ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง ขอบคุณ...ที่มาแทนที่






ขอบคุณที่ช่วยมาแทนที่...

โดย ล. วิลิศมาหรา

ฉันเพิ่งฟื้นจากฤทธิ์ของยาสลบ พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องหนึ่งของโรงพยาบาล เป็นห้องกว้างตั้งเตียงไว้หกเตียง เรียงกันเป็นสองแถว ๆ ละสามเตียง หันปลายเท้าเข้าหากัน พอรู้สึกตัว อันดับแรกฉันรีบเอามือคลำหน้าท้องตัวเองดู มันถูกโปะด้วยผ้าพันแผลหนา ๆ ก็แสดงว่าการผ่าตัดลุล่วงไปด้วยดี

ก่อนถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาล ฉันเกิดปวดท้องอย่างกะทันหัน มันปวดมากชนิดไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต จนลุกเดินเองไม่ไหว ได้แต่นอนน้ำตาไหล ร้องครวญครางอยู่ในห้องเช่า ส่วนสามีขี้เหล้าของฉันนั้น โทร.หาเท่าไหร่ก็โทร.ไม่ติด สงสัยคงไปเมาปลิ้นอยู่ในร้านเหล้าที่ไหนสักแห่ง โชคดีที่คนแถวนี้มาเจอเข้าพอดี เลยช่วยพาตัวส่งโรงพยาบาล ไม่งั้นคงปวดท้องตายคาห้องเช่าไปแล้ว 

หมอบอกว่าฉันเป็นไส้ติ่งแตก จะต้องผ่าตัดด่วน ฉันปวดมากทนแทบไม่ได้ บอกหมอว่าจะทำอะไรก็ให้รีบทำ จะปาดจะเฉือนตามใจหมอเลย ขอเพียงทำให้หายเจ็บเป็นพอ พวกหมอเอาตัวฉันเข้าห้องผ่าตัด รุมทำอะไรกับร่างกายฉันอยู่พักใหญ่ จากนั้นฉันก็หลับไป ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในห้องนี้แล้ว ส่วนสามีตัวดี ป่านนี้ยังไม่เห็นหน้า ไม่รู้จะรู้แล้วหรือยังว่าเมียตัวเองมานอนผ่าตัดอยู่ในโรงพยาบาล

ที่แขนไม่มีสายน้ำเกลือ แสดงว่าไม่ถูกเติมน้ำเกลือให้อีก ฉันรู้สึกคอแห้งผาก เลยเอียงหน้ามองหาน้ำดื่มบนโต๊ะข้างเตียงของตัวเอง แต่บนนั้นไม่มีขวดน้ำดื่มสำหรับให้คนไข้ใช้ดื่มเหมือนเตียงอื่น สายตาจึงแลเลยไปยังโต๊ะข้างเตียงของป้าเตียงข้าง ๆ ที่กำลังนอนตะแคงหลับตา หันหน้ามาทางฉันอยู่ อยากขอดื่มน้ำจากขวดของแกสักอึก ให้หายคอแห้ง และเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมอง ป้าแกจึงลืมตาขึ้นมองตอบ ก่อนส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้ ไม่รู้ว่าแกป่วยเป็นอะไรมา ถึงได้แต่นอนหลับตานิ่ง ไม่กระดุกกระดิก เรียกว่าแทบจะไม่ไหวติงเอาเลย ทำท่าเหมือนไม่อยากขยับตัวแม้สักนิดเดียว

“หิวน้ำเหรอ” แกถามอย่างรู้ใจ ฉันพยักหน้ารับ มองไปทางขวดใส่น้ำของแกบนโต๊ะ 

“รอเดี๋ยว ของเธอพยาบาลเพิ่งมาเก็บเตียง ยังไม่เอาขวดใหม่มาวาง” แกบอกแบบไร้น้ำใจสุด ๆ ไม่ถามสักคำว่าจะเอาน้ำของตัวเองให้ดื่ม หรือหมอจะสั่งห้าม ประมาณว่าน้ำใครน้ำมัน อาจจะสั่งไม่ให้ใครเอาน้ำของแกไปดื่ม ฉันคิดพลางลองขยับตัวดู รู้สึกปวดแปลบที่แผลผ่าตัดขึ้นมา เลยต้องหยุดชะงัก งอตัวลง ไม่กล้าเคลื่อนไหวต่ออีก

ขณะนั้นเอง ก็มีพยาบาลสาวคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา หล่อนยิ้มร่า เอ่ยทักฉันว่า

“อ้าว...รู้ตัวแล้วนี่ หิวน้ำเหรอคะ เดี๋ยวฉันรินให้” 

นางฟ้าชุดขาวเตรียมขวดใส่น้ำกับจอกพลาสติกมาให้เตียงฉันจริง ๆ หล่อนรินน้ำใส่จอกวางไว้บนโต๊ะ ก่อนช่วยประคองตัวฉันให้ลุกขึ้นนั่ง หยิบจอกน้ำส่งให้ดื่ม ฉันรีบรับมาค่อย ๆ ยกขึ้นจิบ รู้สึกชื่นใจขึ้นมาอย่างมากมายบอกไม่ถูก จนต้องยิ้มให้นางพยาบาล หล่อนยิ้มตอบ ปล่อยมือจากฉันแล้วเดินเลยเข้าไปดูคนไข้เตียงข้างใน ฉันมองตามหลังหล่อนอย่างรู้สึกชอบใจในความเป็นคนใจดี 

วางจอกลงก่อนเอนตัวลงนอนตามเดิม สายตากวาดมองคนไข้รอบห้อง...ห้องนี้คงเป็นห้องพักฟื้นสำหรับคนไข้ที่พ้นขีดอันตรายแล้ว และคนไข้ส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนอาการไม่หนักหนาอะไรนัก ทุกเตียงมีคนไข้นอนประจำ ไล่สายตามาทีละเตียง เห็นว่ามีบางเตียงเท่านั้นที่ถูกติดตั้งเครื่องมือแพทย์ไว้ ให้รู้ว่ายังอยู่ในช่วงไม่น่าวางใจ ต้องดูแลเป็นพิเศษ คุณป้าเตียงข้างยังคงนอนตะแคงหลับตาในท่าเก่า รู้สึกผิดสังเกตกับคนไข้วัยสาวสองคน ด้านปลายเตียง ที่เริ่มทำอาการแปลก ๆ 

พวกหล่อนเป็นอะไรไป...

ฉันจ้องมองพวกหล่อนสองคน ที่พากันคืบคลานลงจากเตียงด้วยท่าทางสุดพิสดาร ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคนไข้ที่อาการดีพอ จะลงจากเตียงมาเดินบ้าง ถ้ายังเดินไหว แต่ที่แปลกใจก็คือ พวกหล่อนเอาหัวลงก่อนเท้า!!! 

ให้ตายสิ! ฉันเห็นกับตาว่าพวกหล่อนกำลังคลานลงมาเดิน โดยใช้สองมือต่างเท้า เอาหัวปักลงล่างแล้วชี้เท้าขึ้นข้างบน ทำท่าราวกับกำลังเล่นมายากล และที่น่าประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือ พวกหล่อนทำด้วยความชำนิชำนาญ โดยไม่ติดขัดอะไรเลย ประหนึ่งว่าทำมานานจนเป็นผู้เชี่ยวชาญทำท่านี้ไปแล้ว 

หล่อนสองคนป่วยด้วยโรคอะไร ทำไมถึงทำท่าแบบนั้น...

หันไปมองคนอื่นก็เห็นพากันนอนหลับตา ไม่มีทีท่าว่าใครจะลืมตามามองเลยสักคน ส่วนนางพยาบาลก็ชักผ้าม่านทำอะไรกับคนไข้อยู่ในอีกเตียงหนึ่ง
ผู้หญิงสองคนเดินด้วยท่าพิสดารผ่านเตียงคนไข้คนอื่นไป จนถึงหลังห้อง และเมื่อไปถึง พวกหล่อนก็กระเด้งร่างไปเกาะผนังห้องเหมือนจิ้งจก จากนั้นก็ไต่ผนังขึ้นไปจนถึงเพดาน ราวกับมือและเท้ามีกาวติด แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อไต่ไปถึงกลางห้อง หล่อนก็ปล่อยมือ ห้อยหัวลงมาเหลือบตามอง โดยที่เท้าทั้งสองข้างยังติดหนึบอยู่กับเพดาน 

“เฮ้ย!!!”

ฉันมองพวกหล่อนตาค้าง ก่อนร้องดังลั่นห้อง อยากให้คนไข้เตียงอื่นลืมตามามองบ้าง หรือให้นางพยาบาลคนนั้นเลิกผ้าม่านออกมามองด้วย อยากรู้ว่าจะมีใครเห็นเหมือนอย่างที่ฉันเห็นบ้างหรือเปล่า แต่เปล่าเลย มีเพียงป้าเตียงข้างเท่านั้นที่ลืมตามามอง แกทำหน้าสงสัยว่าฉันกำลังเอะอะเรื่องอะไร

“ทะ...เธอ เธอทำได้ยังไง” ฉันชี้มือชี้ไม้ไปที่ร่างบนเพดาน ตะกุกตะกักถามอย่างไม่เข้าใจเลย มือไม้เย็นเฉียบขึ้นมากะทันหัน

คุณป้าเอี้ยวหน้าไปมอง แล้วจึงคลี่ยิ้มออก 

“อ๋ออออ ลัดดากับสายบัวเขาขี้เมื่อย เลยลุกจากเตียงมาดัดเนื้อดัดตัวเล่น สองคนนี้เขาขี้เล่น ลัดดามันเคยตัวงอติดอยู่ในท่อ สายบัวเขาก็จมน้ำตาย”

“ติดอยู่ในท่อ จมน้ำตาย...” ฉันอุทาน ขวัญผวากับสายตาเย็นชาของคุณป้า ที่ไร้วี่แววว่าจะพูดเล่น

“ก็ที่เป็นข่าวไง ผู้หญิงเดินไม่ทันระวัง ตกท่อที่เทศบาลเปิดฝาท่อทิ้งไว้ กว่าจะเอาขึ้นมาได้ก็อาการร่อแร่ มาสิ้นใจตายเอาในห้องนี้ ส่วนสายบัวก็จมน้ำ ช่วยแล้วไม่ฟื้น ตายในห้องนี้ด้วยเหมือนกัน”

“อะ...อะไรนะ ไม่ตลกน่าป้า พูดล้อเล่นใช่ไหม...” ฉันอุทานซ้ำ ถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ป้าแกยิ้มเย็น พูดช้า ๆ ให้ฟังชัด ๆ ว่า

“จะพูดเล่นทำไม คนไข้เตียงข้างในยังไม่ตาย แต่ลัดดากับสายบัวตายไปแล้ว ป้าก็เหมือนกัน ผัวมันเอามีดมาไล่แทงป้า...พอดีหกล้มหนีไม่ทัน ก็เลยถูกมันแทงเข้าที่ข้างหลัง หมอเขาไม่ทันได้ผ่าเอามีดออก ป้าก็ตายเสียก่อน เออนี่...ช่วยดึงมีดออกจากหลังป้าที นอนตะแคงแบบนี้ ป้าเมื่อยจะแย่แล้ว”

คุณป้ายังคงพูดหน้าตาเฉย ไม่สนใจฉันที่เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง อย่างคนกำลังตกใจจนใกล้ช็อก พูดจบแกก็หันหลังให้ ฉันถึงค่อยมองเห็นมีดเล่มใหญ่ปักคาหลังของแกอยู่เกือบมิดด้าม เห็นแบบนั้นฉันก็สติแตก แหกปากร้องโวยวาย กระโจนลงจากเตียงอย่างลืมเจ็บ นางพยาบาลคงตกใจ เลยโผล่หน้าออกมามองจากหลังผ้าม่าน พอเห็นว่าเป็นเสียงฉัน หล่อนก็ปรามเสียงเย็นว่า

“อย่าส่งเสียงดังรบกวนคนไข้คนอื่นสิคะ”

รบกวนบ้าอะไรกัน ฉันกำลังโดนผีหลอกอยู่...ฉันไม่สนใจในคำเตือนของหล่อน วิ่งเข้าไปหานางพยาบาล มุดตัวเข้าไปอยู่ในผ้าม่านด้วยคน พลางละล่ำละลักบอกหล่อน

“ผะ...ผีหลอก...นะ นั่น ข้างบนนั่น กับป้าที่เตียงคนนั้น พวกมันเป็น ผะ...ผี”

นางพยาบาลกอดฉันที่กลัวจนตัวสั่น หล่อนจุ๊ปากปลอบ 

“จุ๊ ๆ ...ไม่ต้องตกใจ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ. 

หล่อนปล่อยมือจากฉันข้างหนึ่ง หันไปรวบผ้าม่านให้เปิดออก แหงนหน้ามองผู้หญิงสองคนที่ห้อยหัวลงมา และกำลังทำตาเหลือกใส่ จนเห็นแต่ตาขาว ก่อนหันมามองคุณป้าที่โดนมีดเสียบหลัง ส่งเสียงเย็น ๆ บอกพวกนั้นว่า

“อย่าเล่นกันสิคะ รับน้องใหม่แบบนี้ไม่ดีนะคะ. 

บอกเสร็จก็หันมายิ้มให้กับฉัน แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่สยดสยองที่สุดในโลก เพราะทันทีนั้นเอง ใบหน้าหล่อนก็เขียวคล้ำลง ดวงตาเหลือกค้างขึ้นข้างบน ริมฝีปากที่ยิ้มอยู่ ไม่รู้มีน้ำอะไรไหลออกมา เป็นฟองฟอดสีขาวขุ่นเต็มปาก เหมือนคนน้ำลายฟูมปากยังไงยังงั้น

เท่านั้นฉันก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไรอยู่ รีบผงะออกห่าง สะบัดตัวจนพ้นจากวงแขนหล่อน วิ่งเข้าหาประตูกระจกเลื่อนที่ปิดอยู่ แต่ทันทีที่ประตูเลื่อนเปิดออก เท้าของฉันก็เหมือนถูกล็อคยึดไว้ด้วยพลังอะไรสักอย่าง จนชะงักค้างอยู่กลางประตู ไม่สามารถวิ่งออกไปได้อย่างที่ใจต้องการ 

นางพยาบาลสองคนข้างนอกห้อง เบิกตามองบานประตูที่เปิดออก พวกหล่อนมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะร้องโวยวายออกมา เสียงร้องดังลั่นของพวกหล่อนสะท้านเข้าไปในหัวใจฉัน เพราะชื่อที่พวกหล่อนร้องขึ้นมานั้นมันคือชื่อของฉันเอง 

“ว้าย!!!ผีนางแก้วตาหลอก”

แล้วนางพยาบาลสองคนนั้นก็วิ่งหนีไป ฉันค่อย ๆ หันมามองคนในห้อง เลิกตกใจกับอาการแปลกประหลาดของแต่ละคนแล้ว ลัดดากับสายบัวหล่นปุ๊ลงมายืนบนพื้นห้อง ป้าข้างเตียงล้มตัวลงนอนตะแคงตามเดิม พยาบาลสาวหันไปใส่ใจกับคนไข้ที่ยังไม่ถึงที่ตายภายในห้อง 

ส่วนฉันเดินกลับขึ้นไปนอนบนเตียงใหม่ รู้แล้วว่าทำไมถึงไม่สามารถก้าวผ่านประตูห้องออกไปได้ ฉันสิ้นใจตายอยู่ในห้องนี้ เหมือนกับพวกเขาทั้งสี่ ฉันได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดไส้ติ่งก็จริง แต่ฉันดันไม่ฟื้นขึ้นมาหลังการผ่าตัด

คนอื่นแยกย้ายกันไปนอนเตียงใครเตียงมัน นางพยาบาลคนนั้นยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ทุกคนในห้องกำลังรอต้อนรับน้องใหม่ เพราะก่อนที่จะมีใครได้ออกจากห้องนี้ไป จะต้องมีน้องใหม่แบบฉัน เข้ามานอนแทนที่ให้

เห็นทีจะต้องหยุดเล่าเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน รู้สึกว่าจะมีน้องใหม่เข้ามาในห้องของพวกเราอีกแล้ว...ขอบคุณที่เข้ามาแทนที่นะจ๊ะ

จบ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่