มูกเลือด สิ่งผิดปกติที่มักพบในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้าย หรือใกล้คลอด ความเป็นจริงแล้วมูกเลือดคืออะไร เป็นสัญญาณของอันตรายที่เกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ หรือสัญญาณเตือนใกล้คลอด มาเรียนรู้ไปพร้อมกันดีกว่าค่ะ
มูกระหว่างตั้งครรภ์คืออะไร ?
มูก มีลักษณะคล้ายวุ้นเหนียวที่คุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 มักพบเจอเวลาอาบน้ำทำความสะอาด หรือแม้แต่เราใช้ทิชชูเช็ดทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ โดยมูกเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นหลังจากที่ไข่และอสุจิได้มีการปฏิสนธิกันแล้ว และจะอยู่บริเวณของปากมดลูก โดยมูกนั้นมีความสำคัญดังต่อไปนี้
- ปิดปากมดลูกหลังจากการปฏิสนธิ เมื่อไข่ที่มีการปฏิสนธิฝังตัวอยู่ภายในมดลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาคือปากมดลูกจะนิ่มและพองตัว มูกนี้จะช่วยในการปิดปากมดลูก และเริ่มเข้าสู่กระบวนการการสร้างรก และน้ำคร่ำ
- ป้องกันแบคทีเรีย ไวรัส และสารก่อโรคอื่นๆ ให้กับทารกในครรภ์ เมื่อฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีการเปลี่ยนแปลงจากการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะผลิตมูกออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดการตั้งครรภ์ เพื่อให้มูกเหล่านั้นใหม่อยู่เสมอ โดยภายในมูกนั้นมีแอนติบอดีที่สามารถช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เข้าสู่ทารกได้
มูกเลือด คือ ?
มูกเลือด เป็นมูกชนิดเดียวกับมูกปกติทั่วไปที่คุณแม่ตั้งครรภ์สร้างขึ้นมาในช่วงของการตั้งครรภ์ แต่ก่อนที่จะเกิดการคลอดบุตรนั้น ความสมดุลของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีการเพิ่มมากขึ้น เมื่อกระบวนการพัฒนาของทารกในครรภ์นั้นใกล้จะสมบูรณ์ หรือใกล้คลอดนั่นเอง มูกเหล่านั้นจะเริ่มถูกผลิตน้อยลง และปากมดลูกก็จะเริ่มขยายออก เพื่อเปิดทางให้ทารกออกมา แต่ในระหว่างนั้นที่มูกเหล่านั้นถูกขับออกมาจากการขยายของปากมดลูกอาจทำให้เส้นเลือดฝอยแตก จึงทำให้มูกที่ออกมากลายเป็น มูกเลือด นั่นเอง
การพบมูกเลือดเป็นสัญญาณของการใกล้คลอดใช่หรือไม่?
หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วงท้าย หรือไตรมาสที่ 3 นั้นสังเกตเห็นถึงมูกเลือดที่ออกมา อย่าพึ่งปักใช่เชื่อว่าเป็นสัญญาณของการใกล้คลอด เพราะในบางครั้งมูกเลือดนั้นอาจออกมาก่อนที่คุณจะเจ็บท้องคลอดก่อนเป็นวัน สัปดาห์ หรือหลายสัปดาห์ โดยคุณแม่สามารถสังเกตอาการตนเองเบื้องต้นได้เมื่อมีอาการเหล่านี้ร่วมกับการพบมูกเลือด อาจเป็นสัญญาณของการใกล้คลอดจริงๆ ดังนี้
ท้องลด
คุณจะรู้สึกว่าหน้าท้องของคุณจะมีขนาดเล็กลง โดยมีสาเหตุมาจากทารกในครรภ์นั้นเริ่มหย่อนตัวลงไปยังช่วงของกระดูกเชิงกราน ซึ่งจะทำให้คุณแม่นั้นสามารถหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แต่จะทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นเนื่องจากทารกจะกดทับกระเพาะปัสสาวะของคุณ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่าพวกเขาพร้อมที่จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว
ภาวะน้ำเดิน
การที่มีของเหลวใสไหลออกมาจากช่องคลอด น้ำเดิน หรือถุงน้ำคร่ำแตก นั้นจะเกิดขึ้นเร็วมากจนคุณไม่ทันได้ตั้งตัว คุณควรรีบเข้าพบแพทย์ในทันที เพราะคุณอาจจะพร้อมคลอดมากเต็มทีแล้ว
การขยายตัวของปากมดลูก
เมื่อเกิดภาวะน้ำเดินแล้วคุณถึงมือแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณอาจต้องทรมานนอนต่อด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากคุณจะต้องรอการขยายตัวของปากมดลูกก่อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แพทย์จะเริ่มทำคลอดให้กับคุณเมื่อปากมดลูกขยายถึง 10 เซนติเมตรแล้ว
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการพบมูก หรือมูกเลือดนั้นไม่ได้เป็นสัญญาณเตือนการคลอดของทารกเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมีสัญญาณอื่นร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตามหากคุณแม่พบมูกเลือด พร้อมกับอาการผิดปกติทางร่างกายอื่น ๆ ที่คาดว่าจะเป็นอันตรายต่อตนเองและทารกในครรภ์ให้รีบเข้าปรึกษาแพทย์ในทันที
พบมูกแบบไหนถึงน่าเป็นกังวล?
บางครั้งการพบมูกก่อนคลอดนั้นไม่ได้เป็นสัญญาณของการคลอดบุตรเสมอไป โดยเฉพาะหากคุณพบความปกติของมูกเลือดที่ออกมาอาจเป็นการบ่งชี้ถึงปัญหาร้ายแรง เช่น รกเกาะต่ำ รกลอกตัว การคลอดก่อนกำหนด หรือการติดเชื้อ โดยคุณแม่สามารถสังเกตอาการเหล่านี้ได้จากดังนี้
- มูกเลือด เป็นสีแดงสดมากกว่าปกติ
- มูกเลือดออกมาทางช่องคลอดในช่วงที่อายุครรภ์น้อยกว่า 36 สัปดาห์
- พบตกขาวสีเขียว หรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น
มูก หรือมูกเลือดจะหมดไปเมื่อใด?
คุณแม่หลายคนอาจมีการตกขาวระหว่างการตั้งครรภ์ ร่วมกับการที่พบมูก หรือมูกเลือดร่วมด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะระบุได้ว่ามูกที่หลุดออกมาจากปากมดลูกนั้นจะหมดเมื่อใด แต่อย่างไรก็ตามคุณแม่สามารถสังเกตมูกด้วยตนเองได้ โดยมูกหรือมูกเลือดนั้นจะมีลักษณะเป็นเส้น หรือเป็นวุ้นหนา ๆ และอาจมีการปนเปื้อนของเลือดร่วมด้วย
พบมูก หรือมูกเลือดช่วงไหนถือว่าอันตราย?
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้นย่อมมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพลูกน้อยอยู่แล้ว ถ้าหากพบสิ่งแปลกปล่อย หรือความผิดปกติของร่างกายยิ่งทำให้เกิดความกังวลเข้าไปอีก ดังนั้นเรามาลองดูกันดีกว่าการที่คุณแม่พบมูกหรือูกเลือดในช่วงใดถือว่าเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์
คุณแม่ที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 36 สัปดาห์
หากคุณแม่ที่พบมูกเลือดในช่วงก่อนของการตั้งครรภ์ช่วง 1-36 สัปดาห์นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะอาจเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด โดยหากคุณแม่พบว่ามูกเหล่านั้นได้หมดไป คุณแม่อาจต้องเข้ารับการตรวจประเมินกับแพทย์โดยด่วน เพราะตรวจเช็กสุขภาพของทารก และการขยายตัวของปากมดลูก
คุณแม่ที่มีอายุครรภ์หลัง 37 สัปดาห์เป็นต้นไป
หากคุณแม่ตั้งครรภ์ได้นานกว่า 37 สัปดาห์และยังไม่มีอาการใด ๆ นั้นไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะในบางครั้งมูกเหล่านั้นอาจได้เกิดขึ้นแล้ว แต่คุณไม่ทันได้รู้ตัว คุณสามารถปรึกษากับแพทย์เรื่องนี้ได้เมื่อถึงนัดตรวจครรภ์ครั้งต่อไป แต่อย่างไรก็ตามคุณหมอจะคอยตรวจสุขภาพทารกในครรภ์และปากมดลูกของคุณอยู่เสมอ และจะให้คุณแม่หมั่นเฝ้าสังเกตอาการของตนเอง เพราะอาจพบสัญญาณใกล้คลอดเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สบายใจกันได้แล้วสำหรับคุณแม่ที่พบกรณีมูก หรือมูกเลือดดังกล่าวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือในตอนที่อายุครรภ์ตั้งแต่ 37 สัปดาห์เป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่พบความผิดปกติของร่างกายในช่วงการตั้งครรภ์นั้นไม่ควรที่จะชะล่าใจ ให้รีบพบแพทย์ในทันทีเลยนะคะ เพราะอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อทั้งตัวคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ได้
https://th.theasianparent.com/mucus-plug
มูกเลือด ระหว่างตั้งครรภ์อันตรายไหม? สัญญาณใกล้คลอดหรือเปล่า?
มูกระหว่างตั้งครรภ์คืออะไร ?
มูก มีลักษณะคล้ายวุ้นเหนียวที่คุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 มักพบเจอเวลาอาบน้ำทำความสะอาด หรือแม้แต่เราใช้ทิชชูเช็ดทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ โดยมูกเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นหลังจากที่ไข่และอสุจิได้มีการปฏิสนธิกันแล้ว และจะอยู่บริเวณของปากมดลูก โดยมูกนั้นมีความสำคัญดังต่อไปนี้
- ปิดปากมดลูกหลังจากการปฏิสนธิ เมื่อไข่ที่มีการปฏิสนธิฝังตัวอยู่ภายในมดลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาคือปากมดลูกจะนิ่มและพองตัว มูกนี้จะช่วยในการปิดปากมดลูก และเริ่มเข้าสู่กระบวนการการสร้างรก และน้ำคร่ำ
- ป้องกันแบคทีเรีย ไวรัส และสารก่อโรคอื่นๆ ให้กับทารกในครรภ์ เมื่อฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีการเปลี่ยนแปลงจากการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะผลิตมูกออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดการตั้งครรภ์ เพื่อให้มูกเหล่านั้นใหม่อยู่เสมอ โดยภายในมูกนั้นมีแอนติบอดีที่สามารถช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เข้าสู่ทารกได้
มูกเลือด คือ ?
มูกเลือด เป็นมูกชนิดเดียวกับมูกปกติทั่วไปที่คุณแม่ตั้งครรภ์สร้างขึ้นมาในช่วงของการตั้งครรภ์ แต่ก่อนที่จะเกิดการคลอดบุตรนั้น ความสมดุลของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีการเพิ่มมากขึ้น เมื่อกระบวนการพัฒนาของทารกในครรภ์นั้นใกล้จะสมบูรณ์ หรือใกล้คลอดนั่นเอง มูกเหล่านั้นจะเริ่มถูกผลิตน้อยลง และปากมดลูกก็จะเริ่มขยายออก เพื่อเปิดทางให้ทารกออกมา แต่ในระหว่างนั้นที่มูกเหล่านั้นถูกขับออกมาจากการขยายของปากมดลูกอาจทำให้เส้นเลือดฝอยแตก จึงทำให้มูกที่ออกมากลายเป็น มูกเลือด นั่นเอง
การพบมูกเลือดเป็นสัญญาณของการใกล้คลอดใช่หรือไม่?
หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วงท้าย หรือไตรมาสที่ 3 นั้นสังเกตเห็นถึงมูกเลือดที่ออกมา อย่าพึ่งปักใช่เชื่อว่าเป็นสัญญาณของการใกล้คลอด เพราะในบางครั้งมูกเลือดนั้นอาจออกมาก่อนที่คุณจะเจ็บท้องคลอดก่อนเป็นวัน สัปดาห์ หรือหลายสัปดาห์ โดยคุณแม่สามารถสังเกตอาการตนเองเบื้องต้นได้เมื่อมีอาการเหล่านี้ร่วมกับการพบมูกเลือด อาจเป็นสัญญาณของการใกล้คลอดจริงๆ ดังนี้
ท้องลด
คุณจะรู้สึกว่าหน้าท้องของคุณจะมีขนาดเล็กลง โดยมีสาเหตุมาจากทารกในครรภ์นั้นเริ่มหย่อนตัวลงไปยังช่วงของกระดูกเชิงกราน ซึ่งจะทำให้คุณแม่นั้นสามารถหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แต่จะทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นเนื่องจากทารกจะกดทับกระเพาะปัสสาวะของคุณ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่าพวกเขาพร้อมที่จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว
ภาวะน้ำเดิน
การที่มีของเหลวใสไหลออกมาจากช่องคลอด น้ำเดิน หรือถุงน้ำคร่ำแตก นั้นจะเกิดขึ้นเร็วมากจนคุณไม่ทันได้ตั้งตัว คุณควรรีบเข้าพบแพทย์ในทันที เพราะคุณอาจจะพร้อมคลอดมากเต็มทีแล้ว
การขยายตัวของปากมดลูก
เมื่อเกิดภาวะน้ำเดินแล้วคุณถึงมือแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณอาจต้องทรมานนอนต่อด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากคุณจะต้องรอการขยายตัวของปากมดลูกก่อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แพทย์จะเริ่มทำคลอดให้กับคุณเมื่อปากมดลูกขยายถึง 10 เซนติเมตรแล้ว
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการพบมูก หรือมูกเลือดนั้นไม่ได้เป็นสัญญาณเตือนการคลอดของทารกเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมีสัญญาณอื่นร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตามหากคุณแม่พบมูกเลือด พร้อมกับอาการผิดปกติทางร่างกายอื่น ๆ ที่คาดว่าจะเป็นอันตรายต่อตนเองและทารกในครรภ์ให้รีบเข้าปรึกษาแพทย์ในทันที
พบมูกแบบไหนถึงน่าเป็นกังวล?
บางครั้งการพบมูกก่อนคลอดนั้นไม่ได้เป็นสัญญาณของการคลอดบุตรเสมอไป โดยเฉพาะหากคุณพบความปกติของมูกเลือดที่ออกมาอาจเป็นการบ่งชี้ถึงปัญหาร้ายแรง เช่น รกเกาะต่ำ รกลอกตัว การคลอดก่อนกำหนด หรือการติดเชื้อ โดยคุณแม่สามารถสังเกตอาการเหล่านี้ได้จากดังนี้
- มูกเลือด เป็นสีแดงสดมากกว่าปกติ
- มูกเลือดออกมาทางช่องคลอดในช่วงที่อายุครรภ์น้อยกว่า 36 สัปดาห์
- พบตกขาวสีเขียว หรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น
มูก หรือมูกเลือดจะหมดไปเมื่อใด?
คุณแม่หลายคนอาจมีการตกขาวระหว่างการตั้งครรภ์ ร่วมกับการที่พบมูก หรือมูกเลือดร่วมด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะระบุได้ว่ามูกที่หลุดออกมาจากปากมดลูกนั้นจะหมดเมื่อใด แต่อย่างไรก็ตามคุณแม่สามารถสังเกตมูกด้วยตนเองได้ โดยมูกหรือมูกเลือดนั้นจะมีลักษณะเป็นเส้น หรือเป็นวุ้นหนา ๆ และอาจมีการปนเปื้อนของเลือดร่วมด้วย
พบมูก หรือมูกเลือดช่วงไหนถือว่าอันตราย?
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้นย่อมมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพลูกน้อยอยู่แล้ว ถ้าหากพบสิ่งแปลกปล่อย หรือความผิดปกติของร่างกายยิ่งทำให้เกิดความกังวลเข้าไปอีก ดังนั้นเรามาลองดูกันดีกว่าการที่คุณแม่พบมูกหรือูกเลือดในช่วงใดถือว่าเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์
คุณแม่ที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 36 สัปดาห์
หากคุณแม่ที่พบมูกเลือดในช่วงก่อนของการตั้งครรภ์ช่วง 1-36 สัปดาห์นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะอาจเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด โดยหากคุณแม่พบว่ามูกเหล่านั้นได้หมดไป คุณแม่อาจต้องเข้ารับการตรวจประเมินกับแพทย์โดยด่วน เพราะตรวจเช็กสุขภาพของทารก และการขยายตัวของปากมดลูก
คุณแม่ที่มีอายุครรภ์หลัง 37 สัปดาห์เป็นต้นไป
หากคุณแม่ตั้งครรภ์ได้นานกว่า 37 สัปดาห์และยังไม่มีอาการใด ๆ นั้นไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะในบางครั้งมูกเหล่านั้นอาจได้เกิดขึ้นแล้ว แต่คุณไม่ทันได้รู้ตัว คุณสามารถปรึกษากับแพทย์เรื่องนี้ได้เมื่อถึงนัดตรวจครรภ์ครั้งต่อไป แต่อย่างไรก็ตามคุณหมอจะคอยตรวจสุขภาพทารกในครรภ์และปากมดลูกของคุณอยู่เสมอ และจะให้คุณแม่หมั่นเฝ้าสังเกตอาการของตนเอง เพราะอาจพบสัญญาณใกล้คลอดเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สบายใจกันได้แล้วสำหรับคุณแม่ที่พบกรณีมูก หรือมูกเลือดดังกล่าวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือในตอนที่อายุครรภ์ตั้งแต่ 37 สัปดาห์เป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่พบความผิดปกติของร่างกายในช่วงการตั้งครรภ์นั้นไม่ควรที่จะชะล่าใจ ให้รีบพบแพทย์ในทันทีเลยนะคะ เพราะอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อทั้งตัวคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ได้
https://th.theasianparent.com/mucus-plug