OnePlus ได้เปิดตัว NORD 2 5G ในตลาดต่างประเทศกันไปแล้วและเป็นงานเปิดตัวที่ทำออกมาได้ว้าวมากๆคล้ายกับหนังสั้นเลยทีเดียว และ ซีรีส์นี้ถือว่าโดดเด่นและเป็นรุ่นที่น่าสนใจเลยแหละรวมถึงในประเทศไทยเองก็ตามครับ น่าเสียดายว่ารุ่นพี่ 9 ไม่มีข่าวอัปเดตในไทยและน่าจะข้ามการทำตลาดไปแล้ว เลยทำให้ NORD 2 5G ตัวนี้ถือว่ามาไวกว่าที่คิดและพร้อมขายได้เร็วๆนี้แน่นอนครับ และภาพรวมเองนั้นรุ่นนี้ ทรงพลังขึ้นจาก OnePlus Nord รุ่นแรก ครอบคลุมตั้งแต่ประสิทธิภาพของระบบกล้อง ไปจนถึงการชาร์จและการออกแบบตัวเครื่อง และถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนประสบการณ์ A.I. Technology ที่ยอดเยี่ยม ตัวนึงเพราะได้มีการร่วมพัฒนา CPU กับทาง MediaTek Dimensity 1200-AI: OnePlus เป็นแบรนด์เดียวที่ได้ร่วมพัฒนาชิปเช็ทนี้ร่วมกับ MediaTek และเป็นแบรนด์เดียวที่ ชิป CPU: MediaTek Dimensity 1200-AI ด้วยอันนี้น่าสนใจครับ และระบบ AI ก็น่าจะมีส่วนเข้ามาช่วงทั้ง กล้อง การเล่นเกม หน้าจอ หรือแม้แต้การใช้งานทั่วๆไปด้วยเช่นกัน ส่วนงานออกแบบดูดีสวยขึ้นพอสมควรและยังคงเน้นโทนสีฟ้าไว้เช่นเดิม และยังคงสานต่อ ลำโพงคู่ ระบบกันสั่น OIS พร้อมกับ ชาร์จไวที่โหดขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว
OnePlus Nord 2 5G มาพร้อมหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz, อัตราส่วน 20:9, รองรับ AI colour boost, AI resolution boost ฯลฯ ที่มีกล้องหน้า 32MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615 แต่ไม่มีกล้องหน้า ultra-wide เหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-AI ที่ทาง OnePlus จับมือกับ MediaTek ในการพัฒนาระบบ AI บนชิบดังกล่าว ซึ่งตัวชิปรองรับเครือข่าย 5G ทั้งแบบ SA และ NSA สำหรับ RAM มาพร้อม RAM สูงสุด 12GB ส่วนระบบปฏิบัติการใช้ Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11.3 ที่ตั้งอยู่บน ColorOS 11.3 โดยทางบริษัทได้ยืนยันแล้วว่าจะทำการอัปเดต Android ครั้งใหญ่จำนวน 2 ครั้ง และอัปเกรดแพทช์รักษาความปลอดภัยจำนวน 3 ครั้ง กล้องหลังของ Nord 2 จะมาพร้อมกล้องตัวหลัก 50MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในเลนส์ ultra-wide ของ OnePlus 9 และ 9 Pro อีกทั้งมีขนาดใหญ่กว่าเซนเซอร์ Sony IMX586 ที่ใช้ใน Nord รุ่นแรก รวมทั้งยังรองรับ OIS ส่วนกล้องที่เหลือประกอบด้วยกล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP และกล้อง B&W สำหรับถ่าย portrait ทั้งนี้แบตเตอรี่จะเป็นแบบ dual-cell ความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 65 ที่ชาร์จแบตจาก 0-100% ได้ในเวลา 30 นาที ตัวสมาร์ตโฟนมาพร้อมปุ่มสไลด์ปรับการแจ้งเตือน (alert slider) และมาพร้อมกระจก AG 3D ที่ให้ความรู้สึกบางลงและโค้งมนกว่าเดิม ซึ่งตัวเครื่องในสีเทา (Gray Sierra) ได้รับแรงบันดาลใจจากรถสปอร์ตหรู ตัวเครื่องสี Blue Haze มีดีไซน์คล้ายเครื่องเซรามิก (Porcelain)
PRICE
- สีฟ้า Blue Haze รุ่น RAM 8GB+ ROM 128GB – 17,990 บาท
- สีเทา Gray Sierra รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB – 18,990 บาท
UNBOX
สำหรับคนทั่วไปนั้นแน่นอนว่าได้กล่องที่เราคุ้นเคยกันดีในภาพด้านบนพร้อมกับอุปกรณ์ให้มาครบๆเช่นเดิมไม่ตัดออกไปไหน ทั้งหัวชาร์จ เคสต่างๆ รวมถึงสายชาร์จสีแดงครับ แน่นอนว่าครบๆพร้อมใช้งานและรองรับชาร์จ Warp charge 65
- ตัวเครื่อง OnePlus NORD 2 5G
- ตัวเคส TPU ใส
- สายชาร์จ USB-A ไป USB-C
- Adaptor ชาร์จไฟ Warp Charge 65
- คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
มาที่ตัวเคสถือว่าการออกแบบเล่นลวดลายข้างหลัง สีด้าน ตัดสลับกับสีแบบใส ถือว่าไม่ค่อยเห็นเคสแถมมีงานออกแบบพวกนี้เท่าไร แต่ชอบที่มันปกป้องเครื่องได้ดีมากๆทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดี มีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆ ใช้งานทั่วไปจะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์ และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีก
DESIGN
งานออกแบบตั้งแต่แรกเห็นเลยตัวนี้จะมาพร้อมกับดีไซน์ที่แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าทันทีพร้อมกับสีฟ้าที่โดดเด่นขึ้น รวมถึงความหรูหรา แพงขึ้นแน่นอนดีไซน์คล้ายกับรุ่นเรือธง OnePlus 9 มากๆแต่วัสดุอะไรแตกต่างกันไป ซึ่งตัวนี้เองนั้นจะมาพรัอมกับ สีฟ้า Blue Haze และ สีเทาGrey Sierra สวยงามทั้งคู่ ซึ่งสีฟ้า ดีไซน์คล้ายเครื่องเซรามิก (porcelain) ที่สะท้อนแสงและเปล่งประกายมากกว่าเดิมและเป็นสีประจำตระกูล Nord ไปแล้วด้วยเช่นกัน มาพร้อมกับ ปุ่ม Alert Slider เช่นเดิมและ กล้องหลัง ความบางเบาอะไรนั้นอยู่ที่ 8.25มม และ หนัก: 189 กรัม กำลังดี
ด้านหน้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงว่าจะมีรูบนหน้าจอน้อยลงเพราะว่ากล้องหน้าเหลือตัวเดียว จะใช้งานหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz, อัตราส่วน 20:9, รองรับ AI colour boost, AI resolution boost พร้อมกับขอบจอบางและรองรับการใช้งาน Always On Display และ สแกนนิ้วบนหน้าจอให้มาครบ
ด้านบนนั้นเป็นแบบเจาะรูมุมซ้ายตัวเครื่องเช่นเดิมที่มีกล้องหน้า 32MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615 ถือว่ากล้องหน้าเทพขึ้นเยอะ เผลอๆดีกว่ารุ่นพี่ OnePlus 9 ซะด้วยซ้ำเพราะว่าใช้งานเซนเซอร์ตัวใหม่และความละเอียดสูงครับและยังคงใช้งานลำโพงคู่จัดเต็มทั้งบน และ ล่างตัวเครื่อง ถือว่าจุดเด่นของรุ่นก่อนๆยังสานต่อมาครบและดีขึ้นกว่าเดิม
ขอบจอด้านล่างนั้นจะเห็นว่าแอบมีความหนาอยู่นิดหน่อย ครับอาจจะด้วยเรทราคาของรุ่นนี้ ส่วนการควบคุมนั้นใช้งานเต็มหน้าจอ หรือ ปุ่มได้ทั้งหมดเหมือนรุ่นอื่นๆ แต่ถ้าหากเทียบกับรุ่นพี่นั้นบอกเลยว่าอาจจะไม่ได้บางเท่าเป็นปกติ
ขอบเครื่องข้างขวานั้นเราจะเห็น เอกลักษณ์ประจำค่ายอยู่คือตัว Alert Silder ที่เป็นปุ่มเลื่อนสำหรับเปลี่ยนเสียงการแจ้งเดือน เงียบ สั่นหรือมีเสียงถือว่าเป็นค่ายเดียวที่ใส่เข้ามา และ ใช้งานสะดวกมากๆรวมถึง ปุ่ม Power ส่วนขอบเครื่องวัสดุพลาสติกทั้งหมดรวมถึงเล่นสีฟ้าเงาๆ สวยงามพอสมควรเลย มีความบางระดับนึงเลยแหละ และฝาหลังโค้งเข้ามาขอบเครื่องมากกว่ารุ่นแรกและทำให้ดูบางมากกวาเดิม รวมถึงการจับถือนั้นถนัดและกระชับมากกว่ารุ่นก่อนหน้า
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเรียบๆไม่มีอะไรมาก แต่จะเห็นว่ากล้องนั้นถือว่านูนน้อยมากๆและการแยกชิ้นเลนส์ทำให้มีระดับมากกว่าตัวเดิม และ ตัวไมค์ตัดเสียงข้างบนนั้นก็ใส่เข้ามาให้ด้วยยังไม่ได้ตัดออกไปไหน และโค้งรับมือได้ค่อนข้างดี
ขอบเครื่องข้างซ้ายจะเป็นแค่ปุ่ม เพิ่ม ลดเสียงเท่านั้น ไม่มีอะไรมากและขอบเครื่องสีฟ้าเงาสวย แต่วัสดุขอบเครื่องทั้งหมดนั้นจะเป็นพลาสติกสำหรับทาง OnePlus Nord รุ่นนี้ แต่เก็บงานได้เนียนสวยและพรีเมียมกว่าตัวแรกชัดเจน
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเป็นลำโพงหลัก พร้อมกับ USB-C และ รูไมค์ เราจะเห็นถาดซิมแบบ Dual SIM แต่ไม่รองรับการเพิ่มความจุ และจะแอบเห็นว่ามีซีลยางมาให้ด้วยถือว่าปกป้อง น้ำเข้าได้ระดับนึงแม้จะไม่ได้มี IP Rating ก็ตามครับรุ่นนี้ และ เป็นลำโพงคู่เช่นเดิมทำงานร่วมกันกับขอบหน้าจอด้านบน เสียงดังขึ้นและมิติเสียงดีกว่ารุ่นแรกเช่นกัน
สีฟ้า Blue Haze ยังคงเป็นสีที่โดดเด่นและสีประจำของซีรีย์นี้เลยทีเดียวแต่โทนสีรู้สึกว่าจะมีความอ่อนขึ้นและดูหรูหรามากกว่าเดิมไม่ได้ฟ้าสดมากนักซึ่งส่วนตัวชอบโทนสีนี้มากกว่าเดิม อีกทั้งการวางกล้อง การจัดวางเลนส์หลักต่างๆนั้นมีความพรีเมียมกว่าเดิมเยอะมากๆ ให้ความรู้สึกเป็นเรือธงได้ทันทีพร้อมกับการเล่นเลเยอร์กล้อง และ วัสดุแบบด้านเสริมเข้ามาตัดกับฝาหลังพลาสติกเงาได้ทันที อีกทั้งงานประกอบคุณภาพต่างๆมีความแน่นและเนียนเช่นเดิมครับ
ในส่วนตัวกล้องหลังของ Nord 2 จะมาพร้อมกล้องตัวหลัก 50MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในเลนส์ ultra-wide ของ OnePlus 9 และ 9 Pro เลยทีเดียวแน่นอนว่าคุณภาพนั้นโหดขึ้นเท่าตัว อีกทั้งมีขนาดใหญ่กว่าเซนเซอร์ Sony IMX586 ที่ใช้ใน Nord รุ่นแรกเยอะมาก รวมทั้งยังรองรับ OIS ระบบกันสั่นที่จัดเต็มช่วยในการถ่ายกลางคืน ส่วนกล้องที่เหลือประกอบด้วยกล้อง ultra-wide กว้าง 119.7 องศา 8MP (f/2.25), รองรับ EIS และกล้อง B&W 2MP (f/2.5), สำหรับถ่าย portrait และ มีการออกแบบใหม่ซึ่งดูสวยและพรีเมียมมากกว่ารุ่นก่อนเยอะมากๆและเลนส์ใหญ่กว่าเดิมชัดเจน ครอบด้วยวัสดุสีด้านทำให้แตกต่างกับฝาหลังที่เป็นแบบเงา
SPEC
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (1080×2400พิกเซล) Full HD+, ppi 408, อัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz, sRGB และ DCI-P3 colour gamut, video enhancement, AI-Super resolution
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-AI 6nm ที่ใช้การ์ดจอ ARM G77 MC9
- RAM LPDDR4X 6GB/8GB + storage (UFS 3.1) 128GB,
- RAM LPDDR4X 12GB + storage (UFS 3.1) 256GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11.3
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง
กล้องตัวหลัก 50MP (f/1.88) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766, ขนาดพิกเซล 1μm, รองรับ OIS
กล้อง ultra-wide กว้าง 119.7 องศา 8MP (f/2.25), รองรับ EIS
กล้องโมโน 2MP (f/2.5), ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 30fps, slow motion 1080p ได้ที่ 120fps, 720p ได้ที่ 240 fps
แฟลช LED คู่
- กล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX615, รองรับ EIS
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- ขนาดตัวเครื่อง: 158.9×73.2×8.25มม.; น้ำหนัก: 189 กรัม
- ลำโพง Stereo
- รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax (2.4GHz + 5GHz) 2X2 MIMO, Bluetooth 5.2, GPS, GLONASS, Galileo, Beidou, NavIC, NFC
- USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 65
[SR] รีวิว Oneplus Nord 2 5G ใช้งาน MTK Dimensity 1200-AI กล้องหลัง IMX766 50MP OIS Warp charge 65 !
OnePlus ได้เปิดตัว NORD 2 5G ในตลาดต่างประเทศกันไปแล้วและเป็นงานเปิดตัวที่ทำออกมาได้ว้าวมากๆคล้ายกับหนังสั้นเลยทีเดียว และ ซีรีส์นี้ถือว่าโดดเด่นและเป็นรุ่นที่น่าสนใจเลยแหละรวมถึงในประเทศไทยเองก็ตามครับ น่าเสียดายว่ารุ่นพี่ 9 ไม่มีข่าวอัปเดตในไทยและน่าจะข้ามการทำตลาดไปแล้ว เลยทำให้ NORD 2 5G ตัวนี้ถือว่ามาไวกว่าที่คิดและพร้อมขายได้เร็วๆนี้แน่นอนครับ และภาพรวมเองนั้นรุ่นนี้ ทรงพลังขึ้นจาก OnePlus Nord รุ่นแรก ครอบคลุมตั้งแต่ประสิทธิภาพของระบบกล้อง ไปจนถึงการชาร์จและการออกแบบตัวเครื่อง และถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนประสบการณ์ A.I. Technology ที่ยอดเยี่ยม ตัวนึงเพราะได้มีการร่วมพัฒนา CPU กับทาง MediaTek Dimensity 1200-AI: OnePlus เป็นแบรนด์เดียวที่ได้ร่วมพัฒนาชิปเช็ทนี้ร่วมกับ MediaTek และเป็นแบรนด์เดียวที่ ชิป CPU: MediaTek Dimensity 1200-AI ด้วยอันนี้น่าสนใจครับ และระบบ AI ก็น่าจะมีส่วนเข้ามาช่วงทั้ง กล้อง การเล่นเกม หน้าจอ หรือแม้แต้การใช้งานทั่วๆไปด้วยเช่นกัน ส่วนงานออกแบบดูดีสวยขึ้นพอสมควรและยังคงเน้นโทนสีฟ้าไว้เช่นเดิม และยังคงสานต่อ ลำโพงคู่ ระบบกันสั่น OIS พร้อมกับ ชาร์จไวที่โหดขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว
OnePlus Nord 2 5G มาพร้อมหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz, อัตราส่วน 20:9, รองรับ AI colour boost, AI resolution boost ฯลฯ ที่มีกล้องหน้า 32MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615 แต่ไม่มีกล้องหน้า ultra-wide เหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-AI ที่ทาง OnePlus จับมือกับ MediaTek ในการพัฒนาระบบ AI บนชิบดังกล่าว ซึ่งตัวชิปรองรับเครือข่าย 5G ทั้งแบบ SA และ NSA สำหรับ RAM มาพร้อม RAM สูงสุด 12GB ส่วนระบบปฏิบัติการใช้ Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11.3 ที่ตั้งอยู่บน ColorOS 11.3 โดยทางบริษัทได้ยืนยันแล้วว่าจะทำการอัปเดต Android ครั้งใหญ่จำนวน 2 ครั้ง และอัปเกรดแพทช์รักษาความปลอดภัยจำนวน 3 ครั้ง กล้องหลังของ Nord 2 จะมาพร้อมกล้องตัวหลัก 50MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในเลนส์ ultra-wide ของ OnePlus 9 และ 9 Pro อีกทั้งมีขนาดใหญ่กว่าเซนเซอร์ Sony IMX586 ที่ใช้ใน Nord รุ่นแรก รวมทั้งยังรองรับ OIS ส่วนกล้องที่เหลือประกอบด้วยกล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP และกล้อง B&W สำหรับถ่าย portrait ทั้งนี้แบตเตอรี่จะเป็นแบบ dual-cell ความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 65 ที่ชาร์จแบตจาก 0-100% ได้ในเวลา 30 นาที ตัวสมาร์ตโฟนมาพร้อมปุ่มสไลด์ปรับการแจ้งเตือน (alert slider) และมาพร้อมกระจก AG 3D ที่ให้ความรู้สึกบางลงและโค้งมนกว่าเดิม ซึ่งตัวเครื่องในสีเทา (Gray Sierra) ได้รับแรงบันดาลใจจากรถสปอร์ตหรู ตัวเครื่องสี Blue Haze มีดีไซน์คล้ายเครื่องเซรามิก (Porcelain)
PRICE
- สีฟ้า Blue Haze รุ่น RAM 8GB+ ROM 128GB – 17,990 บาท
- สีเทา Gray Sierra รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB – 18,990 บาท
UNBOX
สำหรับคนทั่วไปนั้นแน่นอนว่าได้กล่องที่เราคุ้นเคยกันดีในภาพด้านบนพร้อมกับอุปกรณ์ให้มาครบๆเช่นเดิมไม่ตัดออกไปไหน ทั้งหัวชาร์จ เคสต่างๆ รวมถึงสายชาร์จสีแดงครับ แน่นอนว่าครบๆพร้อมใช้งานและรองรับชาร์จ Warp charge 65
- ตัวเครื่อง OnePlus NORD 2 5G
- ตัวเคส TPU ใส
- สายชาร์จ USB-A ไป USB-C
- Adaptor ชาร์จไฟ Warp Charge 65
- คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
มาที่ตัวเคสถือว่าการออกแบบเล่นลวดลายข้างหลัง สีด้าน ตัดสลับกับสีแบบใส ถือว่าไม่ค่อยเห็นเคสแถมมีงานออกแบบพวกนี้เท่าไร แต่ชอบที่มันปกป้องเครื่องได้ดีมากๆทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดี มีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆ ใช้งานทั่วไปจะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์ และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีก
DESIGN
งานออกแบบตั้งแต่แรกเห็นเลยตัวนี้จะมาพร้อมกับดีไซน์ที่แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าทันทีพร้อมกับสีฟ้าที่โดดเด่นขึ้น รวมถึงความหรูหรา แพงขึ้นแน่นอนดีไซน์คล้ายกับรุ่นเรือธง OnePlus 9 มากๆแต่วัสดุอะไรแตกต่างกันไป ซึ่งตัวนี้เองนั้นจะมาพรัอมกับ สีฟ้า Blue Haze และ สีเทาGrey Sierra สวยงามทั้งคู่ ซึ่งสีฟ้า ดีไซน์คล้ายเครื่องเซรามิก (porcelain) ที่สะท้อนแสงและเปล่งประกายมากกว่าเดิมและเป็นสีประจำตระกูล Nord ไปแล้วด้วยเช่นกัน มาพร้อมกับ ปุ่ม Alert Slider เช่นเดิมและ กล้องหลัง ความบางเบาอะไรนั้นอยู่ที่ 8.25มม และ หนัก: 189 กรัม กำลังดี
ด้านหน้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงว่าจะมีรูบนหน้าจอน้อยลงเพราะว่ากล้องหน้าเหลือตัวเดียว จะใช้งานหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz, อัตราส่วน 20:9, รองรับ AI colour boost, AI resolution boost พร้อมกับขอบจอบางและรองรับการใช้งาน Always On Display และ สแกนนิ้วบนหน้าจอให้มาครบ
ด้านบนนั้นเป็นแบบเจาะรูมุมซ้ายตัวเครื่องเช่นเดิมที่มีกล้องหน้า 32MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615 ถือว่ากล้องหน้าเทพขึ้นเยอะ เผลอๆดีกว่ารุ่นพี่ OnePlus 9 ซะด้วยซ้ำเพราะว่าใช้งานเซนเซอร์ตัวใหม่และความละเอียดสูงครับและยังคงใช้งานลำโพงคู่จัดเต็มทั้งบน และ ล่างตัวเครื่อง ถือว่าจุดเด่นของรุ่นก่อนๆยังสานต่อมาครบและดีขึ้นกว่าเดิม
ขอบจอด้านล่างนั้นจะเห็นว่าแอบมีความหนาอยู่นิดหน่อย ครับอาจจะด้วยเรทราคาของรุ่นนี้ ส่วนการควบคุมนั้นใช้งานเต็มหน้าจอ หรือ ปุ่มได้ทั้งหมดเหมือนรุ่นอื่นๆ แต่ถ้าหากเทียบกับรุ่นพี่นั้นบอกเลยว่าอาจจะไม่ได้บางเท่าเป็นปกติ
ขอบเครื่องข้างขวานั้นเราจะเห็น เอกลักษณ์ประจำค่ายอยู่คือตัว Alert Silder ที่เป็นปุ่มเลื่อนสำหรับเปลี่ยนเสียงการแจ้งเดือน เงียบ สั่นหรือมีเสียงถือว่าเป็นค่ายเดียวที่ใส่เข้ามา และ ใช้งานสะดวกมากๆรวมถึง ปุ่ม Power ส่วนขอบเครื่องวัสดุพลาสติกทั้งหมดรวมถึงเล่นสีฟ้าเงาๆ สวยงามพอสมควรเลย มีความบางระดับนึงเลยแหละ และฝาหลังโค้งเข้ามาขอบเครื่องมากกว่ารุ่นแรกและทำให้ดูบางมากกวาเดิม รวมถึงการจับถือนั้นถนัดและกระชับมากกว่ารุ่นก่อนหน้า
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเรียบๆไม่มีอะไรมาก แต่จะเห็นว่ากล้องนั้นถือว่านูนน้อยมากๆและการแยกชิ้นเลนส์ทำให้มีระดับมากกว่าตัวเดิม และ ตัวไมค์ตัดเสียงข้างบนนั้นก็ใส่เข้ามาให้ด้วยยังไม่ได้ตัดออกไปไหน และโค้งรับมือได้ค่อนข้างดี
ขอบเครื่องข้างซ้ายจะเป็นแค่ปุ่ม เพิ่ม ลดเสียงเท่านั้น ไม่มีอะไรมากและขอบเครื่องสีฟ้าเงาสวย แต่วัสดุขอบเครื่องทั้งหมดนั้นจะเป็นพลาสติกสำหรับทาง OnePlus Nord รุ่นนี้ แต่เก็บงานได้เนียนสวยและพรีเมียมกว่าตัวแรกชัดเจน
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเป็นลำโพงหลัก พร้อมกับ USB-C และ รูไมค์ เราจะเห็นถาดซิมแบบ Dual SIM แต่ไม่รองรับการเพิ่มความจุ และจะแอบเห็นว่ามีซีลยางมาให้ด้วยถือว่าปกป้อง น้ำเข้าได้ระดับนึงแม้จะไม่ได้มี IP Rating ก็ตามครับรุ่นนี้ และ เป็นลำโพงคู่เช่นเดิมทำงานร่วมกันกับขอบหน้าจอด้านบน เสียงดังขึ้นและมิติเสียงดีกว่ารุ่นแรกเช่นกัน
สีฟ้า Blue Haze ยังคงเป็นสีที่โดดเด่นและสีประจำของซีรีย์นี้เลยทีเดียวแต่โทนสีรู้สึกว่าจะมีความอ่อนขึ้นและดูหรูหรามากกว่าเดิมไม่ได้ฟ้าสดมากนักซึ่งส่วนตัวชอบโทนสีนี้มากกว่าเดิม อีกทั้งการวางกล้อง การจัดวางเลนส์หลักต่างๆนั้นมีความพรีเมียมกว่าเดิมเยอะมากๆ ให้ความรู้สึกเป็นเรือธงได้ทันทีพร้อมกับการเล่นเลเยอร์กล้อง และ วัสดุแบบด้านเสริมเข้ามาตัดกับฝาหลังพลาสติกเงาได้ทันที อีกทั้งงานประกอบคุณภาพต่างๆมีความแน่นและเนียนเช่นเดิมครับ
ในส่วนตัวกล้องหลังของ Nord 2 จะมาพร้อมกล้องตัวหลัก 50MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในเลนส์ ultra-wide ของ OnePlus 9 และ 9 Pro เลยทีเดียวแน่นอนว่าคุณภาพนั้นโหดขึ้นเท่าตัว อีกทั้งมีขนาดใหญ่กว่าเซนเซอร์ Sony IMX586 ที่ใช้ใน Nord รุ่นแรกเยอะมาก รวมทั้งยังรองรับ OIS ระบบกันสั่นที่จัดเต็มช่วยในการถ่ายกลางคืน ส่วนกล้องที่เหลือประกอบด้วยกล้อง ultra-wide กว้าง 119.7 องศา 8MP (f/2.25), รองรับ EIS และกล้อง B&W 2MP (f/2.5), สำหรับถ่าย portrait และ มีการออกแบบใหม่ซึ่งดูสวยและพรีเมียมมากกว่ารุ่นก่อนเยอะมากๆและเลนส์ใหญ่กว่าเดิมชัดเจน ครอบด้วยวัสดุสีด้านทำให้แตกต่างกับฝาหลังที่เป็นแบบเงา
SPEC
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (1080×2400พิกเซล) Full HD+, ppi 408, อัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz, sRGB และ DCI-P3 colour gamut, video enhancement, AI-Super resolution
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-AI 6nm ที่ใช้การ์ดจอ ARM G77 MC9
- RAM LPDDR4X 6GB/8GB + storage (UFS 3.1) 128GB,
- RAM LPDDR4X 12GB + storage (UFS 3.1) 256GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11.3
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง
กล้องตัวหลัก 50MP (f/1.88) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766, ขนาดพิกเซล 1μm, รองรับ OIS
กล้อง ultra-wide กว้าง 119.7 องศา 8MP (f/2.25), รองรับ EIS
กล้องโมโน 2MP (f/2.5), ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 30fps, slow motion 1080p ได้ที่ 120fps, 720p ได้ที่ 240 fps
แฟลช LED คู่
- กล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX615, รองรับ EIS
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- ขนาดตัวเครื่อง: 158.9×73.2×8.25มม.; น้ำหนัก: 189 กรัม
- ลำโพง Stereo
- รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax (2.4GHz + 5GHz) 2X2 MIMO, Bluetooth 5.2, GPS, GLONASS, Galileo, Beidou, NavIC, NFC
- USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 65
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้