ONEPLUS เองนั้นเรียกได้ว่าลุยตลาดในรุ่นเล็กๆ รุ่นกลางแบบต่อเนื่องเลยแน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะรอ เรือธงแต่ก็ต้องเข้าใจว่าในระดับนั้นมันมีเรื่องของการขาดแคลนชิพกันทั่วโลกเท่าไรส่งผลด้วยเช่นกัน ทางค่ายเลยเน้นรุ่นที่ของพร้อมและนำเข้ากันมาก่อนแบบด่วนๆเลยสำหรับ NORD CE 5G ที่พึ่งเปิดตัวในตลาดโลกไปไม่นานครับ รุ่นนี้ถือว่ามาพร้อมกับสเปคที่สูงกว่า N10 และ ทำราคาต่ำกว่า NORD รุ่นแรกทำให้มันค่อนข้างจับต้องได้ง่าย และ ราคาไม่แรง รวมถึงใช้งานหน้าจออะไรต่างๆนั้นจัดเต็มไม่แพ้กัน มาพร้อมกับ Snapdragon 750G และใช้งาน 90Hz หน้าจอแบบ AMOLED รวมถึง ชาร์จไว 30W ก็ถือว่าสเปคเองนั้นมาพร้อมใช้งานเหลือๆทั้ง หน้าจอ แบต ต่างๆด้วยเช่นกัน และในไทยก็ทำราคาเริ่มต้น ในเรทราคาหมื่นต้นๆทำให้เป็นรุ่นท่ีน่าสนใจและรองรับ 5G ได้ดีอีกรุ่นจากทาง 1+
ONEPLUS NORD CE 5G นั้นมาพร้อมกับสเปคหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้วที่มีรีเฟรชเรท 90Hz และมีกล้องหน้าความละเอียด 16MP อยู่ในรอยบากที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ ภายในตัวเครื่องใช้ชิบ Snapdragon 750G ที่มาพร้อมโมเด็ม X52 5G ของ Snapdragon ที่รองรับเครือข่าย 5G ทั้งแบบ SA และ NSA นอกจากนี้ยังใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11 ที่ถูกสัญญาว่าจะมีการอัพเดทซอร์ฟแวร์ในอีก 2 ปีข้างหน้า และอัพเดทแพทช์ความปลอดภัยในอีก 3 ปีข้างหน้าส่วนกล้องหลังจำนวน 3 ตัวประกอบด้วยกล้องตัวหลัก 64MP + กล้อง ultra-wide 8MP + กล้องโมโน 2MP อย่างไรก็ดีตัวเครื่องของ Nord CE 5G ไม่มีแถบเลื่อนด้านข้างสำหรับสลับโหทดการแจ้งเตือนเหมือนใน Nord รุ่นปกติ แต่มันได้นำช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. ตัวเครื่องยังมีความหนา 7.9มม. และมีน้ำหนักเพียง 170 กรัม ทำให้มันเป็นสสมาร์ตโฟน OnePlus ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดนับตั้งแต่ OnePlus 6T แต่ถึงกระนั้น OnePlus Nord CE 5G มีแบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ที่รองรับการชาร์จเร็วแบบ Warp Charge 30T Plus ซึ่งสามารถชาร์จแบต 0-70% ได้ในเวลา 30 นาที ถือว่าสเปคภาพรวมนั้นทำได้ลงตัว
PRICE : OnePlus Nord CE 5G
- RAM 8+128GB – 12,990 บาท มี 2 สีฟ้า Blue Void และสีดำ Charcoal Ink
- RAM 12+256GB – 15,990 บาท มีเฉพาะสีดำ Charcoal Ink
UNBOX
กล่องทางด้าน Oneplus Nord CE นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก NORD รุ่นแรกเท่าไรรวมถึงโทนงานออกแบบทั้งหมด และตัวสายชาร์จนั้นยังคงเป็นสีแดงอยู่ครับ ซึ่งอุปกรณ์ในกล่องเองนั้นจะเหมือนกับตัว NORD เลยนั้นเอง ส่วนทางด้านฟิล์ม และ เคสนั้นมีมาให้เรียบร้อย และคุณภาพใช้ได้ครับ รวมถึงสติกเกอร์ และ ที่ชาร์จ 30W
รุ่นนี้เราจะไม่ได้เห็น Welcome Letter แล้วในรุ่นนี้ แต่ก็ยังคงให้สติกเกอร์ NORD มาให้อยู่ครับเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ก็ได้เช่นกัน รวมถึง ที่ชาร์จให้มาแบบ หัวกลม รองรับการชาร์จ Warpcharge 30TPlus รองรับสูงสุด 30W นั้นเอง และทางด้านสายชาร์จยังคงเป็นแบบ USB-A ไป USB-C เหมือนรุ่นก่อนๆยังไม่ปรับเป็น USB-C คู่
มาที่ตัวเคสเป็นหน้าตาเดียวกับรุ่น NORD ก่อนหน้าเลยครับในแง่ของการออกแบบเล่นลวดลายข้างหลัง สีด้าน ตัดสลับกับสีแบบใส ถือว่าไม่ค่อยเห็นเคสแถมมีงานออกแบบพวกนี้เท่าไร แต่ชอบที่มันปกป้องเครื่องได้ดีมากๆทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดี มีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไปจะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์ และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ ซึ่งเคสปกติทั่วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมาแบบนี้อันนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ เหมือนเคสแถมเรือธงค่ายอื่นๆเลยแหละ มีเขียน Oneplus ด้วยเช่นกัน
DESIGN
งานออกแบบเองนั้นไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนๆเท่าไรนักและมาพร้อมกับความบาง 7.9 มม. พร้อมกับน้ำหนักรวม 170 กรัมเท่านั้นถือว่าเป็นมือถือที่บางมากๆและบางที่สุดเท่าที่ทำมาก่อนหน้านี้จะเป็นของ Oneplus 6T นั้นเอง และไม่ได้ตัดรู 3.5มม. ออกไปด้วยนะ มาพร้อมกับสี Charcoal Ink และสีฟ้า Blue Void และ วัสดุแบบด้านทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือด้วยเช่นกัน เป็นการออกแบบที่ผสมกันทั้ง วัสดุ สี และ การเคลือบทำให้มีความสวยงาม เล่นกับแสงได้ดีและมีมิติมากๆ พร้อมกับ AG Matte อารมณ์เดียวกับเรือธงของค่ายเช่นกัน พร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว วางแนวตั้งและกล้องหน้าแบบเจาะรูเช่นกัน ถือว่าหน้าตาไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไรนัก มีความเบา บาง และ จัดวางๆได้ดีมากๆ
หน้าจอ เองนั้นมาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายของตัวเครื่อง Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ในความละเอียด (1,080×2,400 พิกเซล) Full HD+, 410 ppi, อัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz เช่นเดิม
ในส่วนมุมซ้ายบนเครื่องนั้นจะเป็นกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง f2.45 ถือว่าแอบแคบพอสมควรครับ และมาเป็นตัวเดียวเท่านั้น ส่วนขอบด้านบนเองนั้นมีความบาง และแทรกลำโพง เซนเซอร์ต่างๆมาครับ แต่น่าเสียดายเป็นลำโพงเดี่ยวเท่านั้นครับในรุ่นนี้ จะออกแค่ด้านล่างเท่านั้น
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นมาพร้อมกับ ความหนาระดับนึง และมีฟิลม์กันรอยติดหน้าจอมาให้เรียบร้อย และ สามารถควบคุมการใช้งานได้แบบ 3 ปุ่ม หรือแบบเต็มหน้าจอได้ด้วยเช่นกัน
ขอบเครื่องในด้านล่างเองนั้น ใช้งาน USB-C มาพร้อมกับ ไมค์ และ ช่องเสียบหูฟัง รวมถึงลำโพงหลักของตัวเครื่อง แน่นอนว่ารุ่นนี้ใช้งานลำโพงเดี่ยวนะครับ แต่การจัดวางอะไรนั้นจะคล้ายๆกับรุ่นอื่นๆของตระกูล NORD เช่นกัน
ในส่วนของขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามี ไมค์ตัดเสียงใส่เข้ามาให้ใช้งานพร้อมกับ ความโค้งมนของฝาหลังอีกทั้งในเรื่องของกล้องนั้นจะนูนขึ้นมาแบบชัดเจน ตัดขอบโค้งมลสวยงามและเล่นปัดเงาเช่นกันถือว่าดูดีระดับนึงเลย
ขอบเครื่องในด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม – ลดเสียง พร้อมกับถาดซิมแบบ Dual Slot นั้นเองไม่ใช่ Triple Slot นะครับ รองรับการเพิ่ม SIM เท่านั้นครับ ส่วนปุ่ม Alert Slider อย่างที่แจ้งไปนั้นไม่มีใส่เข้ามาให้แล้วนั้นเอง
ขอบเครื่องในด้านขวานั้นจะเห็นเป็น Power เปิดปิด พร้อมกับขอบเครื่องแบบเงาแน่นอนว่าไม่ได้ใช้งานอลูมิเนียมอะไรครับ ขอบเครื่องรุ่นนี้จะเป็นพลาสติกทั้งหมด รวมถึงฝาหลังก็เป็นวัสดุแบบพลาสติกด้วยเช่นกัน ขอบกล้องขึ้นมาพอสมควร และไม่มี ALERT SLIDER ใส่เข้ามาเหมือนเดิม ทั้งด้านขวา และ ด้านซ้ายของเครื่อง เสียดายเหมือนกัน
ฝาหลังในรุ่นนี้เป็นสีที่ต้องบอกว่าโดดเด่นอย่างมาก เป็นสีฟ้า Blue Void และ วัสดุแบบด้านทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือด้วยเช่นกัน เป็นการออกแบบที่ผสมกันทั้ง วัสดุ สี และ การเคลือบทำให้มีความสวยงาม และจะมีแค่ในตัว RAM 8 – STORAGE 128 GB เท่านั้น แน่นอนว่าแม้จะไม่ใช่วัสดุกระจกอะไรรวมถึงขอบตัวเครื่องก็เป็นพลาสติกแต่การเก็บงาน ความเบา ความสวยงามนั้นทำออกมาได้เนียนมือและผิวสัมผัสดี การพัฒนาฝาหลังแบบด้านแบบรุ่นเรือธง แต่การใช้งานพลาสติกมาแทนบอกเลยว่าพรีเมี่ยมขึ้นเยอะ ในการทำวัสดุแบบนี้ให้ผิวสัมผัสเหมือนเรือธงรุ่นพี่ได้เลย แต่ได้ความเบามากกว่าชัดเจน และสีนั้นจะออกฟ้าๆเล่นกับแสงได้ดีมากๆจะเห็นขอบสีเงินเข้มๆแทรกเข้ามาเวลาเจอแสง พร้อมกับ โลโก้ตรงกลาง และ กล้องหลังที่วางแนวตั้งไว้มุมเดิม แต่จะเป็น 3 เลนส์หลักเท่านั้น และ มีไฟ LED
กล้องหลังนั้นให้มา 3 ตัว เลนส์หลัก 64MP พร้อมกับรูรับแสง F1.79 เท่านั้นรองรับการถ่าย 4K ได้สบายๆ และมาพร้อมกับเลนส์มุมกว้าง 8MP และ เลนส์โมโน จับระยะใช้งานต่างๆครับ สเปคในการใช้งานนั้น กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.7μm, รองรับ EIS กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP (f/2.25) กล้องโมโน 2MP (f/2.4) ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 30fps, ถ่าย slow motion 1080p ได้ที่ 120fps, 720p ได้ที่ 240fps ก็ถือว่าเป็นกล้องที่ครบมากๆตัวนึง มีเลนส์มุมกว้าง เลนส์หลักพร้อมใช้งาน และโหมดการถ่ายภาพที่ยังคงเด่นและฟีลแบบธรรมชาติ เนียนตา และ มิติภาพสวยเช่นเดิมตามสไตล์ของกล้อง Oneplus เหมือนที่เราเจอกันในหลายๆรุ่น
SPEC
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (1,080×2,400 พิกเซล) Full HD+, 410 ppi, อัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz
- ชิบประมวลผล Snapdragon 750G 8nm
- ใช้การ์ดจอ Adreno 619
- RAM LPDDR4X 6GB/8GB + storage (UFS 2.1) 128GB,
- RAM LPDDR4X 12GB + storage (UFS 2.1) 256GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.7μm, รองรับ EIS กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP (f/2.25) กล้องโมโน 2MP (f/2.4) ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 30fps, ถ่าย slow motion 1080p ได้ที่ 120fps, 720p ได้ที่ 240fps
- กล้องหน้า16MP (f/2.45) เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ IMX471 รองรับ FHD
- ขนาดตัวเครื่อง: 159.2×73.5×7.9มม.; น้ำหนัก: 170 กรัม
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, ลำโพง Super linear
- รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1, GPS/GLONASS/Beidou/NavIC, NFC USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับ Warp Charge 30T Plus
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องตัวนี้พกพาความแรงระดับ Snapdragon 750G 5G พร้อมกับ RAM 8GB และใช้งานหน่วยความจำแบบ UFS 2.1 128GB และทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 389186 คะแนน และ Geekbench ได้ไป 632/1797 รวมถึงหน่วยความจำอ่านเขียนไปได้สูงมากๆ ทำความเร็วไปได้ 947 MB/s และ DRM L1 สำหรับการดู NETFLIX รองรับสูงสุด HD ครับ ถือว่าครบๆในการใช้งาน เล่นเกม ในเรทราคาเท่านี้จัดว่าดี
[SR] รีวิว ONEPLUS NORD CE 5G น้องใหม่ หน้าจอ AMOLED 90Hz พร้อม Snap 750G ในราคา 5,990 บาท!
ONEPLUS เองนั้นเรียกได้ว่าลุยตลาดในรุ่นเล็กๆ รุ่นกลางแบบต่อเนื่องเลยแน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะรอ เรือธงแต่ก็ต้องเข้าใจว่าในระดับนั้นมันมีเรื่องของการขาดแคลนชิพกันทั่วโลกเท่าไรส่งผลด้วยเช่นกัน ทางค่ายเลยเน้นรุ่นที่ของพร้อมและนำเข้ากันมาก่อนแบบด่วนๆเลยสำหรับ NORD CE 5G ที่พึ่งเปิดตัวในตลาดโลกไปไม่นานครับ รุ่นนี้ถือว่ามาพร้อมกับสเปคที่สูงกว่า N10 และ ทำราคาต่ำกว่า NORD รุ่นแรกทำให้มันค่อนข้างจับต้องได้ง่าย และ ราคาไม่แรง รวมถึงใช้งานหน้าจออะไรต่างๆนั้นจัดเต็มไม่แพ้กัน มาพร้อมกับ Snapdragon 750G และใช้งาน 90Hz หน้าจอแบบ AMOLED รวมถึง ชาร์จไว 30W ก็ถือว่าสเปคเองนั้นมาพร้อมใช้งานเหลือๆทั้ง หน้าจอ แบต ต่างๆด้วยเช่นกัน และในไทยก็ทำราคาเริ่มต้น ในเรทราคาหมื่นต้นๆทำให้เป็นรุ่นท่ีน่าสนใจและรองรับ 5G ได้ดีอีกรุ่นจากทาง 1+
ONEPLUS NORD CE 5G นั้นมาพร้อมกับสเปคหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้วที่มีรีเฟรชเรท 90Hz และมีกล้องหน้าความละเอียด 16MP อยู่ในรอยบากที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ ภายในตัวเครื่องใช้ชิบ Snapdragon 750G ที่มาพร้อมโมเด็ม X52 5G ของ Snapdragon ที่รองรับเครือข่าย 5G ทั้งแบบ SA และ NSA นอกจากนี้ยังใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11 ที่ถูกสัญญาว่าจะมีการอัพเดทซอร์ฟแวร์ในอีก 2 ปีข้างหน้า และอัพเดทแพทช์ความปลอดภัยในอีก 3 ปีข้างหน้าส่วนกล้องหลังจำนวน 3 ตัวประกอบด้วยกล้องตัวหลัก 64MP + กล้อง ultra-wide 8MP + กล้องโมโน 2MP อย่างไรก็ดีตัวเครื่องของ Nord CE 5G ไม่มีแถบเลื่อนด้านข้างสำหรับสลับโหทดการแจ้งเตือนเหมือนใน Nord รุ่นปกติ แต่มันได้นำช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. ตัวเครื่องยังมีความหนา 7.9มม. และมีน้ำหนักเพียง 170 กรัม ทำให้มันเป็นสสมาร์ตโฟน OnePlus ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดนับตั้งแต่ OnePlus 6T แต่ถึงกระนั้น OnePlus Nord CE 5G มีแบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ที่รองรับการชาร์จเร็วแบบ Warp Charge 30T Plus ซึ่งสามารถชาร์จแบต 0-70% ได้ในเวลา 30 นาที ถือว่าสเปคภาพรวมนั้นทำได้ลงตัว
PRICE : OnePlus Nord CE 5G
- RAM 8+128GB – 12,990 บาท มี 2 สีฟ้า Blue Void และสีดำ Charcoal Ink
- RAM 12+256GB – 15,990 บาท มีเฉพาะสีดำ Charcoal Ink
UNBOX
กล่องทางด้าน Oneplus Nord CE นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก NORD รุ่นแรกเท่าไรรวมถึงโทนงานออกแบบทั้งหมด และตัวสายชาร์จนั้นยังคงเป็นสีแดงอยู่ครับ ซึ่งอุปกรณ์ในกล่องเองนั้นจะเหมือนกับตัว NORD เลยนั้นเอง ส่วนทางด้านฟิล์ม และ เคสนั้นมีมาให้เรียบร้อย และคุณภาพใช้ได้ครับ รวมถึงสติกเกอร์ และ ที่ชาร์จ 30W
รุ่นนี้เราจะไม่ได้เห็น Welcome Letter แล้วในรุ่นนี้ แต่ก็ยังคงให้สติกเกอร์ NORD มาให้อยู่ครับเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ก็ได้เช่นกัน รวมถึง ที่ชาร์จให้มาแบบ หัวกลม รองรับการชาร์จ Warpcharge 30TPlus รองรับสูงสุด 30W นั้นเอง และทางด้านสายชาร์จยังคงเป็นแบบ USB-A ไป USB-C เหมือนรุ่นก่อนๆยังไม่ปรับเป็น USB-C คู่
มาที่ตัวเคสเป็นหน้าตาเดียวกับรุ่น NORD ก่อนหน้าเลยครับในแง่ของการออกแบบเล่นลวดลายข้างหลัง สีด้าน ตัดสลับกับสีแบบใส ถือว่าไม่ค่อยเห็นเคสแถมมีงานออกแบบพวกนี้เท่าไร แต่ชอบที่มันปกป้องเครื่องได้ดีมากๆทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดี มีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไปจะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์ และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ ซึ่งเคสปกติทั่วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมาแบบนี้อันนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ เหมือนเคสแถมเรือธงค่ายอื่นๆเลยแหละ มีเขียน Oneplus ด้วยเช่นกัน
DESIGN
งานออกแบบเองนั้นไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนๆเท่าไรนักและมาพร้อมกับความบาง 7.9 มม. พร้อมกับน้ำหนักรวม 170 กรัมเท่านั้นถือว่าเป็นมือถือที่บางมากๆและบางที่สุดเท่าที่ทำมาก่อนหน้านี้จะเป็นของ Oneplus 6T นั้นเอง และไม่ได้ตัดรู 3.5มม. ออกไปด้วยนะ มาพร้อมกับสี Charcoal Ink และสีฟ้า Blue Void และ วัสดุแบบด้านทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือด้วยเช่นกัน เป็นการออกแบบที่ผสมกันทั้ง วัสดุ สี และ การเคลือบทำให้มีความสวยงาม เล่นกับแสงได้ดีและมีมิติมากๆ พร้อมกับ AG Matte อารมณ์เดียวกับเรือธงของค่ายเช่นกัน พร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว วางแนวตั้งและกล้องหน้าแบบเจาะรูเช่นกัน ถือว่าหน้าตาไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไรนัก มีความเบา บาง และ จัดวางๆได้ดีมากๆ
หน้าจอ เองนั้นมาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายของตัวเครื่อง Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ในความละเอียด (1,080×2,400 พิกเซล) Full HD+, 410 ppi, อัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz เช่นเดิม
ในส่วนมุมซ้ายบนเครื่องนั้นจะเป็นกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง f2.45 ถือว่าแอบแคบพอสมควรครับ และมาเป็นตัวเดียวเท่านั้น ส่วนขอบด้านบนเองนั้นมีความบาง และแทรกลำโพง เซนเซอร์ต่างๆมาครับ แต่น่าเสียดายเป็นลำโพงเดี่ยวเท่านั้นครับในรุ่นนี้ จะออกแค่ด้านล่างเท่านั้น
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นมาพร้อมกับ ความหนาระดับนึง และมีฟิลม์กันรอยติดหน้าจอมาให้เรียบร้อย และ สามารถควบคุมการใช้งานได้แบบ 3 ปุ่ม หรือแบบเต็มหน้าจอได้ด้วยเช่นกัน
ขอบเครื่องในด้านล่างเองนั้น ใช้งาน USB-C มาพร้อมกับ ไมค์ และ ช่องเสียบหูฟัง รวมถึงลำโพงหลักของตัวเครื่อง แน่นอนว่ารุ่นนี้ใช้งานลำโพงเดี่ยวนะครับ แต่การจัดวางอะไรนั้นจะคล้ายๆกับรุ่นอื่นๆของตระกูล NORD เช่นกัน
ในส่วนของขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามี ไมค์ตัดเสียงใส่เข้ามาให้ใช้งานพร้อมกับ ความโค้งมนของฝาหลังอีกทั้งในเรื่องของกล้องนั้นจะนูนขึ้นมาแบบชัดเจน ตัดขอบโค้งมลสวยงามและเล่นปัดเงาเช่นกันถือว่าดูดีระดับนึงเลย
ขอบเครื่องในด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม – ลดเสียง พร้อมกับถาดซิมแบบ Dual Slot นั้นเองไม่ใช่ Triple Slot นะครับ รองรับการเพิ่ม SIM เท่านั้นครับ ส่วนปุ่ม Alert Slider อย่างที่แจ้งไปนั้นไม่มีใส่เข้ามาให้แล้วนั้นเอง
ขอบเครื่องในด้านขวานั้นจะเห็นเป็น Power เปิดปิด พร้อมกับขอบเครื่องแบบเงาแน่นอนว่าไม่ได้ใช้งานอลูมิเนียมอะไรครับ ขอบเครื่องรุ่นนี้จะเป็นพลาสติกทั้งหมด รวมถึงฝาหลังก็เป็นวัสดุแบบพลาสติกด้วยเช่นกัน ขอบกล้องขึ้นมาพอสมควร และไม่มี ALERT SLIDER ใส่เข้ามาเหมือนเดิม ทั้งด้านขวา และ ด้านซ้ายของเครื่อง เสียดายเหมือนกัน
ฝาหลังในรุ่นนี้เป็นสีที่ต้องบอกว่าโดดเด่นอย่างมาก เป็นสีฟ้า Blue Void และ วัสดุแบบด้านทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือด้วยเช่นกัน เป็นการออกแบบที่ผสมกันทั้ง วัสดุ สี และ การเคลือบทำให้มีความสวยงาม และจะมีแค่ในตัว RAM 8 – STORAGE 128 GB เท่านั้น แน่นอนว่าแม้จะไม่ใช่วัสดุกระจกอะไรรวมถึงขอบตัวเครื่องก็เป็นพลาสติกแต่การเก็บงาน ความเบา ความสวยงามนั้นทำออกมาได้เนียนมือและผิวสัมผัสดี การพัฒนาฝาหลังแบบด้านแบบรุ่นเรือธง แต่การใช้งานพลาสติกมาแทนบอกเลยว่าพรีเมี่ยมขึ้นเยอะ ในการทำวัสดุแบบนี้ให้ผิวสัมผัสเหมือนเรือธงรุ่นพี่ได้เลย แต่ได้ความเบามากกว่าชัดเจน และสีนั้นจะออกฟ้าๆเล่นกับแสงได้ดีมากๆจะเห็นขอบสีเงินเข้มๆแทรกเข้ามาเวลาเจอแสง พร้อมกับ โลโก้ตรงกลาง และ กล้องหลังที่วางแนวตั้งไว้มุมเดิม แต่จะเป็น 3 เลนส์หลักเท่านั้น และ มีไฟ LED
กล้องหลังนั้นให้มา 3 ตัว เลนส์หลัก 64MP พร้อมกับรูรับแสง F1.79 เท่านั้นรองรับการถ่าย 4K ได้สบายๆ และมาพร้อมกับเลนส์มุมกว้าง 8MP และ เลนส์โมโน จับระยะใช้งานต่างๆครับ สเปคในการใช้งานนั้น กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.7μm, รองรับ EIS กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP (f/2.25) กล้องโมโน 2MP (f/2.4) ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 30fps, ถ่าย slow motion 1080p ได้ที่ 120fps, 720p ได้ที่ 240fps ก็ถือว่าเป็นกล้องที่ครบมากๆตัวนึง มีเลนส์มุมกว้าง เลนส์หลักพร้อมใช้งาน และโหมดการถ่ายภาพที่ยังคงเด่นและฟีลแบบธรรมชาติ เนียนตา และ มิติภาพสวยเช่นเดิมตามสไตล์ของกล้อง Oneplus เหมือนที่เราเจอกันในหลายๆรุ่น
SPEC
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (1,080×2,400 พิกเซล) Full HD+, 410 ppi, อัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz
- ชิบประมวลผล Snapdragon 750G 8nm
- ใช้การ์ดจอ Adreno 619
- RAM LPDDR4X 6GB/8GB + storage (UFS 2.1) 128GB,
- RAM LPDDR4X 12GB + storage (UFS 2.1) 256GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.7μm, รองรับ EIS กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP (f/2.25) กล้องโมโน 2MP (f/2.4) ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 30fps, ถ่าย slow motion 1080p ได้ที่ 120fps, 720p ได้ที่ 240fps
- กล้องหน้า16MP (f/2.45) เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ IMX471 รองรับ FHD
- ขนาดตัวเครื่อง: 159.2×73.5×7.9มม.; น้ำหนัก: 170 กรัม
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, ลำโพง Super linear
- รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1, GPS/GLONASS/Beidou/NavIC, NFC USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับ Warp Charge 30T Plus
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องตัวนี้พกพาความแรงระดับ Snapdragon 750G 5G พร้อมกับ RAM 8GB และใช้งานหน่วยความจำแบบ UFS 2.1 128GB และทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 389186 คะแนน และ Geekbench ได้ไป 632/1797 รวมถึงหน่วยความจำอ่านเขียนไปได้สูงมากๆ ทำความเร็วไปได้ 947 MB/s และ DRM L1 สำหรับการดู NETFLIX รองรับสูงสุด HD ครับ ถือว่าครบๆในการใช้งาน เล่นเกม ในเรทราคาเท่านี้จัดว่าดี
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้