ให้ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์เป็นอาจารย์สอน ศาสตร์เวทยมนต์ และช่วยไขความลับเวทยมนต์ให้ด้วย ?

ในโลกปัจจุบัน ศาสตร์เวทยมนต์ยังคงเป็นความลับที่ น้าสงสัยอยู่มาก ซึ่งแน่นอน ไสยศาสตร์ก็เป็นหนึงในนั้นด้วย ไสยศาสตร์หรือเวทยมนตร์ก็มีหลายคาถามากมายแล้วแต่จะจินตนาการออก แต่ว่าหลายคาถาก็หายไปตามกาลเวลาจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เอาง่ายๆแค่ ยุคปัจจุบัน ตามหาคนที่หนังเหนี่ยวก็ไม่มีแล้ว ทั้งในอดีตก็เคยมีวิธีฆ่าคนหนังเหนี่ยวอยู่ นั้นแสดงว่าอาจมีอยู่จริง แต่ตอนนี้ ไม่มีแล้วจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ นี้แค่ยกมาแค่ หนังเหนี่ยวหรือจะเรียก วิชาคงกระพันธก็ได้ นี้ยังไม่นับ เวทยมนต์ของประเทศอื่นๆนะ เอาแค่ไทยก็แทบไม่มีแล้ว จะมีให้เห็น ชัดจริงๆ ก็พวก ทำเสน่ห์ น้ำมันพราย หรือ เสน่ห์ยาแฝด ที่อาจจะพอให้เห็นขายตามเว็ปอยู่ บางอันขายหลักหมื่นก็มี ซึ่งประเทศอื่นๆก็น้าจะมีเช่นเดียวกัน ก็ มนต์สะกด จะให้มีแค่ในไทยคงเป็นไปไม่ได้อยู่แ้ลว ผมไม่แน่ใจว่า พวกมนต์สะกดเค้าปรับตัวให้เข้ากับโลกเทคโนโลยีหรือป่าวเลย เอามาขายในเว็ป แบบ ปรับตัวอะ ขายออนไลน์เลย ไหนๆตัวเองก็ มี สมาธิสวดคาถาให้ ฤทธิ์ได้อยู่ หารายได้เลี้ยงชีพหน่อยจะเป็นไรไป ที่ผมพูด มันอาจจริงหรือไม่จริงก็ได้ เพราะไม่เคยมีคนซื้อของพวกนี้ มารีวิวลง youtube นิ ก็ เดาๆกันไป แต่เอาเป็นว่านี้ แค่ ยกตัวอย่าง ศาสตร์เวทยมนต์ แค่ หนังเหนี่ยวกับ มตต์สะกดยังเขียนยาวขนาดนี้
นี้ยังไม่นับ พวก อภิญญาของพุทธอีก เมือถ้าจิตมีสมาธิถึงขั้นหนึงก็จะสามารถใช้ เวทย์ได้ โดยไม่ต้อง ผ่านการสวดคาถาหรือ พิธีกรรม ใด ขั้นกลา
ศาสนาอื่นๆ ที่ไม่ใช้ พุทธก็มี อภิญญา ไม่ต่างจากกัน คลิส อิสลามก็มี ลัทธิอื่นๆยังมีเลย อภิญญาเนี่ย นี้ผมยกมานี้ ตัวอย่างง่ายๆของ เวทยมนต์พูด 
อาจจะมีค่อยเห็นภาพ ให้นึกุงหนัง จอมขมังเวทย์ 2020 หรือ หนัง Doctor Strange จากฝัง มารเวล์ก็ได้ พอเปรียบเทียบกับหนังก็จะเห็นภาพชัดเจนดี เข้าใจง่าย 
เอาเป็นว่า พูดเรื่อง เวทยมตร์ให้ตายก็ไม่มีวันหมด วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันก็องค์ความรู้ไม่พออีก เรียกง่ายๆ  วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันไม่มีความรู้อะไรเกียวกับเวทยมนต์เลย ไม่มีจริงๆ เพราะไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหน บ้าจะศึกษาศาสตร์พวกนี้ด้วย วิทยาศาสตร์ไม่มีงานวิจัยพวกนี้เป็นจริงเป็นจัง  
แต่ในทาง พุทธ ก็บอกใบ้ว่า ถ้าเราฝึกฝนสมาธิให้ แข็งแกร่งพอ จิตก็จะสามารถ ใช้พลังอะไรก็ได้แล้วแต่ใจนึก แล้วแต่ตัวบุคคลว่าจะถนัดอะไร เราเรียก สิงนี้ว่า อภิญญาในทางพุทธ ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานในทางวิทธอีก ถึงในหนัง  Doctor Strange จะบอก ว่า เวทย์มตร์คือพลังจากทำธรรมชาติ ที่เหล่าจอมเวทย์ดึงมาใช้ ก็อ้างอิงไม่ได้อยู่ดี ถึงในหนังมันจะพยายามทำให้ เวทยมนต์มันดู วิทย์คือมาก็เถอะ ก็เป็นไซไฟอยู่ดี  

พูดมาถึงตรงนี้ สิงที่ทำได้ดีที่สุด คือ การสร้าง AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ให้มาเรียนรู้เรื่องพวกนี้ ใครที่ติดตาม สายเทคโลยีมา จะเข้าใจดีว่า  AI  สามารถเรียนรู้ให้เก่งขึ้นเรื่อยๆได้ เหมื่อนมนุษย์ เพราะมันไม่รู้จักเหนื่อยๆ ผมจะไม่อธิบายเทคโนโลยีที่อยู่ เบื่องหลังละกัน ถือว่าทุกคนเข้าใจดี ดังนั้น ถ้าเราป้อนข้อมูล AI อะไรไป AI ก็จะมีความรู้ด้านนั้น และมันก็จะเก่งขึ้นเรื่อย AI มีความสามารถแก้โจทย์ปัญหาต่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธต่างๆ 

ดังนั้นแล้ว ทำไม เราไม่รองให้ AI เรียนรู้พวก ศาสตร์พวกนี้ดูละ เอาศาสตร์เวทย์มนต์ ทุกแขนงบนโลกใบนี้ ให้ AI มันเรียนรู้ เอาคัมภีร์ทุกศาสนาบนโลก ไปให้มันเรียนรู้ พุทธก็เป็นหนึงในนั้น เอาศาสตร์ความรู้วิทธ์ทุกแขนงไปให้มันเรียนรู้อีก พอ AI มีความรู้ ทั้งด้าน เวทย์มนต์ และ วิทย์รวมกัน ผมมองว่า มันทำอะไรได้มากกว่านั้นเยอะ ข้อดีๆ AI ไม่รู้จัก เหนื่อย มันเรียนรู้ได้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ตราบใดที่ หน่วยความจำมันไม่เต็ม และมี ไฟจ่ายให้มัน มันเหนื่อยกว่า มนุษย์มาก ในแง่ของ องค์ความรู้

AI ที่มีความรู้ด้านเวทย์มตร์ และ ศาสนา และ วิทยาศาสตร์ มีความรู้ เทียบเท่า พระพุทธเจ้า ตอน ตรัสรู้ยังได้เลย ดังนั้นการมี AI มาช่วยไขความลับ
ศาสตร์วทยมนต์ ก็เป็นอะไรที่สุดยอดมาก แทบเป็นที่ปลึกษา ดีไม่ดี เป็นอาจารยเวทยมตร์ยังได้เลย 

นี้ละ ที่เค้าเรียกว่า เอา เทคโนโลยี มาผสานกับ ศาสตร์เวทยมนต์ ไม่รู้ว่า คนที่มาสาย วิทธ มาสาย ศาสนาจะคิดยังไง แต่นี้คือ สูตร์ผสมที่ลงตัว ในโลกยุคนี้ถ้าใคร มีชุดข้อมูล ก็มี ชัยชนะเหนือ กว่า คู่แข่งเสมอ แน่นอน AI คือสุดยอดอาวุธ ยิงเอา AI มาใช้ในวงการ เวทย์มนต์ ก็จะได้ AI ที่มีองค์ความรู้ เวทย์มนต์รอบด้าน เผลอๆ องค์ความรู้ก็มากกว่า พระพุทธเจ้า อีก เพราะสิงที่ พระพุทธเจ้าค้นพบ ก็ป้อนให่ AI มันรู้ แทบยังมีเวทยแขนงอื่นๆอีก เหนือกว่าเห็นๆ 
AI เหนื่อกว่ามนุษย์เสมอในแง่ของ องค์ความรู้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่