4 ส.ค.2564 พ.ต.ต.
สยาม อินทร์น้อย สารวัตร(สอบสวน) สภ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ รับแจ้งพบศพชาย-หญิงเสียชีวิตอยู่ในป่าละเมาะท้ายหมู่บ้าน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ จึงประสานแพทย์ ตำรวจพฐ. แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวนและหน่วยกู้ภัย
ที่เกิดเหตุพบศพชาย-หญิงอยู่ใต้ต้นกระถิน มีเชือกไนล่อนถูกมัดอยู่ที่ลำต้น สอบสวนทราบว่า ทั้งคู่เป็นพ่อ-ลูกกัน บ้านอยู่ อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ผู้เป็นพ่อ อายุ 64 ปี ส่วนลูกสาว อายุ 25 ปี ทั้งคู่เป็นพ่อ-ลูกกัน โดยผู้เป็นภรรยา และ มารดา ให้ข้อมูลว่า สามีรักลูกสาวมากซึ่งเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี แล้วมีปัญหารื่องการเงินที่ได้ไปกู้ยืมเงินมาใช้จ่ายจำนวนมากจึงได้มาปรึกษาพ่อเพื่อหาเงินไปใช้หนี้
“แต่พ่อก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาให้จนเกิดความเครียด ทั้งพ่อทั้งลูกเคยบ่นอยากตาย และพยายามก่อเหตุมาแล้ว แต่ญาติช่วยไว้ทันทั้งคู่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาวขี่รถจักรยานยนต์พาพ่อซ้อนท้ายไปขอยืมเงินญาติ 45,000 บาท ญาติก็ไม่มีให้ยืม จากนั้นทั้งคู่พากันกลับแล้วไปกระโดดน้ำแต่ไม่จม แล้วพากันไปหาญาติอีกคนปรับทุกข์ว่าไม่อยากอยู่แล้ว จนกระทั่งมีชาวบ้านมาพบศพทั้งคู่”
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำศพส่งรพ. พร้อมสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนให้ครอบครัวรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ด่วน!!! สรุปยังไม่พร้อม! สธ.ย้ำชัดๆ ‘หมอพร้อม’ ไม่เปิดลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนทุกกลุ่มทุกวัย
https://www.dailynews.co.th/news/124742/
สธ. ย้ำ “หมอพร้อม” ไม่มีการลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนทุกกลุ่มวัย
เมื่อวันที่ 4 ส.ค.เวลา 16.30 น. นพ.
โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่ามีการเปิดลงทะเบียนรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ว่า ระบบหมอพร้อมยังไม่มีการเปิดให้ลงทะเบียนให้มารับวัคซีนทุกกลุ่มวัย แต่เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทางระบบมีการอัพเกรด แล้วมีการเปิดระบบบางอย่างค้างไว้ ทำให้มีคนเข้ามาลงทะเบียน ในส่วนนั้นเราก็ได้ทำการปิดระบบและขอโทษประชาชนไปแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ (4 ส.ค.) ยังมีคนลงทะเบียนได้ และเป็นกลุ่มเด็กด้วย จะทำอย่างไร นพ.
โสภณ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการเปิดให้แอดชื่อ รายละเอียดของคนในครอบครัวที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเท่านั้น ไม่ใช่การเปิดจองคิวฉีดวัคซีน ขอย้ำว่าไลน์ “
หมอพร้อม” ไม่มีการเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อจองคิวฉีดวัคซีน แต่อย่างใด กรณีที่ประชาชนจะลงทะเบียนฉีดวัคซีน ขอให้ติดตามประกาศจากทางจังหวัดที่ท่านอยู่ว่าให้ลงทะเบียนผ่านทางช่องทางใดบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา, ซิโนแวค, ซิโนฟาร์ม และไฟเซอร์ ซึ่งวัคซีนแอสตราฯ, ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม จะฉีดในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีเพียงวัคซีนไฟเซอร์เท่านั้นที่สามารถฉีดให้กับผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปี ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม มติที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีมติเรื่องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ใน 4 กลุ่ม โดย 1 ใน 4 กลุ่มนั้น มีการฉีดในกลุ่ม 12 ปีขึ้นไปด้วย แต่ต้องเป็นเด็ก 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง
JJNY : 5in1 ชิลีเผยผลใช้จริง│มาเลเซียกดดันนายกฯลาออก│สุดสลดเจอศพพ่อ-ลูก│‘หมอพร้อม’ไม่เปิดจอง│แบงก์ชาติรับใกล้หมดกระสุน
https://thematter.co/brief/151158/151158
นอกจากประเทศไทย ชิลีเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใช้วัคซีน Sinovac เป็นวัคซีนตัวหลักในการฉีดให้ประชาชน โดยหลังจากเริ่มฉีดได้ระยะเวลาหนึ่ง หน่วยงานสาธารณสุขชิลีได้เผยแพร่ผลการศึกษาการใช้วัคซีนในประเทศ พบว่า วัคซีน Sinovac มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ได้ 58.5%
ดร.ราฟาเอล อาเราส์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเปิดเผยว่า การศึกษาครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลการใช้วัคซีนจริงในชิลี ซึ่งมี 3 ยี่ห้อได้แก่ Sinovac จากอาสาสมัคร 8.6 ล้านคน, Pfizer จากอาสาสมัคร 4.5 ล้านคน และ AstraZeneca จากอาสาสมัคร 2.3 ล้าน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม โดยมีการเทียบทั้งคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ฉีดวัคซีนแล้ว 1 เข็ม และครบ 2 เข็ม
จากนั้นนำมาสรุปผลการศึกษาแล้วพบว่า Sinovac มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ 58.5% ป้องกันการป่วยเข้าโรงพยาบาล 86% ป้องกันการป่วยหนัก 89.7% และป้องกันการเสียชีวิตได้ 86%
ในการศึกษาเดียวกันยังเผยให้เห็นผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีน Sinovac ในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันการป่วย 67% ป้องกันการเข้าโรงพยาบาล 85% และป้องกันการเสียชีวิต 80% ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเวลาผ่านไป Sinovac ยังมีความสามารถในการป้องกันการป่วยหนักได้อยู่ แต่ประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อลดลง
ขณะที่ วัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ในชิลีอยู่ที่ 87.7% ป้องกันการป่วยหนักเข้าห้องไอซียู 98% และป้องกันการเสียชีวิตได้ 100%
ส่วนวัคซีน AstraZeneca มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ 68.7% ป้องกันการป่วยหนัก 98% และป้องกันการเสียชีวิต 100%
ดร.ราฟาเอล กล่าวว่า การลดลงของประสิทธิภาพวัคซีนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติในการหลบเลี่ยงภูมิต้านทาน และสามารถแพร่กระจายเชื้อได้เร็วขึ้นอย่างสายพันธุ์เดลตา
“หาก COVID-19 สายพันธุ์เดลตาเริ่มระบาดในวงกว้างมากกว่านี้ และวัคซีนมีการตอบสนองที่น้อยลง เราจะสังเกตเห็นการร่วงหล่นที่รวดเร็วของประสิทธิภาพวัคซีน” ดร.ราฟาเอลกล่าวพร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนมากระตุ้นเข็มที่ 3
ชิลีเป็นหนึ่งในประเทศที่ฉีดให้ประชาชนได้มากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก โดยปัจจุบันมีประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 12,326,594 หรือ 64.5% ของประชากร แต่ยอดผู้ติดเชื้อกลับไม่ลดลงตามอัตราการฉีดวัคซีน ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะวัคซีนที่ชิลีเลือกใช้ ไม่มีประสิทธิผลในการต้านไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา
อ้างอิงจาก
https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/sinovacs-covid-19-vaccine-585-effective-preventing-illness-chile-real-world-2021-08-03/
https://www.reuters.com/article/health-coronavirus-chile-vaccines/sinovacs-covid-19-vaccine-58-5-effective-in-preventing-illness-chile-real-world-study-idUSL1N2PA2GT
https://news.google.com/covid19/map?hl=th&mid=%2Fm%2F01p1v&gl=TH&ceid=TH%3Ath
ชาวมาเลเซียกดดันนายกฯ ลาออก ขณะยอดติดโควิดเกือบ 2 หมื่นต่อวัน
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-731593
ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่วันนี้ (4 ส.ค.) ที่มาเลเซียสูงถึง 19,819 คน ขณะที่เริ่มมีกระแสกดดันให้นายกฯ ลาออก
วันที่ 4 สิงหาคม 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ทางการมาเลเซียระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่วันนี้ (4 ส.ค.) สูงถึง 19,819 คน ซึ่งทุบสถิติยอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดภายในวันเดียวอีกครั้ง ขณะที่ “มุฮ์ยิดดิน ยัซซิน” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กำลังโดน “กดดัน” ให้ลาออก
ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศมาเลเซีย พุ่งสูงขึ้นกว่า 10,000 คนต่อวัน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่า ยอดผู้ติดเชื้อจะอยู่ที่ประมาณ 17,000 คน อย่างไรก็ดี จะพุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดช่วงเดือนกันยายนนี้ ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ราว 1,000 คนต่อวันช่วงเดือนตุลาคมนี้
โดยจากยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชาวมาเลเซียเรียกร้องให้ “มุฮ์ยิดดิน ยัซซิน” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ยัซซินระบุว่า จะให้รัฐสภาสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้ได้ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึง “ความมั่นใจ” ที่ผู้คนยังมีต่อรัฐบาลนี้
นอกจากนี้ จากประชากรมาเลเซียทั้งหมด 32 ล้านคน ได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 22 ล้านโดส โดยมีประชาชน 7.4 ล้านคนได้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา มาเลเซียพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทะลุ 1 ล้านคน ถึงแม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดระดับหนึ่งมาโดยตลอด
สุดสลดเจอศพ พ่อ-ลูกสาว เพิ่งจบ.ปตรี เครียดไม่มีเงินใช้หนี้ ญาติไม่มีให้ยืม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6546817
สุดสลดพ่อ-ลูกสาวเพิ่งจบปริญาตรี เครียดไม่มีเงินใช้หนี้กู้ยืมมาใช้ระหว่างเรียน ปรึกษาพ่อก็ไม่มีจะให้ลูก ด้วยความรักลูกมาก พากันออกหาหยิบยืมญาติก็ไม่มีใครมีให้ สุดท้ายเจอทั้งคู่อยู่ในป่ากระถิน
วันที่ 4 ส.ค.2564 พ.ต.ต.สยาม อินทร์น้อย สารวัตร(สอบสวน) สภ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ รับแจ้งพบศพชาย-หญิงเสียชีวิตอยู่ในป่าละเมาะท้ายหมู่บ้าน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ จึงประสานแพทย์ ตำรวจพฐ. แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวนและหน่วยกู้ภัย
ที่เกิดเหตุพบศพชาย-หญิงอยู่ใต้ต้นกระถิน มีเชือกไนล่อนถูกมัดอยู่ที่ลำต้น สอบสวนทราบว่า ทั้งคู่เป็นพ่อ-ลูกกัน บ้านอยู่ อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ผู้เป็นพ่อ อายุ 64 ปี ส่วนลูกสาว อายุ 25 ปี ทั้งคู่เป็นพ่อ-ลูกกัน โดยผู้เป็นภรรยา และ มารดา ให้ข้อมูลว่า สามีรักลูกสาวมากซึ่งเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี แล้วมีปัญหารื่องการเงินที่ได้ไปกู้ยืมเงินมาใช้จ่ายจำนวนมากจึงได้มาปรึกษาพ่อเพื่อหาเงินไปใช้หนี้
“แต่พ่อก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาให้จนเกิดความเครียด ทั้งพ่อทั้งลูกเคยบ่นอยากตาย และพยายามก่อเหตุมาแล้ว แต่ญาติช่วยไว้ทันทั้งคู่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาวขี่รถจักรยานยนต์พาพ่อซ้อนท้ายไปขอยืมเงินญาติ 45,000 บาท ญาติก็ไม่มีให้ยืม จากนั้นทั้งคู่พากันกลับแล้วไปกระโดดน้ำแต่ไม่จม แล้วพากันไปหาญาติอีกคนปรับทุกข์ว่าไม่อยากอยู่แล้ว จนกระทั่งมีชาวบ้านมาพบศพทั้งคู่”
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำศพส่งรพ. พร้อมสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนให้ครอบครัวรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ด่วน!!! สรุปยังไม่พร้อม! สธ.ย้ำชัดๆ ‘หมอพร้อม’ ไม่เปิดลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนทุกกลุ่มทุกวัย
https://www.dailynews.co.th/news/124742/
สธ. ย้ำ “หมอพร้อม” ไม่มีการลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนทุกกลุ่มวัย
เมื่อวันที่ 4 ส.ค.เวลา 16.30 น. นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่ามีการเปิดลงทะเบียนรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ว่า ระบบหมอพร้อมยังไม่มีการเปิดให้ลงทะเบียนให้มารับวัคซีนทุกกลุ่มวัย แต่เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทางระบบมีการอัพเกรด แล้วมีการเปิดระบบบางอย่างค้างไว้ ทำให้มีคนเข้ามาลงทะเบียน ในส่วนนั้นเราก็ได้ทำการปิดระบบและขอโทษประชาชนไปแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ (4 ส.ค.) ยังมีคนลงทะเบียนได้ และเป็นกลุ่มเด็กด้วย จะทำอย่างไร นพ.โสภณ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการเปิดให้แอดชื่อ รายละเอียดของคนในครอบครัวที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเท่านั้น ไม่ใช่การเปิดจองคิวฉีดวัคซีน ขอย้ำว่าไลน์ “หมอพร้อม” ไม่มีการเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อจองคิวฉีดวัคซีน แต่อย่างใด กรณีที่ประชาชนจะลงทะเบียนฉีดวัคซีน ขอให้ติดตามประกาศจากทางจังหวัดที่ท่านอยู่ว่าให้ลงทะเบียนผ่านทางช่องทางใดบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา, ซิโนแวค, ซิโนฟาร์ม และไฟเซอร์ ซึ่งวัคซีนแอสตราฯ, ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม จะฉีดในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีเพียงวัคซีนไฟเซอร์เท่านั้นที่สามารถฉีดให้กับผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปี ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม มติที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีมติเรื่องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ใน 4 กลุ่ม โดย 1 ใน 4 กลุ่มนั้น มีการฉีดในกลุ่ม 12 ปีขึ้นไปด้วย แต่ต้องเป็นเด็ก 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง