จากสถานการณ์ระบาดโควิด19 ที่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ดีขึ้นเลย ตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จำนวนผู้เสียชีวิตก็มีเพิ่มมากขึ้น คนนอนรอเตียงเพื่อจะเข้ารับการรักษาก็ยังมีอีกมากมาย วัคซีนก็ยังเลื่อนเวลาส่งมอบ ส่วนที่มีอยู่ก็แทบจะใช้ไม่ได้ผลกับโควิดสายพันธุ์ใหม่ เรียกได้ว่าข่าวรอบตัวนั้นแทบจะไม่มีอะไรที่ดูน่าจรรโลงใจ

เรื่องเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนไม่ต้องพูดถึง มาตรการที่ออกมานั้นถึงแม้ว่ายังไม่เรียกว่ายาแรง แต่ก็มีความแรงอยู่ไม่เบา เพราะหลายร้าน หลายแห่งถูกปิดๆ เปิดๆ มาโดยตลอด  จนหลายๆ กลุ่มทนไม่ไหวมีการรวมตัวร้องเรียนกับรัฐบาลก็มีให้เห็นกันอยู่อย่างไม่ขาดสาย มีการเรียกร้องกันที ก็เยียวยากันที องค์ประกอบโดยรวมที่เกิดขึ้นไม่อยากจะบอกว่าประเทศขับเคลื่อนด้วยคอมเมนต์ของประชาชน แต่สิ่งที่ออกมาก็ดูช่างพอเหมาะพอเจาะ
 
          เมื่อพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจปากท้องไปแล้ว ก็ต้องพูดถึงเศรษฐกิจระดับประเทศกันบ้าง อย่างที่ทราบกันว่าไทยต้องพึ่งพาการส่งออกและท่องเที่ยว มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเร่งเปิดประเทศ หลังจากที่ผ่านการประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วันไปแล้ว ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวนำร่องภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ถึงแม้ว่าระหว่างทางก็จะพบข่าวติดเชื้อของนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวขอกลับประเทศ การระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ต แต่นายกท่องเที่ยวภูเก็ตก็ยังออกมาบอกว่า ที่ผ่านมา 15 วัน สอบผ่าน และมั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้น อ่านข่าวแล้วก็ใจชื้นขึ้นมา ภาวนาให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วง 

          แต่เมื่อหันมามองอีกมุมหนึ่งนักท่องเที่ยวจะกล้าเข้ามาเที่ยวในไทยเพิ่มเติมได้อย่างไร ถ้าสถานการณ์ในประเทศยังคงเป็นแบบนี้อยู่ ประเทศไทยไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ดังนั้นอย่าให้นักท่องเที่ยวต้องเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้เลย วัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ คือหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาทั้งหมดทั้งมวล รีบจัดหามาเถอะตอนนี้ใครๆ ก็อยากจะฉีด เสียตังค์เองก็ยอม แต่ “ไม่มีวัคซีน” 
อย่าช้ากันอีกเลย ไวรัสยังรู้จักปรับตัวแล้วเมื่อไหร่ รัฐจะปรับตัวให้ว่องไวเท่าทันโลกบ้างหละท่าน