หุ่นยนต์ VS คน - คุณจะทำอย่างไร อีกไม่นาน หุ่นยนต์จะแย่งงานจากคุณ
คุณกลัวหุ่นยนต์มาแย่งงานคนอย่างเราหรือไม่⁉️ ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะหุ่นยนต์สามารถแทนคนได้ ทั้งด้านแรงงาน และสมอง แล้วถ้าเกิดขึ้นจริงสิ่งนี้จะเป็นวิกฤต หรือ โอกาส ที่จะทำให้โลกของเราก้าวไปข้างหน้า…
ฉะนั้นคนอย่างเรา ๆ จะอยู่อย่างไร จะตกงานกันหมดหรือไม่😰
👉เชื่อว่าใครหลาย ๆ คน ที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือพนักงานประจำ คงกังวลกันอยู่ไม่น้อยว่าในอนาคตไม่อีกกี่ปีข้างหน้า จะมีหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ในการทำงานของคนจริง ๆ หรือไม่ แล้วคุณต้องรับมือกับเหตุการณ์นี้ยังไง วันนี้ผมจะมาสรุปให้คุณเข้าใจง่าย ๆ เลยนะครับ ว่าหุ่นยนต์จะสามารถแทนการทำงานของคนแบบไหนได้บ้าง และไม่สามารถแทนงานแบบใดได้บ้าง…🤔
✅อันดับแรก คุณคงรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าสิ่งที่หุ่นยนต์สามารถทำได้ คืองานด้านการใช้แรงงาน หรืองานฝีมือบางประเภท ไม่ว่าจะเป็น การประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ยกของ จัดสต็อก จนไปถึง ตัดผมแทนคนก็ยังสามารถทำได้ อย่างที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นนี้ว่าหุ่นยนต์สามารถแทนสมองของคนได้ คุณลองสังเกตดูดี ๆ นะครับว่าตอนนี้ หุ่นยนต์สามารถคำนวณหรือทำบัญชีการเงินแทนคนได้แล้ว แม้แต่คุณจะค้นหาอะไรในอินเทอร์เน็ตเพียงแค่คุณค้นหาแค่คำเดียวรายละเอียดหรือข้อมูลก็ขึ้นมาให้คุณเลือกมากมาย
🤔แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มีสิ่งนึงที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำงานแทนคนได้ นั่นก็คือ การทำงานเกี่ยวกับสมองด้านขวาที่เกี่ยวกับอารมณ์ทั้งหมด ได้แก่ ความรัก จินตนาการ ความฝัน วิสัยทัศน์ ซึ่งถ้าเหตุการณ์การใช้หุ่นยนต์เข้ามาแทนที่การใช้แรงงาน การใช้สมองด้านซ้ายของคนได้อย่างเต็มที่ คุณเชื่อไหมว่า คนจะพัฒนาตัวเองให้อยู่ในอีกระดับนึง เป็นยุคที่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา และธุรกิจที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ก็มักจะเกิดจากสมองด้านขวาของคน จึงสามารถเรียกยุคนี้ว่ายุค “ศิวิไลซ์” ดั่งคำที่คนสำเร็จหลาย ๆ คนได้กล่าวไว้ว่า “จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้”
🌟ที่จริงแล้วคนสามารถจินตนาการได้อย่างกว้างไกลมาได้ตั้งนานแล้ว ยกตัวอย่าง สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ บริษัท Apple Inc. และบุคคลสำคัญของบริษัทอย่าง สตีฟ จอบส์ ที่เป็นคนคิดค้นเทคโนโลยีเป็นมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาอย่างไอโฟน (ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือและโน๊ตบุ๊คชื่อดัง) และได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาโดยตลอดและเชื่อว่าบริษัท Apple Inc. คงไม่หยุดที่จะจินตนาการและพัฒนาอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน เช่น หูฟังไร้สาย แท่นที่ชาร์ตแบตเตอร์รี่ และรุ่นมือถือต่าง ๆ ที่เปิดตัวออกมาปีละครั้งความสามารถและรูปลักษณ์มักจะทำให้คนคอยติดตามอยู่ตลอด ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยการทำตลาดเป็นหลักด้วย เพราะหากพัฒนาเร็วจนเกินไปคนก็จะตามไม่ทัน กลายเป็นว่าบริษัทอาจเกิดผลกระทบหรือขาดทุนได้✌️
💚ดังนั้น ทุกคนมีจินตนการเป็นของตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด เพียงแค่คุณอาจถูกปิดกั้นจากสังคมว่าสิ่งที่คุณจินตนาการอยู่มันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งคำว่าอัจฉริยะ กับ คนบ้า มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ แต่คนที่เป็นอัจฉริยะสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ตามที่เขาจินตนาการไว้ แต่คนบ้าคือคนที่จินตนการแต่ไม่ลงมือทำเพ้อฝันไปเรื่อย ๆ ที่จริงทุกคนสามารถที่จะบ้าได้ แต่คุณต้องลงมือทำด้วยและยิ่งมีหุ่นยนต์เข้ามาคุณก็สามารถร่วมงานกับหุ่นยนต์ได้
💡💡ที่สำคัญการ จินตนาการของคุณต้องแก้ไขปัญหาให้กับคนด้วย เพราะหากคุณจินตนาการแล้วไม่มีคนซื้อสินค้าและบริการของคุณ คุณก็อยู่ไม่ได้ เพราะคนทุกที่คิดหรือจินตนาการอะไรออกมาสักชิ้นแล้วแรงบันดาลใจของเขาก็คือ “ทำต้องได้เงิน” นั่นเอง
👉แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างที่คุณคิดหรือจินตนาการได้ ก่อนจะทำมันออกมาคุณต้องผ่านการเรียนรู้และความพยายามก่อน และกล้าที่จะลงมือทำ และผมเชื่อว่าคนทุกคนมีไอเดียและจินตนาการเป็นของตัวเองที่ไม่มีที่สิ้นสุด พอรู้อย่างนี้แล้วคุณคิดว่าคุณเริ่มมีไอเดียในการจะทำอะไรขึ้นมาสักชิ้นแล้วหรือยัง สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ☺️
================
วรัทภพ รชตนามวงษ์
หุ่นยนต์ VS คน - คุณจะทำอย่างไร อีกไม่นาน หุ่นยนต์จะแย่งงานจากคุณ‼️
คุณกลัวหุ่นยนต์มาแย่งงานคนอย่างเราหรือไม่⁉️ ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะหุ่นยนต์สามารถแทนคนได้ ทั้งด้านแรงงาน และสมอง แล้วถ้าเกิดขึ้นจริงสิ่งนี้จะเป็นวิกฤต หรือ โอกาส ที่จะทำให้โลกของเราก้าวไปข้างหน้า…
ฉะนั้นคนอย่างเรา ๆ จะอยู่อย่างไร จะตกงานกันหมดหรือไม่😰
👉เชื่อว่าใครหลาย ๆ คน ที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือพนักงานประจำ คงกังวลกันอยู่ไม่น้อยว่าในอนาคตไม่อีกกี่ปีข้างหน้า จะมีหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ในการทำงานของคนจริง ๆ หรือไม่ แล้วคุณต้องรับมือกับเหตุการณ์นี้ยังไง วันนี้ผมจะมาสรุปให้คุณเข้าใจง่าย ๆ เลยนะครับ ว่าหุ่นยนต์จะสามารถแทนการทำงานของคนแบบไหนได้บ้าง และไม่สามารถแทนงานแบบใดได้บ้าง…🤔
✅อันดับแรก คุณคงรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าสิ่งที่หุ่นยนต์สามารถทำได้ คืองานด้านการใช้แรงงาน หรืองานฝีมือบางประเภท ไม่ว่าจะเป็น การประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ยกของ จัดสต็อก จนไปถึง ตัดผมแทนคนก็ยังสามารถทำได้ อย่างที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นนี้ว่าหุ่นยนต์สามารถแทนสมองของคนได้ คุณลองสังเกตดูดี ๆ นะครับว่าตอนนี้ หุ่นยนต์สามารถคำนวณหรือทำบัญชีการเงินแทนคนได้แล้ว แม้แต่คุณจะค้นหาอะไรในอินเทอร์เน็ตเพียงแค่คุณค้นหาแค่คำเดียวรายละเอียดหรือข้อมูลก็ขึ้นมาให้คุณเลือกมากมาย
🤔แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มีสิ่งนึงที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำงานแทนคนได้ นั่นก็คือ การทำงานเกี่ยวกับสมองด้านขวาที่เกี่ยวกับอารมณ์ทั้งหมด ได้แก่ ความรัก จินตนาการ ความฝัน วิสัยทัศน์ ซึ่งถ้าเหตุการณ์การใช้หุ่นยนต์เข้ามาแทนที่การใช้แรงงาน การใช้สมองด้านซ้ายของคนได้อย่างเต็มที่ คุณเชื่อไหมว่า คนจะพัฒนาตัวเองให้อยู่ในอีกระดับนึง เป็นยุคที่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา และธุรกิจที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ก็มักจะเกิดจากสมองด้านขวาของคน จึงสามารถเรียกยุคนี้ว่ายุค “ศิวิไลซ์” ดั่งคำที่คนสำเร็จหลาย ๆ คนได้กล่าวไว้ว่า “จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้”
🌟ที่จริงแล้วคนสามารถจินตนาการได้อย่างกว้างไกลมาได้ตั้งนานแล้ว ยกตัวอย่าง สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ บริษัท Apple Inc. และบุคคลสำคัญของบริษัทอย่าง สตีฟ จอบส์ ที่เป็นคนคิดค้นเทคโนโลยีเป็นมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาอย่างไอโฟน (ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือและโน๊ตบุ๊คชื่อดัง) และได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาโดยตลอดและเชื่อว่าบริษัท Apple Inc. คงไม่หยุดที่จะจินตนาการและพัฒนาอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน เช่น หูฟังไร้สาย แท่นที่ชาร์ตแบตเตอร์รี่ และรุ่นมือถือต่าง ๆ ที่เปิดตัวออกมาปีละครั้งความสามารถและรูปลักษณ์มักจะทำให้คนคอยติดตามอยู่ตลอด ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยการทำตลาดเป็นหลักด้วย เพราะหากพัฒนาเร็วจนเกินไปคนก็จะตามไม่ทัน กลายเป็นว่าบริษัทอาจเกิดผลกระทบหรือขาดทุนได้✌️
💚ดังนั้น ทุกคนมีจินตนการเป็นของตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด เพียงแค่คุณอาจถูกปิดกั้นจากสังคมว่าสิ่งที่คุณจินตนาการอยู่มันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งคำว่าอัจฉริยะ กับ คนบ้า มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ แต่คนที่เป็นอัจฉริยะสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ตามที่เขาจินตนาการไว้ แต่คนบ้าคือคนที่จินตนการแต่ไม่ลงมือทำเพ้อฝันไปเรื่อย ๆ ที่จริงทุกคนสามารถที่จะบ้าได้ แต่คุณต้องลงมือทำด้วยและยิ่งมีหุ่นยนต์เข้ามาคุณก็สามารถร่วมงานกับหุ่นยนต์ได้
💡💡ที่สำคัญการ จินตนาการของคุณต้องแก้ไขปัญหาให้กับคนด้วย เพราะหากคุณจินตนาการแล้วไม่มีคนซื้อสินค้าและบริการของคุณ คุณก็อยู่ไม่ได้ เพราะคนทุกที่คิดหรือจินตนาการอะไรออกมาสักชิ้นแล้วแรงบันดาลใจของเขาก็คือ “ทำต้องได้เงิน” นั่นเอง
👉แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างที่คุณคิดหรือจินตนาการได้ ก่อนจะทำมันออกมาคุณต้องผ่านการเรียนรู้และความพยายามก่อน และกล้าที่จะลงมือทำ และผมเชื่อว่าคนทุกคนมีไอเดียและจินตนาการเป็นของตัวเองที่ไม่มีที่สิ้นสุด พอรู้อย่างนี้แล้วคุณคิดว่าคุณเริ่มมีไอเดียในการจะทำอะไรขึ้นมาสักชิ้นแล้วหรือยัง สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ☺️
================
วรัทภพ รชตนามวงษ์