ในที่สุดก็แยกทางกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่ง 5 ปัจจัยที่ "ลุงโน๊ะ" ไม่ได้ไปต่อ...น่าจะเพราะ
1.นักเตะไทยหมดความเชื่อมั่นโค้ชหรือไม่ (ตามภาพ คือ สู้กันเองล่ะ)
แม้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในแคมป์ที่ยูเออี จนทำให้ทีมชาติไทยผลงานย่ำแย่เก็บได้แค่ 1 แต้ม จากสามนั้น ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกที่ยูเออี แต่จากภาพที่ปรากฏในนัดสุดท้าย กับมาเลเซีย ช่วงนาทีที่ 75 ในระหว่างกล้องทีวี จับไปที่กลุ่มนักเตะไทย ปรากฏภาพในขณะที่ลุงโน๊ะ พยายามสื่อสานเพื่อแก้เกม แต่กลับไม่มีนักเตะคนไหนสนใจสิ่งที่โค้ชพยามจะสื่อสารผ่านล่ามที่อยู่อยู่ข้างๆ แต่กลับเป็นการล้อมวงคุยกันเอง แก้เกมกันเองเหมือนโค้ชไม่มีตัวตน
2.ปัญหาล่ามเด็กเส้น
ประเด็นนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะทีมชาติไทยกับคำว่า “เด็กเส้น” หรือ “ลูกรัก” จะถูกพูดถึงทุกครั้งที่ล้มเหลว แต่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับนักเตะแต่เป็นล่าม ที่เฮดโค้ชเลือกเอง ซึ่งถือเรื่องใหญ่ที่ลุงโน๊ะ ต้องรับผิดชอบและตอบให้ได้เพราะอะไร ในขณะเดียวกันก็ต้องวัดใจสมาคมฯ ว่าจะเอายังไงต่อ เพราะเรื่องนี้เสียหายมาก เพราะถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักเตะเล่นไปคนละทิศคนละทางอย่างที่เห็น
3.ลุงโน๊ะ ทำงานมาเกือบ 2 ปี แต่กลับบ้านบ่อย จนขาดความสัมพันธ์ที่ดีต่อเนื่องกับนักเตะไทย
แทบทุกครั้งที่จบรายการแข่งขัน หรือ ไม่มีรายการแข่งขัน ลุงโน๊ะ จะบินกลับญี่ปุ่นทันที และจะกลับมาเฉพาะช่วงใก้ลๆ เข้าแคมป์ เดินทางไปดูนักเตะที่สนามนั้นสนามนี้ ก่อนเข้าแคมป์ ซึ่งแทบไม่มีภาพช่วงเวลาที่เข้าไปใกล้ชิดหรือเป็นกันเองกับนักเตะปรากฏเลย สิ่งเหล่านี้นานวันขึ้นทำให้ลุงโน๊ะ ห่างเหินและไม่ได้ใจนักเตะในท้ายที่สุด
4.ความคุ้มค่า ระยะเวลาที่ทำงาน กับ ค่าเหนื่อยที่ได้รับ
การลากลับบ้านค่อนข้างบ่อยและกินเวลานาน ถือเป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยที่แฟนบอลอยากรู้คำตอบ ว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ ในเมื่อรับเงินเดือนสูงขนาดนี้แต่ไม่อยู่ทำงานเลย สุดท้ายผลงานก็เป็นคำตอบ คือ ล้มเหลว และไม่คุ้มที่ฟุตบอลไทยจะมาเสียเวลา และเสียเงิน เช่นนี้
5. ลุงโน๊ะบอกเป้าหมายคือบอลโลก 2026 แต่ทำงานแบบเอาแต่กลับบ้านแล้วจะไปยังไง
ที่ผ่านมา ถือว่า สมาคมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อซับพอร์ตลุงโน๊ะ ไม่ต่างกับชายหนุ่มหลงแฟนสาว อยากได้อะไรหามาให้หมด แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเพราะสาวเจ้าเอาแต่หนีกลับบ้านลูกเดียว ให้ยื้อต่อไปแล้วผลลัพธ์มันจะไปต่างอะไรกับบอลโลกครั้งที่ผ่านมาละ สมาคมตัดสินใจถูกแล้วที่ยุติสัญญาครั้งนี้ แล้วเริ่มต้นใหม่กัยคนที่จริงใจกับฟุตบอลไทยดีกว่า
ฟุตบอลไทย...เริ่มต้นใหม่กับคนที่จริงใจดีกว่า..?
1.นักเตะไทยหมดความเชื่อมั่นโค้ชหรือไม่ (ตามภาพ คือ สู้กันเองล่ะ)
แม้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในแคมป์ที่ยูเออี จนทำให้ทีมชาติไทยผลงานย่ำแย่เก็บได้แค่ 1 แต้ม จากสามนั้น ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกที่ยูเออี แต่จากภาพที่ปรากฏในนัดสุดท้าย กับมาเลเซีย ช่วงนาทีที่ 75 ในระหว่างกล้องทีวี จับไปที่กลุ่มนักเตะไทย ปรากฏภาพในขณะที่ลุงโน๊ะ พยายามสื่อสานเพื่อแก้เกม แต่กลับไม่มีนักเตะคนไหนสนใจสิ่งที่โค้ชพยามจะสื่อสารผ่านล่ามที่อยู่อยู่ข้างๆ แต่กลับเป็นการล้อมวงคุยกันเอง แก้เกมกันเองเหมือนโค้ชไม่มีตัวตน
2.ปัญหาล่ามเด็กเส้น
ประเด็นนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะทีมชาติไทยกับคำว่า “เด็กเส้น” หรือ “ลูกรัก” จะถูกพูดถึงทุกครั้งที่ล้มเหลว แต่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับนักเตะแต่เป็นล่าม ที่เฮดโค้ชเลือกเอง ซึ่งถือเรื่องใหญ่ที่ลุงโน๊ะ ต้องรับผิดชอบและตอบให้ได้เพราะอะไร ในขณะเดียวกันก็ต้องวัดใจสมาคมฯ ว่าจะเอายังไงต่อ เพราะเรื่องนี้เสียหายมาก เพราะถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักเตะเล่นไปคนละทิศคนละทางอย่างที่เห็น
3.ลุงโน๊ะ ทำงานมาเกือบ 2 ปี แต่กลับบ้านบ่อย จนขาดความสัมพันธ์ที่ดีต่อเนื่องกับนักเตะไทย
แทบทุกครั้งที่จบรายการแข่งขัน หรือ ไม่มีรายการแข่งขัน ลุงโน๊ะ จะบินกลับญี่ปุ่นทันที และจะกลับมาเฉพาะช่วงใก้ลๆ เข้าแคมป์ เดินทางไปดูนักเตะที่สนามนั้นสนามนี้ ก่อนเข้าแคมป์ ซึ่งแทบไม่มีภาพช่วงเวลาที่เข้าไปใกล้ชิดหรือเป็นกันเองกับนักเตะปรากฏเลย สิ่งเหล่านี้นานวันขึ้นทำให้ลุงโน๊ะ ห่างเหินและไม่ได้ใจนักเตะในท้ายที่สุด
4.ความคุ้มค่า ระยะเวลาที่ทำงาน กับ ค่าเหนื่อยที่ได้รับ
การลากลับบ้านค่อนข้างบ่อยและกินเวลานาน ถือเป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยที่แฟนบอลอยากรู้คำตอบ ว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ ในเมื่อรับเงินเดือนสูงขนาดนี้แต่ไม่อยู่ทำงานเลย สุดท้ายผลงานก็เป็นคำตอบ คือ ล้มเหลว และไม่คุ้มที่ฟุตบอลไทยจะมาเสียเวลา และเสียเงิน เช่นนี้
5. ลุงโน๊ะบอกเป้าหมายคือบอลโลก 2026 แต่ทำงานแบบเอาแต่กลับบ้านแล้วจะไปยังไง
ที่ผ่านมา ถือว่า สมาคมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อซับพอร์ตลุงโน๊ะ ไม่ต่างกับชายหนุ่มหลงแฟนสาว อยากได้อะไรหามาให้หมด แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเพราะสาวเจ้าเอาแต่หนีกลับบ้านลูกเดียว ให้ยื้อต่อไปแล้วผลลัพธ์มันจะไปต่างอะไรกับบอลโลกครั้งที่ผ่านมาละ สมาคมตัดสินใจถูกแล้วที่ยุติสัญญาครั้งนี้ แล้วเริ่มต้นใหม่กัยคนที่จริงใจกับฟุตบอลไทยดีกว่า