เรื่องที่ 16 "Olympic Motto คติพจน์โอลิมปิก"

กระทู้สนทนา
เพี้ยนฮัลโหลOlympic Motto คติพจน์โอลิมปิกเพี้ยนหลงรัก

คติพจน์โอลิมปิก ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน สัญลักษณ์โอลิมปิก (The Olympic Symbols) ที่สำคัญและมีเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจ กีฬาโอลิมปิก ถือเป็นกีฬาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกจากจะเป็นต้นกำเนิดของกีฬาในหลายๆชนิดแล้วนั้นยังได้ส่งต่อวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ด้านการกีฬาต่างๆ มาสู่ในปัจจุบัน การแข่งขันกีฬาในทุกระดับ ตั้งแต่การแข่งขันระดับชาติจนถึงการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ทุกครั้งจะมีการเชิญธงที่เป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขัน มีการจุดคบเพลิง การวิ่งคบเพลิง ตลอดจนการตั้งคำขวัญสำหรับการแข่งขันกีฬานั้นๆ เมื่อจบการแข่งขันก็มีพิธีดับไฟของการแข่งขันเพื่อแสดงถึงการเสร็จสิ้นการแข่งขัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมและสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนที่สุดคือ เป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมทางการกีฬา ที่ได้เริ่มไว้เมื่อ 776 ปีก่อนคริสตกาลในกีฬาโอลิมปิกโบราณ และเป็นรูปแบบที่ได้รับการยอมรับและมีแบบแผนเริ่มต้นเมื่อครั้งการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ครั้งแรก ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และได้ยึดถือเป็นตัวอย่างของการจัดการแข่งขันกีฬามาจนถึงทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 29 ณ กรุงปักกิ่ง 2008 ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการตั้งคำขวัญของการแข่งขันเช่น หนึ่งโลก หนึ่งความฝัน (One World One Dream) การวิ่งคบเพลิงที่มีการจุดไฟจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาโอลิมเปีย และวิ่งคบเพลิงผ่านประเทศต่างๆ จนมาถึงประเทศจีน และมีพิธีการจุดไปโอลิมปิกที่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีเปิดและการดับไปในวันพิธีปิด เหมือนกับในอดีตกาล
หากแต่สัญลักษณ์โอลิมปิกที่ถูกบัญญัติไว้อันเป็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจง ดจึงกล่าวได้ว่าสัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิก (The Olympic Symbols) นั้น หมายถึง ห่วง (Rings), คติพจน์หรือคำขวัญ (Motto or Slogan) และไฟ (Flame) เสมอ (Olympic Charter, 2007) ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึ
เรื่องของ คติพจน์โอลิมปิก ซึ่งมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง คติพจน์ เป็นสิ่งที่บอกถึงความมุ่งมั่นของการแข่งขัน เป็นปรัชญาของชีวิตที่แสดงถึงหลักการประพฤติปฏิบัติเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายของการแข่งขัน คติพจน์หรือคำขวัญของกีฬาโอลิมปิก เป็นคำพูดที่เรียบง่ายเพียง 3 คำ ในภาษาลาติน ซึ่งสามารถสื่อความหมายและเชื่อมโยงความคิดไปสู่อุดมการณ์และการปฏิบัติ นั่นคือคำว่า Citius, Altius, Fortius อ่านออกเสียงในภาษาลาตินว่า ซิเตียส อัลเตียส ฟอร์เตียส หรืออ่านแบบภาษาอังกฤษตามคำสะกด ออกเสียงว่า ซิติอุส อัลติอุส ฟอร์ติอุส ซึ่ง 3 คำนี้มีความหมายที่แสดงถึงโอลิมปิกอย่างชัดเจน โดยมีความหมายว่า เร็วกว่า(Citius), สูงกว่า (Altius),และ แข็งแรงกว่า Fortius) บารอนปิแอร์ เดอร์ คูเบอร์แตงค์ ได้ให้ความหมายถึง คติพจน์ของโอลิมปิก ไว้อย่างน่าสนใจดังนี่
ซิเตียส (Citius) หรือ เร็วกว่า ไม่ได้หมายความว่าต้องวิ่งให้เร็วกว่าเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงความรวดเร็วฉับพลันของประสาททั้งห้า การรับรู้ที่รวดเร็วการตื่นตัวกระฉับกระเฉงทางความรู้สึกนึกคิดด้วย ซึ่งต้องเป็นความเร็วกว่าทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า กีฬานอกจากจะต้องมีการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วแล้วนั้น ความคิดการตัดสินใจก็เป็นสิ่งที่ต้องทำได้รวดเร็วเพื่อความเป็นเลิศเช่นกัน
อัลเตียส (Altius) หรือสูงกว่านอกจากจะหมายถึงการเคลื่อนที่ได้สูงกว่าคนอื่นๆแล้วนั้น ยังหมายถึง การไปสู่เป้าหมายที่สูงกว่า บ่งบอกความมุ่งมั่นพยายามไปสู้จุดหมาย นอกจากนั้นแล้วยังรวมไปถึงการมีศีลธรรมที่สูงส่งของบุคคลด้วย
ฟอร์เตียส (Fortius) หรือแข็งแรงกว่า ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ร่างกายที่แข็งแรงกว่าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงจิตใจที่เข้มแข็งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคฝ่าฝันสู่จุดหมายอีกด้วย
คติพจน์โอลิมปิกนั้นริเริ่มใช้โดย เฮนรี่ ไดดอน (Henri Didon) พระชาวโดมินิกันที่ได้นำแนวคิดนี้ไปสอนให้กับนักเรียนที่เป็นนักกีฬาของเขา ซึ่งเฮนรี่ ไดดอน นั้นเป็นเพื่อนกับ บารอนปิแอร์ เดอร์ คูเบอร์แตงค์ นั่นจึงทำให้ บารอนปิแอร์ เดอร์ คูเบอร์แตงค์บังเกิดความประทับใจ ต่อมาในปี 1894 ได้มีการนำเสนอคติพจน์โอลิมปิกโดยบารอนปิแอร์ เดอร์ คูเบอร์แตงค์ และได้รับความเห็นชอบและได้นำเอาคติพจน์นี้มาใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกด้วย
บารอนปิแอร์ เดอร์ คูเบอร์แตงค์ มีความคิดว่าคติพจน์หรือคำขวัญเหล่านี้ สามารถนำไปใช้ในการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาทั้งหลายได้ และสามารถกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจสำหรับนักกีฬาในระหว่างการแข่งขันให้แสดงออกอย่างสุดความสามารถอีกด้วย คติพจน์นี้มีความหมายเป็นนัยๆว่าการได้เป็นที่ 1 ไม่ได้เป็นความสำคัญอันดับแรก แต่การที่นักกีฬาแต่ละคนต้องแสดงความสามารถให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แสดงถึงความยอดเยี่ยมของแต่ละบุคคลออกมา นั่นคือเป้าหมายที่ทรงคุณค่ามากที่สุดของการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งนักกีฬาทุกคนจะสามารถปฏิบัติสิ่งเหล่านี้ได้ กล่าวได้ว่า คติพจน์โอลิมปิกนั้นจึงเป็นเสมือนสิ่งที่ทำให้เกิดความพยายาม ความอดทนการมีวิริยะอุตสาหะ ซึ่งไม่เพียงต่อนักกีฬาเท่านั้น ทุกคนยังสามารถนำเอาคติพจน์โอลิมปิกมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อีก
แต่ในการแข่งขันโอลิมปิกเกม โตเกียว 2020 ในครั้งนี้นั้น ในพิธีเปิดได้ปรากฏคติพจน์โอลิมปิกต่อสายตาชาวโลกผ่านการแสดงในพิธีเปิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ มีคำที่เพิ่มเข้ามาคือคำว่า Together ด้วยกัน ซึ่งที่มาที่ไปเป็นอย่างไรมาลองติดตามกันนะครับ
ที่มาก็คือ ที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติ (IOC)ครั้งที่ 138 wfhลงมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ .ให้มีการปรับคำขวัญโอลิมปิกใหม่ เป็น “faster, higher, stronger – together” หรือ “เร็วกว่า สูงกว่า แข็งแรงกว่า ด้วยกัน” เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกในยุคปัจจุบัน ที่ความร่วมมือกันเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ และยังเป็นการสะท้อนแนวคิดสำคัญของโอลิมปิกในเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันอีกด้วย
อานนท์ วันลา #ศิษย์เก่าโอลิมเปีย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่