JJNY : สหรัฐฯชี้วัคซีนที่ได้ คนไทยต้องตรวจสอบ│อาลัย‘พ่ออาสาฯ’│แท็กซี่ติดโควิดกักตัวในรถจนทรุด│ส.แท็กซี่วอนพักหนี้เยียวยา

สหรัฐฯ ชี้ รัฐต้องจัดการวัคซีน ที่ได้มา คนไทยต้องตรวจสอบ ตอบปมคุมเสรีภาพสื่อ 
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6536965
 
 
อุปทูต สหรัฐฯ ไมเคิล ฮีธ แถลงข่าวหลังการรับมอบ ไฟเซอร์ ชี้ รัฐต้องจัดการ และรับผิดชอบ วัคซีน ที่ได้มา คนไทยต้องตรวจสอบ ตอบปมรัฐบาลไทยคุมเสรีภาพสื่อ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อเช้านี้ (30 ก.ค.) วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดสที่ สหรัฐอเมริกาบริจาค ให้ไทย เดินทางมาถึงและส่งเข้าเก็บคลังจัดเก็บวัคซีนแล้ว โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข เป็นคนไปรับวัคซีนเอง
 
จากนั้นได้ถูกเคลื่อนย้ายไปเก็บในคลังเก็บวัคซีน ที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส เพราะวัคซีนไฟเซอร์ต้องผสมการฉีดร่วมกับน้ำเกลือ เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเข้มข้น 1 ขวด ฉีดได้ 6 คน และเมื่อกระจายไปจุดฉีดจะเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้วัคซีนมีอายุสั้นลง จึงต้องเร่งฉีดภายใน 4 สัปดาห์ ทั้งนี้ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ระบุว่า สหรัฐจะส่งวัคซีนมาให้ไทยอีก 1 ล้านโดส และย้ำว่า สหรัฐจะยังคงอยู่เคียงข้างประเทศไทยต่อสู้กับโควิด-19
 
ต่อมา หลังการรับมอบ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ไมเคิล ฮีธ แถลงข่าวหลังการรับมอบ โดยตอบคำถามถึงประเด็นความห่วงใยในการนำวัคซีนที่มอบให้ไปใช้ผิดเจตนารมย์ โดยเชื่อว่านี่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย เราไม่มีบทบาทอะไรในการไปควบคุมหลังการส่งมอบ พร้อมบอกว่าคนไทยต้องตรวจสอบกรณีต่อไปกันเอง
 
อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ยังเปิดเผยต่ออีกว่า ส่วนวัคซีนอีก 1 ล้านโดส ที่ทางการสหรัฐจะบริจาคให้กับประเทศไทยนั้น ยังไม่ระบุยี่ห้อ ไมรู้ว่าถึงเร็วสุดเมื่อไหร่ แต่ยืนยันว่า เป็นวัคซีนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาผลักดันอย่างหนัก เพื่อให้ได้จำนวนวัคซีน ที่จะบริจาคเพิ่มให้กับทางการไทย เพราะสถานการณ์ในไทยอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างมาก ในแง่ของการระบาด ทั้งนี้ ในอนาคต วัคซีนจากสหรัฐฯ จะมีการผลิตในประเทศอื่นๆอีกด้วย โดยขณะนี้ ประชากรประมาณ 50% ของสหรัฐ ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ยังต้องโน้มน้าวคนที่เหลือเพิ่ม เช่น ทาง ปธน.โจ ไบเดน มีการเรียกร้องให้บางรัฐในประเทศ มีการเพิ่มแรงจูงใจ โดยการมอบเงินจำนวน 100 เหรียญฯ ให้แก่คนที่มาฉีดวัคซีนใหม่ เป็นต้น
 
สำหรับกรณี ที่ประเทศไทย โดยรัฐบาล มีการออกคำสั่ง และใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะดำเนินคดีกับสื่อมวลชน คนดัง หรือแม้กระทั่ง บุคคลทั่วไปอย่างเข้มข้นและเด็ดขาด หากเผยแพร่ในสิ่งที่รัฐบาลเข้าใจว่าเป็นข่าวปลอม หรือทำให้ประชาชนตื่นตระหนก อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ก็ได้ตอบคำถามต่อกรณีนี้ โดยระบุว่า 
 
“สหรัฐฯ สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล (ของสหรัฐฯ) แม้บางครั้งอาจจะไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่เราสนับสนุนเสรีภาพการแสดงออกอยู่เสมอ”
 

 
อาลัย ‘พ่ออาสาฯ’ เพจ ‘เส้นด้าย’ ติดโควิดจากเพื่อนสนิทดับ ยกย่องช่วยคนจนนาทีสุดท้าย
https://www.dailynews.co.th/news/107016/
 
เพจ " เส้นด้าย " โพสต์ข่าวเศร้า อาสาสมัครกำลังหลักสูญเสียคุณพ่อจากโควิด โดยติดจากเพื่อนสนิทที่เดินทางมาหาถึงบ้าน ก่อนยกย่องวีรกรรม แม้ตัวอยู่ไอซียู แต่ยังปันนํ้าใจช่วยเหลือผู้ป่วยเตียงข้างๆ ที่ยากจน

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. เพจ ” เส้นด้าย – Zendai ” ซึ่งเปิดให้ความช่วยเหลือประชาชนในการหาสถานที่พยาบาล เพื่อรักษาอาการโควิด-19 ได้โพสต์แจ้งข่าวเศร้า จากการสูญเสียบิดาของอาสาสมัครกำลังหลักของเพจ เส้นด้าย เนื่องจากติดโควิดจากเพื่อนสนิทที่เดินทางมาหาถึงบ้าน โดยระบุว่า 
 
คุณพ่อธงชัย สงค์ประชา จากไปอย่างสงบเมื่อวานนี้ เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 จากเพื่อนสนิทที่มาหาบ้าน คุณพ่อธงชัยเป็นคุณพ่อของน้องแยม ซึ่งเป็นกำลังหลักของอาสาที่ทำ #ครัวเส้นด้าย นี่คือการสูญเสียครั้งที่ 2 ของ #เส้นด้าย
 
คุณพ่อธงชัยเป็นคนใจบุญ คุณพ่อช่วยทั้งงานทั้งกำลังทรัพย์ให้รพ.ที่จังหวัดเพชรบูรณ์มาโดยตลอด ขนาดเข็มฉีดยาเบอร์ 27 ที่ใช้ฉีดวัคซีนหมดทุกที่ หาไม่ได้ คุณพ่อยังช่วยจัดหามาให้จนได้ วันสุดท้ายที่คุณพ่อนอนไอซียู ยังให้พยาบาลซื้อแพมเพิสมาเผื่อให้ผู้ป่วยเตียงข้างๆที่ยากจน ขอให้คุณพ่อหลับให้สบายสู่สุขคติ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวสงค์ประชา เป็นกำลังใจให้กับน้องแยมคนเก่งนะคะ
 
ทั้งนี้หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความไว้อาลัยจากการสูญเสียในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก.
 
ขอบคุณเพจ ” เส้นด้าย – Zendai “
 
https://www.facebook.com/zendai.org/posts/148646654051023

 
โชเฟอร์แท็กซี่ติดโควิด ไม่กล้าเข้าบ้าน กักตัวในรถ-ค่ำไหนนอนนั่น จนอาการทรุดอยู่ใต้ทางด่วน
https://www.sanook.com/news/8418474/

วานนี้(29 ก.ค.) เมื่อเวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู กรุงเทพมหานคร หลังมีพลเมืองดีแจ้งว่ามีคนขับแท็กซี่ขอความช่วยเหลือ โดยจอดรถอยู่บริเวณใต้ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ใกล้แยกเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ ฝั่งมุ่งหน้าห้าแยกปากเกร็ด ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยคนขับมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ประสานขอรถกู้ชีพ รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด เข้าช่วยเหลือ
 
ที่เกิดเหตุพบรถแท็กซี่จอดชิดขอบทางด้านซ้าย ท้ายรถติดข้อความว่า "งดรับผู้โดยสาร" ทราบชื่อคนขับคือ นายธนโชติ อายุ 52 ปี ที่พักอยู่ย่านคลองสามวา กทม. เจ้าหน้าที่ได้ขอโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวมาโทรติดต่อประสานญาติ จึงได้เห็นข้อความในแอปฯ ไลน์ จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แจ้งว่า ผลการตรวจหาเชื้อ พบว่าติดเชื้อโควิด-19
 
นายธนโชติ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ ตนมีไข้ ตัวร้อน ไอ จึงเดินทางไปตรวจหาเชื้อ ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ใน จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลย ใช้วิธีกักตัวอยู่ในรถแท็กซี่ โดยจะขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ หาบริเวณที่คนไม่พลุกพล่าน จอดนอนพัก ค่ำตรงไหนก็นอนตรงนั้น
 
จนช่วงเย็นวันนี้ทาง รพ.ได้ส่งผลตรวจแจ้งข้อความมาทางไลน์ว่า ติดเชื้อโควิด ซึ่งในวันนี้อาการเริ่มทรุดลง หายใจไม่สะดวก เหนื่อย แน่นหน้าอก จึงพยายามจะขับรถไป รพ.ที่ใกล้ที่สุด แต่เมื่อขับมาถึงบริเวณใต้ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ขับรถต่อไม่ไหว จึงจอดรถข้างทางเพื่อขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับบริเวณนี้
 
จนกระทั่งรถกู้ชีพ รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด แจ้งไปที่ศูนย์ รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด ซึ่งทางศูนย์แจ้งว่าให้ลุงขับรถไปรักษาเอง ที่ รพ.นพรัตน์ ย่านมีนบุรี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต้องเข้าไปช่วยพูดเจรจาขอความช่วยเหลือ เนื่องจากลุงแท็กซี่อาการหนักแล้ว คงเดินทางไปเองไม่ไหว ทางเจ้าหน้าที่ประจำรถจึงตัดสินใจนำคนขับขึ้นรถไปส่ง รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด ต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่