ผมเป็นผู้เอาประกันภัย รถประสพอุบัติเหตุ รถผมใช้งานอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ต่างอำเภอเมื่อเกิดเหตุรถคู่กรณีผมทำอีกบริษัทหนึ่งตัวแทนเครมประกันมาถึงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นก้อรอของบริษัทประกันภัยของผมอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งผมก้อแจ้งไปแล้วด้วยว่ารถผมไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปต่อได้นะต้องเรียกรถลากมาด้วยเลย ตัวแทนประกันบอกว่าเป็นนโยบายของบริษัท ทำให้เมื่อตัวแทนประกันมาถึงแล้วต้องรอรถลากอีกประมาณ 2 ชั่วโมง (คิดดูกันเองแล้วกันเวลาเกิดเหตุประมาณ 5 โมงเย็น ที่เกิดเหตุเป็นนอกเมืองเชียงใหม่เส้นทางในป่าเขา) รถลากก็นำรถผมเข้าอู่แรก แต่วันรุ่งขึ้นผมก็ไปอู่แรกปรากฏว่าคิวเยอะจะใช้เวลาซ่อมประมาณ 3 เดือนเป็นอย่างน้อย ก็เลยต้องหาอู่ใหม่ทำให้ต้องมีการย้ายอู่ แต่ดีที่อู่ใหม่ไม่คิดค่าลาก จากนั้นก็ลากไปเพื่อทำการซ่อมทางอู่ก้อได้ประเมิณค่าใช้จ่ายครั้งแรก 176,767.86 บาท ส่งมาให้ผมดูด้วย ซึ่งผมก็ดูรายการซ่อมแล้วตอนแรกก็อุ่นใจอยู่ และเป็นตัวดียวกันกับส่งให้กับบริษัทฯซึ่งพนักงานบริษัทจะมาเพื่อตัดสินใจว่ารายการชิ้นส่วนใดที่จำเป็นต้องเปลี่ยน หรือไม่จำเป็น แล้วอู่บอกกับผมว่าเดี๋ยวจะติดต่อไป
*ตอนนี้ผมขอขั้นพิจารณาก่อน ว่าตอนเจ้าหน้าที่ประกันมาติดต่อกับอู่น่าจะเรียกผมเข้ามาพบด้วยมันไม่ใช่แค่ขั้นตอนระหว่างประกันกับอู่เพียงอย่างดียว "ผมเป็นคนจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันใช่มั้ย?" ถ้าชิ้นส่วนไหนต้องเปลี่ยน แต่พนักงานบริษัทเป็นคนตัดสินใจเพียงคนเดียว(หรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะต้องส่งเรื่องเข้าสำนักงานใหญ่อีกด้วย)
เมื่อการซ่อมกำลังดำเนินการอยู่ ผมก็ได้ไปดูการซ่อมเป็นระยะ แล้วอู่ก็บอกว่าไฟหน้าบริษัทให้ใช้เป็นของเก่าถอด ???? งงซิครับ ผมก้อเลยให้อู่ซื้อของแท้ห้างมาใส่ให้ผมโดยจะจ่ายค่าส่วนต่างให้ (สรุป2,500บาท เพื่อตัดปัญหา)
เมื่อซ่อมเสร็จอู่ก้อติดต่อมาให้มารับรถ และยังคิดในใจอยู่ว่ารายการอื่นคงไม่โดนตัดไปอีกเยอะนะ พอถึงอู่เห็นรถก็ตรวจเช็คความเรียบร้อย(มีให้แก้ไขอยู่บ้างในขั้นต้น เพื่อนำรถไปใช้งานก่อน) พอขอดูใบสรุปค่าใช้จ่ายแค่นั้นแหละถึงกับอ่อนใจ คงเหลือค่าใช้จ่าย 74,463 บาท งงในงง!!!! คิดในใจ""ตัดอะไรกันนักกันหนาเนี่ย
รถผมมีวงเงินความคุ้มครองต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย 300,000 บาท/ครั้ง ค่าประเมิณครั้งแรก 176,767.86 บาท แต่ซ่อมจริง 74,463 บาท รายการอะไหล่ 68 รายการตัดออก 21 รายการ โอเคผมเข้าใจบางรายการที่ไม่ชำรุดมากก็ตัดไป อะไหล่ให้ซ่อมก็เป็นของเทียม บอกว่ารถเป็นรถเก่าแล้ว(รถของผมยี่ห้ออีซูซุ ออลนิวดีแม็กซ์ ปี 2012 นะครับ และเป็นรถที่อะไหล่ศูนย์แท้ก็ยังมีอยู่ 70-80% ของรายการอะไหล่ทั้งหมด ซึ่งแล้ววงเงินคุ้มครองฯ 300,000 มันคือยอดเงินอะไร หรือเพียงแค่เอาไว้ล่อตาล่อใจลูกค้า(เหยื่อ)เท่านั้น) อย่างเช่น
1.อินตอร์คูลเลอร์ แท้ 11,700 บาท ใส่ให้ 4,672 บาท
2.หม้อน้ำ แท้ 6,687 บาท ใส่ให้ 2,990 บาท
อย่างอื่นอีกเยอะแยะเห็นแล้วอ่อนใจ
แต่บางรายการซึ่งผมว่าก็มีความสำคัญมากเช่น ลำดับที่ 40 เซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัย(แผงหน้า) ก็โดนตัดไป แล้วผมจะรู้มั้ยว่าตอนนี้มันชำรุดจริงหรือไม่จริงแต่โดนตัดรายการออก (สบายใจละต่อไปถ้าเกิดอุบัติเหตุครั้งหน้าจะไม่มีถุงลมนิรภัยแตกใส่หน้ากูละ อุตส่าซื้อรุ่นมีถุงลมแต่ตอนนี้เซนเซอร์ไม่รู้มันใช้งานได้หรือเปล่า) งงในงงอีกแล้ว!!!!!
ซึ่งเอาจริงๆแล้วผมก้อเข้าใจอยู่แล้วว่าอู่ซ่อมรถเป็นแค่อู่ซ่อมคืนสภาพภายนอกรถ ยังไงก็ต้องเอารถไปเข้าศูนย์บริการรถตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้ช่างผู้มีความชำนาญตรวจสภาพอีกครั้ง เพื่อให้ตรวจเช็คชิ้นส่วนอื่นและการรั่วซึมต่างๆ ต่อด้วยร้านยางเพื่อเช็คช่วงล่างรถว่ามีสภาพอย่างไรเพื่อให้ร้านตั้งศูนย์คืนสภาพให้เหมือนเดิม ซึ่งมีความชำนาญมากกว่าอู่ซ่อม(และเพื่อความสบายใจ) "ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้มันคงจะต้องเป็นผมละ บริษัทคงไม่ยอมจ่าย"
****สรุปครั้งนี้ ผมเป็นผู้สมัครใจจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันราคาเท่านี้ และกรมธรรม์บริษัทให้ความคุ้มครองต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย 300,000 บาท/ครั้ง ผมใช้รถมา 9 ปี ทำประกันกับบริษัทนี้ 8 ปี ไม่เคยมีประวัติซ่อมหนัก จะมีก็มอเตอร์ไซด์เฉี่ยวตัดหน้าซึ่งก็ไม่หนัก และไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุ และไม่อยากมีปัญหากับคู่กรณี ตัวอย่างเช่นเมื่อเกิดเหตุตำรวจถามว่ามีประกันภัยมั้ยให้โทรหาประกันให้มาเคลียก็จบ ผมเป็น"คนรักรถ"มากสืบได้ ซ่อมบำรุงเปลี่ยนถ่ายชิ้นส่วน,ของเหลวครบตามระยะ แล้วต่อไปผมน่าจะทำประกันกับบริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย อีกมั้ย
สอบถามเรื่องการนโยบายซ่อมเครมประกันภัยรถยนต์กับ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย #บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย
*ตอนนี้ผมขอขั้นพิจารณาก่อน ว่าตอนเจ้าหน้าที่ประกันมาติดต่อกับอู่น่าจะเรียกผมเข้ามาพบด้วยมันไม่ใช่แค่ขั้นตอนระหว่างประกันกับอู่เพียงอย่างดียว "ผมเป็นคนจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันใช่มั้ย?" ถ้าชิ้นส่วนไหนต้องเปลี่ยน แต่พนักงานบริษัทเป็นคนตัดสินใจเพียงคนเดียว(หรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะต้องส่งเรื่องเข้าสำนักงานใหญ่อีกด้วย)
เมื่อการซ่อมกำลังดำเนินการอยู่ ผมก็ได้ไปดูการซ่อมเป็นระยะ แล้วอู่ก็บอกว่าไฟหน้าบริษัทให้ใช้เป็นของเก่าถอด ???? งงซิครับ ผมก้อเลยให้อู่ซื้อของแท้ห้างมาใส่ให้ผมโดยจะจ่ายค่าส่วนต่างให้ (สรุป2,500บาท เพื่อตัดปัญหา)
เมื่อซ่อมเสร็จอู่ก้อติดต่อมาให้มารับรถ และยังคิดในใจอยู่ว่ารายการอื่นคงไม่โดนตัดไปอีกเยอะนะ พอถึงอู่เห็นรถก็ตรวจเช็คความเรียบร้อย(มีให้แก้ไขอยู่บ้างในขั้นต้น เพื่อนำรถไปใช้งานก่อน) พอขอดูใบสรุปค่าใช้จ่ายแค่นั้นแหละถึงกับอ่อนใจ คงเหลือค่าใช้จ่าย 74,463 บาท งงในงง!!!! คิดในใจ""ตัดอะไรกันนักกันหนาเนี่ย
รถผมมีวงเงินความคุ้มครองต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย 300,000 บาท/ครั้ง ค่าประเมิณครั้งแรก 176,767.86 บาท แต่ซ่อมจริง 74,463 บาท รายการอะไหล่ 68 รายการตัดออก 21 รายการ โอเคผมเข้าใจบางรายการที่ไม่ชำรุดมากก็ตัดไป อะไหล่ให้ซ่อมก็เป็นของเทียม บอกว่ารถเป็นรถเก่าแล้ว(รถของผมยี่ห้ออีซูซุ ออลนิวดีแม็กซ์ ปี 2012 นะครับ และเป็นรถที่อะไหล่ศูนย์แท้ก็ยังมีอยู่ 70-80% ของรายการอะไหล่ทั้งหมด ซึ่งแล้ววงเงินคุ้มครองฯ 300,000 มันคือยอดเงินอะไร หรือเพียงแค่เอาไว้ล่อตาล่อใจลูกค้า(เหยื่อ)เท่านั้น) อย่างเช่น
1.อินตอร์คูลเลอร์ แท้ 11,700 บาท ใส่ให้ 4,672 บาท
2.หม้อน้ำ แท้ 6,687 บาท ใส่ให้ 2,990 บาท
อย่างอื่นอีกเยอะแยะเห็นแล้วอ่อนใจ
แต่บางรายการซึ่งผมว่าก็มีความสำคัญมากเช่น ลำดับที่ 40 เซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัย(แผงหน้า) ก็โดนตัดไป แล้วผมจะรู้มั้ยว่าตอนนี้มันชำรุดจริงหรือไม่จริงแต่โดนตัดรายการออก (สบายใจละต่อไปถ้าเกิดอุบัติเหตุครั้งหน้าจะไม่มีถุงลมนิรภัยแตกใส่หน้ากูละ อุตส่าซื้อรุ่นมีถุงลมแต่ตอนนี้เซนเซอร์ไม่รู้มันใช้งานได้หรือเปล่า) งงในงงอีกแล้ว!!!!!
ซึ่งเอาจริงๆแล้วผมก้อเข้าใจอยู่แล้วว่าอู่ซ่อมรถเป็นแค่อู่ซ่อมคืนสภาพภายนอกรถ ยังไงก็ต้องเอารถไปเข้าศูนย์บริการรถตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้ช่างผู้มีความชำนาญตรวจสภาพอีกครั้ง เพื่อให้ตรวจเช็คชิ้นส่วนอื่นและการรั่วซึมต่างๆ ต่อด้วยร้านยางเพื่อเช็คช่วงล่างรถว่ามีสภาพอย่างไรเพื่อให้ร้านตั้งศูนย์คืนสภาพให้เหมือนเดิม ซึ่งมีความชำนาญมากกว่าอู่ซ่อม(และเพื่อความสบายใจ) "ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้มันคงจะต้องเป็นผมละ บริษัทคงไม่ยอมจ่าย"
****สรุปครั้งนี้ ผมเป็นผู้สมัครใจจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันราคาเท่านี้ และกรมธรรม์บริษัทให้ความคุ้มครองต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย 300,000 บาท/ครั้ง ผมใช้รถมา 9 ปี ทำประกันกับบริษัทนี้ 8 ปี ไม่เคยมีประวัติซ่อมหนัก จะมีก็มอเตอร์ไซด์เฉี่ยวตัดหน้าซึ่งก็ไม่หนัก และไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุ และไม่อยากมีปัญหากับคู่กรณี ตัวอย่างเช่นเมื่อเกิดเหตุตำรวจถามว่ามีประกันภัยมั้ยให้โทรหาประกันให้มาเคลียก็จบ ผมเป็น"คนรักรถ"มากสืบได้ ซ่อมบำรุงเปลี่ยนถ่ายชิ้นส่วน,ของเหลวครบตามระยะ แล้วต่อไปผมน่าจะทำประกันกับบริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย อีกมั้ย