ถ้ายึดตามความจริงหรือสัจจะนิรันดร์ ฟิสิกส์ คือการศึกษาปรากฎการณ์ทางธรรมชาติซึ่งธรรมชาติเขามีของเขามาต้ั้งนานแล้วจะมีเครื่องมือที่แสดงเป็นตัวเลขเพื่อให้คนได้เห็นภาพหรือค่าต่างๆก็คือวิชาคำนวณ(คณิต)ที่เอามาอธิบายปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ(ฟิสิกส์)เท่านั้น ซึ้งถ้าจะให้ตอบถามคำถามว่าอะไรมาก่อนมาหลัง เปรียบเทียบให้เห็นนะครับ คณิตศาสตร์ เป็นหลักความจริงสัจจะที่เป็นค่าตัวเลขหรือนามธรรม แต่ ฟิสิกส์คือหลักความจริงที่เป็นสัจจะทางธรรมชาติ แล้วที่ในตำรามีการนำสูตรคำนวณมาช่วยอธิบายนั้นก็เพียงเพราะมนุษย์ไม่สามารถมีญาญหยั่งรู้ปรากฏการ์ณนั้นๆได้จึงจำเป็นต้องอาศัยหลักการคำนวนเพื่อมีค่าตัวเลขแสดงให้เห็นเพื่อความเข้าใจในปรากฏการ์ณนั้น เช่น คนเราทุกคนก่มีน้ำหนักตัวอยู่เป็นธรรมชาติอยู่แล้วซึ่งมันมีแรงโน้มถ่วงของโลก(ค่า g )อยู่เกิดน้ำหนัก แต่เพื่อความจัดเจนจึงมีเครื่องชั่งน้ำหนักเพื่อมีการวัดค่าได้ให้คนสามารถรู้ได้ว่าหนัก กี่กิโล ถ้าชั่งในโลกก็จะได้ค่าที่อิงจากแรงโน้มถ่วงของโลก ตัวเลขเป็นแค่เครื่องแสดงค่า แต่ฟิสิกส์นั้นสามารถอธิบายได้ลึกซึ้งไปอีก กล่าวคือ ถ้าเราชั่งน้ำหนักที่ดาวเคราะห์ดวงอื่นมันจะมีค่าไม่เท่ากับชั่งที่โลกเพราะค่าแรงโน้มถ่วงแต่ละดาวเคราะห์ไม่เท่ากัน ประการนี้ฟิสิกส์อธิบายเหตุการณ์การได้ชัดเจน ดังนั้นสิ่งที่มีอยู่แล้วเป็นธรรมชาติคือฟิสิกส์ ส่วน คณิตสาสตร์เป็นเพียงเครื่องคำนวณเพื่อให้มนุษย์สามารถวัดค่าต่างๆได้เท่านั้นสุดท้ายก็ต้องอาศัยหลักธรรมชาติอยู่ดี 
สรุปดังนี้ : ฟิสิกส์ คือ ความจริงเป็นปรากฏการ์ณทางธรรมชาติมีมาตั้งแต่กำเนิดจักรวาล ส่วน คณิตฯ เป็นภาษาทางตัวเลขภาษาหนึ่งที่มนุษย์ได้อาศัยหลักชาติในการสร้างขึ้นมา ดังเช่น นิวตัน เห็นปรากฏการลูกแอปเปิ้ลหล่นสู่พื้น จึงก่อเกิดวิชาคำนวนคณิตสาสตร์ชั้นสูงคือ แคลคูลัสขึ้นได้ หากมีคนบอกว่า คณิตเกิดก่อนนั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดมาก นี้เป็นเหตุเป็นผลที่แท้จริงให้ทุกคนลองพิจารณาดูให้ดีๆนะครับ