สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคนคร้าบบบ กลับมาพบกับ จขกท หน้ามนคนเดิมคนดีพร้อมกับรีวิวที่ชวนขายตับขายไตมาฝากกันเช่นเคย อิอิ
ถึงพลังแดดบ้านเราจะร้อนแรงแค่ไหนแต่ก็ยังมิเท่ากับความร้อนแรงของ HUAWEI ที่ขยันขันแข็งฮุยเลฮุยปล่อยหมัดเด็ดออกมาแบบรัวๆ ซึ่งหลังจากที่เรารีวิวหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดไปหมาดๆ วันนี้ก็เป็นคิวของอีกหนึ่ง Gadget ที่กระแสร้อนฉ่าไม่แพ้กันอย่าง HUAWEI WATCH 3 ที่เพิ่งเปิดตัว ดีกรีไม่ใช่แค่ความใหม่ ความสด ความน่าสัมผัส แต่ยังเป็นสมาร์ตวอตช์ตัวแรกของค่ายที่รันด้วยระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ที่หัวเว่ยปั้นมากับมือเองกับมือ จะน่าสนใจ ลูกเล่นแจ่มว้าวเยอะมากกกกกแค่ไหน รีวิวร้อนๆ มาเสิร์ฟแล้ว
ก่อนจะรีวิวแบบเต็มๆ HUAWEI WATCH 3 เป็นชื่อของซีรีส์ ไม่ได้มาเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 3 รุ่นให้เลือกซื้อ ได้แก่ HUAWEI WATCH 3 Active, รุ่น Classic และ รุ่น Pro ความแตกต่างระหว่าง HUAWEI WATCH 3 สองรุ่นแรก และ Pro หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องของวัสดุของสายนาฬิกา และแบตเตอรรี่
สเปกเทียบกันระหว่าง HUAWEI WATCH 3 และ HUAWEI WATCH 3 Pro
พอจะเห็นความแตกต่างระหว่างสองรุ่นแบบคร่าวๆ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน แต่สำหรับตัวที่จขกท ได้มารีวิว จะเป็นรุ่น HUAWEI WATCH 3 Active แพ็กเกจมาเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจตุรัสสีดำ จะบอกว่าแปลกตาเล็กน้อย เพราะมีความคุ้นกับแพ็กเกจกล่องสีขาวคลีนๆ ของหัวเว่ยมากกว่า อุปกรณ์ที่มีมาด้วย ได้แก่ HUAWEI WATCH 3 Active , ใบรับประกัน, แท่นชาร์จ และ QR Code สำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน HUAWEI Health ตัวนาฬิกาสามารถใช้คู่กับดีไวซ์ฝั่งผลไม้หรือหุ่นเขียวได้ไม่มีปัญหา
ตัวแท่นชาร์จนาฬิกา จะมีแม่เหล็กฝังอยู่ข้างใต้ ทำให้พอวาง HUAWEI WATCH 3 Active ลงบนแท่นชาร์จ มันก็จะดูดติดอัตโนมัติ ไม่ต้องกลัวว่าชาร์จแล้วไฟจะไม่เข้าหรือนาฬิกาเคลื่อนที่
Design
ความรู้สึกแรกหลังจากสัมผัส HUAWEI WATCH 3 Active ยอมรับเลยว่าให้ Feeling ที่ดีมาก ตั้งแต่หน้าปัด สายนาฬิกาที่เป็นยางซิลิโคน ปุ่มต่างๆ ทุกส่วนประกอบ มีความสวยงามพรีเมียม ส่วนตัวคิดว่ามันมีความเข้ากันได้ดีกับทุกการแต่งตัว ถึงจะเป็นสมาร์ตวอตช์ที่เน้นสปอร์ตก็ตาม
หน้าปัด HUAWEI WATCH 3 Active เป็นทรงกลมแบบไร้ขอบ จอทัชสกรีนขนาด 1.43 นิ้ว แบบ 3D AMOLED ความละเอียด 466*466 พิกเซล สู้แสงแดดจัดๆ บ้านเราตอนกลางวันได้สบาย ตัวสายนาฬิกาเป็นยางซิลิโคนมีความหนาแต่ใส่แล้วไม่ร้อน
สัดส่วน 46.2mm x 46.2mm x 12.15mm
ด้านบนขวา HUAWEI WATCH 3 Active จะมีปุ่มควบคุม เราขอเรียกเจ้านี่ว่าปุ่ม Home นะฮะ เป็นปุ่มที่ไว้สำหรับควบคุม หมุนเข้า-ออก เพื่อเข้าแอปฯ ต่างๆ ของตัวเครื่อง นอกจากการใช้ปุ่ม Home ที่ว่านี้แล้วเราสามารถใช้นิ้วแตะที่หน้าปัดเพื่อเข้าถึงแอปฯ ต่างๆ ได้เหมือนกัน ได้ทั้งสองแบบ แต่การใช้ปุ่ม Home จะมีความง่ายและสะดวกกว่า
ไอคอนแอปฯ ดีไซน์รูปวงกลม ที่เข้ากันได้ดีกับหน้าปัดนาฬิกา มีความสดใส เห็นชัดเจนมองแว้บเดียวก็เข้าใจได้ ว่าเป็นไอคอนสำหรับอะไร เราสามารถกดค้างที่ตัวไอคอนเพื่อจัดเรียงให้สะดวกในการใช้งานได้เลื่อนแอปฯ ที่ใช้บ่อยๆ มาไว้แถวบนหรือตรงกลาง หรือถ้าจะลบก็กดค้างไว้
ตอนต้นเราจั่วหัวไว้ว่า HUAWEI WATCH 3 เป็นสมาร์ตวอตช์ที่รันด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ HarmonyOS ที่ทางหัวเว่ยพัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่อยู่ในดีไวซ์ของหัวเว่ยทุกตัว ความใหม่ทำให้เราอยากรู้อยากเห็นว่าจะมีลูกเล่นอะไรบ้าง ใช้แล้วลื่นไหลหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ได้หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาสัปดาห์กว่าก็คือ ว้าวเลยแหละ มันทำให้ HUAWEI WATCH 3 เป็นสมาร์ตวอตช์ที่ทำงานได้หลากหลาย เกินกว่าคำว่า Smart มาดูกันว่า HUAWEI WATCH 3 มีฟีเจอร์อะไรที่เป็นไฮไลต์บ้าง
เพื่อให้รีวิวกระชับ จขกท จะขออนุญาตแบ่งหัวข้อรีวิวออกเป็นสาม Part ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านไลฟ์สไตล์ และด้านการทำงาน
จุดประสงค์หลักของสมาร์ตวอตซ์ ก็เพื่อเป็นเครื่องมือดูแลสุขภาพ ตรวจวัด ติดตามค่าต่างๆ รวมถึงความแม่นยำ ซึ่งตัว HUAWEI WATCH 3 มีโหมดเหล่านี้มาครบ ทั้งการตรวจจับการนับก้าว ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ การตรวจระดับออกซิเจนในเลือด การตรวจจับอุณหภูมิที่ผิวหนัง ตั้งค่าได้ทั้งองศาฟาเรนไฮต์และองศาเซลเซียส ช่างเหมาะสำหรับสถานการณ์ช่วงนี้ เพราะเรามีเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นของตัวเอง ฮา นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด HUAWEI TruRelax™ เป็นโหมดที่จะตรวจจับระดับความเครียด และ HUAWEI TruSleep™ ติดตามการนอนหลับ
นอกจากฟีเจอร์วัดค่าต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพแล้ว HUAWEI WATCH 3 มีฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Fall Detection & SOS หรือโทรฉุกเฉินกรณีเกิดอุบัติเหตุระหว่างออกกำลังกายมาด้วย เช่นเกิดอุบัติเหตุหกล้ม เราสามารถป้อนชื่อกับเบอร์โทรฉุกเฉินไว้ผ่านแอปฯ AI Life ถ้าเกิดเคสขึ้นมา นาฬิกาก็จะทำการโทรออกไปยังรายชื่อฉุกเฉินที่เราเซ็ตไว้ทันที วิธีใช้ก็คือกดปุ่ม Home ห้าครั้งติดต่อกันเพื่อเรียก SOS
โหมดรูปแบบออกกำลังกาย จัดเต็มฮะ มีรูปแบบการออกกำลังกายทั้ง Indoor/outdoor ให้เลือกเยอะมาก วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ สกี สโนวบอร์ด กอล์ฟ ฯลฯ
ว่ามากันต่อในพาร์ต Better Life ก็จะมีหลายฟีเจอร์ด้วยกัน แต่ที่เป็นไฮไลต์คือ รองรับการใช้งาน eSIM ซึ่ง eSIM ก็คือการที่หมายเลขโทรศัพท์เดียวกัน สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ได้สองเครื่อง มีความปลอดภัยกว่าซิมธรรมดาที่เราใช้กันอยู่ แต่ต้องบอกว่ายังไม่ครอบคลุมทุกดีไวซ์นะ ยังอยู่ในสถานะขั้นต้น ใช้งานได้กับบางรุ่นบางดีไวซ์เท่านั้น ซึ่งการจะเปิดใช้งาน eSIM เพื่อให้ตัว HUAWEI WATCH 3 ใช้งานโทรศัพท์ได้โดยแบบอิสระ สามารถไปขอทำที่โอเปอเรเตอร์ได้เลยครับ ยื่น HUAWEI WATCH 3 ให้เจ้าหน้าที่ได้เลย ใช้เวลาไม่นาน
หลังจากนี้ก็สามารถใช้ HUAWEI WATCH 3 เป็นโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องพกมือถือติดตัวอีกต่อไปเวลาไปยิม หรือสวนสาธารณะ
นอกจากรองรับ eSIM เราสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก APP Gallery ลง HUAWEI WATCH 3 โดยตรงได้เลย แบบเดียวกับการดาวน์โหลดแอปฯ ลงสมาร์ตโฟน เท่าที่สำรวจใน APP Gallery ก็มีหลายแอปฯ ให้โหลดแล้ว เช่น แอปฯ รายการวิทยุ COOLISM ติดตั้งเสร็จ เราสามารถฟังเพลงจากสมาร์ตวอตช์ได้ เสียงดังชัดเจน
อันนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ จขกท ว่าเพิ่มความน่าใช้ให้กับ HUAWEI WATCH 3 เอามากๆ คือการเปลี่ยนสกรีนหน้าปัด หรือ Watch Face ซึ่งในตัวนาฬิกาเองมีหลายแบบให้เลือกเปลี่ยน แต่ถ้าไม่สะใจเราสามารถที่จะซื้อ Watch Face ที่มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน หรือ DIY Watch Faces เพิ่มรูปที่ชอบให้เป็นสไตล์ของตัวเองได้ โดยเข้าไปที่เมนู Setting จากนั้นไปที่ Watch Face& launcher ส่วนถ้าเราอยากจะดาวน์โหลด Watch Face ใหม่ๆ จากสโตร์ ก็ทำได้แค่เปิดแอปฯ HUAWEI Health ไปที่แถบ Device
ส่วนวิธีการ DIY Watch Faces ใส่รูปภาพที่เราชอบ อันนี้ก็เหมือนกับการแอดรูปลงในแอปฯ ทั่วไป อย่างเราตอนนี้ที่คิดถึงการเดินทางมาก แก้ความคิดถึง ด้วยการเอารูปทริปญี่ปุ่นมาทำเป็น Watch Faceเข้าที่เมนู Watch Faces ในแอปฯ HUAWEI Health เลือกแถบ Mine > Gallery จัดการเพิ่มรูปภาพใส่เข้าไป
มาถึงพาร์ตสุดท้าย การทำงานและแบตเตอร์รี่ HUAWEI WATCH 3 มีฟีเจอร์ Voice Memo มาด้วยฮะ เราสามารถที่จะอัดเสียงจากนาฬิกาได้เลย ด้วยการเข้าไปที่ไอคอน Note เท่าที่ลองใช้บันทึกเสียงและเปิดฟัง เสียงค่อนข้างดังชัดเจน ใช้งานเลยแหละ ต้องบอกว่าการที่นาฬิกาอัดเสียงได้นี่เป็นอะไรที่เพิ่มความสะดวกให้กับชีวิตเหมือนกันนะ โดยเฉพาะกับคนที่ลืมบ่อยอย่างเรา หรือเคสด่วนๆ เช่น หัวหน้าสั่งงานที่แล้วมีดีเทลที่ต้องแก้ไขเยอะ จะคว้ากระดาษมาจดเพื่อกันลืมก็ดูจะไม่ทันใจ จะใช้จำอย่างเดียวก็อาจจะพลาดได้ การอัดเสียงเก็บไว้ก่อนแล้วมาฟังย้อนหลังก็ทำให้ชีวิตง่ายดี
ด้วยฟีเจอร์และฟังก์ชันที่จัดเต็มขนาดนี้ แบตเตอร์รี่อยู่ได้นานไหม? น่าจะเป็นคำถามหลายคนอยากรู้มากที่สุด ก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้าไม่หนักหนาหักโหม 2-3 วันก็ไหว จากที่ลองใช้ก็ประมาณเดียวกับสเปก โดยสเปกระบุว่าถ้าเปิดใช้งาน Smart Modes อยู่ได้ประมาณ 3 วัน ขณะที่ตัว Pro จะอยู่ได้ประมาณ 5 วัน แต่ถ้าเปิดใช้งาน Ultra Long Battery Life Modes ก็จะอยู่ได้ ประมาณ 14 วันสำหรับรุ่นธรรมดา และประมาณ 21 วัน สำหรับตัว Pro หรือถ้ากลัวแบตฯ ไม่พอกลางทาง HUAWEI WATCH 3 รองรับการชาร์จแบบย้อนกลับด้วย
แต่ถ้าจะให้ดี แนะนำว่าถ้าแบตเตอร์รี่เหลือสักประมาณ 20% ก็เสียบสายชาร์จได้เลย ใช้เวลาชาร์จ 10 นาที นาฬิกาก็จะใช้ต่อได้อีกประมาณ 15 ชั่วโมง ไม่ต้องรอจนแบตฯ เกลี้ยง
[BR] สมการรอคอย! รีวิว HUAWEI WATCH 3 สมาร์ตวอตช์งบหมื่นต้นที่มากกว่าคำว่า Smart
ถึงพลังแดดบ้านเราจะร้อนแรงแค่ไหนแต่ก็ยังมิเท่ากับความร้อนแรงของ HUAWEI ที่ขยันขันแข็งฮุยเลฮุยปล่อยหมัดเด็ดออกมาแบบรัวๆ ซึ่งหลังจากที่เรารีวิวหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดไปหมาดๆ วันนี้ก็เป็นคิวของอีกหนึ่ง Gadget ที่กระแสร้อนฉ่าไม่แพ้กันอย่าง HUAWEI WATCH 3 ที่เพิ่งเปิดตัว ดีกรีไม่ใช่แค่ความใหม่ ความสด ความน่าสัมผัส แต่ยังเป็นสมาร์ตวอตช์ตัวแรกของค่ายที่รันด้วยระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ที่หัวเว่ยปั้นมากับมือเองกับมือ จะน่าสนใจ ลูกเล่นแจ่มว้าวเยอะมากกกกกแค่ไหน รีวิวร้อนๆ มาเสิร์ฟแล้ว
ก่อนจะรีวิวแบบเต็มๆ HUAWEI WATCH 3 เป็นชื่อของซีรีส์ ไม่ได้มาเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 3 รุ่นให้เลือกซื้อ ได้แก่ HUAWEI WATCH 3 Active, รุ่น Classic และ รุ่น Pro ความแตกต่างระหว่าง HUAWEI WATCH 3 สองรุ่นแรก และ Pro หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องของวัสดุของสายนาฬิกา และแบตเตอรรี่
สเปกเทียบกันระหว่าง HUAWEI WATCH 3 และ HUAWEI WATCH 3 Pro
พอจะเห็นความแตกต่างระหว่างสองรุ่นแบบคร่าวๆ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน แต่สำหรับตัวที่จขกท ได้มารีวิว จะเป็นรุ่น HUAWEI WATCH 3 Active แพ็กเกจมาเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจตุรัสสีดำ จะบอกว่าแปลกตาเล็กน้อย เพราะมีความคุ้นกับแพ็กเกจกล่องสีขาวคลีนๆ ของหัวเว่ยมากกว่า อุปกรณ์ที่มีมาด้วย ได้แก่ HUAWEI WATCH 3 Active , ใบรับประกัน, แท่นชาร์จ และ QR Code สำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน HUAWEI Health ตัวนาฬิกาสามารถใช้คู่กับดีไวซ์ฝั่งผลไม้หรือหุ่นเขียวได้ไม่มีปัญหา
ตัวแท่นชาร์จนาฬิกา จะมีแม่เหล็กฝังอยู่ข้างใต้ ทำให้พอวาง HUAWEI WATCH 3 Active ลงบนแท่นชาร์จ มันก็จะดูดติดอัตโนมัติ ไม่ต้องกลัวว่าชาร์จแล้วไฟจะไม่เข้าหรือนาฬิกาเคลื่อนที่
ความรู้สึกแรกหลังจากสัมผัส HUAWEI WATCH 3 Active ยอมรับเลยว่าให้ Feeling ที่ดีมาก ตั้งแต่หน้าปัด สายนาฬิกาที่เป็นยางซิลิโคน ปุ่มต่างๆ ทุกส่วนประกอบ มีความสวยงามพรีเมียม ส่วนตัวคิดว่ามันมีความเข้ากันได้ดีกับทุกการแต่งตัว ถึงจะเป็นสมาร์ตวอตช์ที่เน้นสปอร์ตก็ตาม
หน้าปัด HUAWEI WATCH 3 Active เป็นทรงกลมแบบไร้ขอบ จอทัชสกรีนขนาด 1.43 นิ้ว แบบ 3D AMOLED ความละเอียด 466*466 พิกเซล สู้แสงแดดจัดๆ บ้านเราตอนกลางวันได้สบาย ตัวสายนาฬิกาเป็นยางซิลิโคนมีความหนาแต่ใส่แล้วไม่ร้อน
สัดส่วน 46.2mm x 46.2mm x 12.15mm
ด้านบนขวา HUAWEI WATCH 3 Active จะมีปุ่มควบคุม เราขอเรียกเจ้านี่ว่าปุ่ม Home นะฮะ เป็นปุ่มที่ไว้สำหรับควบคุม หมุนเข้า-ออก เพื่อเข้าแอปฯ ต่างๆ ของตัวเครื่อง นอกจากการใช้ปุ่ม Home ที่ว่านี้แล้วเราสามารถใช้นิ้วแตะที่หน้าปัดเพื่อเข้าถึงแอปฯ ต่างๆ ได้เหมือนกัน ได้ทั้งสองแบบ แต่การใช้ปุ่ม Home จะมีความง่ายและสะดวกกว่า
ไอคอนแอปฯ ดีไซน์รูปวงกลม ที่เข้ากันได้ดีกับหน้าปัดนาฬิกา มีความสดใส เห็นชัดเจนมองแว้บเดียวก็เข้าใจได้ ว่าเป็นไอคอนสำหรับอะไร เราสามารถกดค้างที่ตัวไอคอนเพื่อจัดเรียงให้สะดวกในการใช้งานได้เลื่อนแอปฯ ที่ใช้บ่อยๆ มาไว้แถวบนหรือตรงกลาง หรือถ้าจะลบก็กดค้างไว้
ตอนต้นเราจั่วหัวไว้ว่า HUAWEI WATCH 3 เป็นสมาร์ตวอตช์ที่รันด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ HarmonyOS ที่ทางหัวเว่ยพัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่อยู่ในดีไวซ์ของหัวเว่ยทุกตัว ความใหม่ทำให้เราอยากรู้อยากเห็นว่าจะมีลูกเล่นอะไรบ้าง ใช้แล้วลื่นไหลหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ได้หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาสัปดาห์กว่าก็คือ ว้าวเลยแหละ มันทำให้ HUAWEI WATCH 3 เป็นสมาร์ตวอตช์ที่ทำงานได้หลากหลาย เกินกว่าคำว่า Smart มาดูกันว่า HUAWEI WATCH 3 มีฟีเจอร์อะไรที่เป็นไฮไลต์บ้าง
เพื่อให้รีวิวกระชับ จขกท จะขออนุญาตแบ่งหัวข้อรีวิวออกเป็นสาม Part ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านไลฟ์สไตล์ และด้านการทำงาน
จุดประสงค์หลักของสมาร์ตวอตซ์ ก็เพื่อเป็นเครื่องมือดูแลสุขภาพ ตรวจวัด ติดตามค่าต่างๆ รวมถึงความแม่นยำ ซึ่งตัว HUAWEI WATCH 3 มีโหมดเหล่านี้มาครบ ทั้งการตรวจจับการนับก้าว ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ การตรวจระดับออกซิเจนในเลือด การตรวจจับอุณหภูมิที่ผิวหนัง ตั้งค่าได้ทั้งองศาฟาเรนไฮต์และองศาเซลเซียส ช่างเหมาะสำหรับสถานการณ์ช่วงนี้ เพราะเรามีเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นของตัวเอง ฮา นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด HUAWEI TruRelax™ เป็นโหมดที่จะตรวจจับระดับความเครียด และ HUAWEI TruSleep™ ติดตามการนอนหลับ
นอกจากฟีเจอร์วัดค่าต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพแล้ว HUAWEI WATCH 3 มีฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Fall Detection & SOS หรือโทรฉุกเฉินกรณีเกิดอุบัติเหตุระหว่างออกกำลังกายมาด้วย เช่นเกิดอุบัติเหตุหกล้ม เราสามารถป้อนชื่อกับเบอร์โทรฉุกเฉินไว้ผ่านแอปฯ AI Life ถ้าเกิดเคสขึ้นมา นาฬิกาก็จะทำการโทรออกไปยังรายชื่อฉุกเฉินที่เราเซ็ตไว้ทันที วิธีใช้ก็คือกดปุ่ม Home ห้าครั้งติดต่อกันเพื่อเรียก SOS
โหมดรูปแบบออกกำลังกาย จัดเต็มฮะ มีรูปแบบการออกกำลังกายทั้ง Indoor/outdoor ให้เลือกเยอะมาก วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ สกี สโนวบอร์ด กอล์ฟ ฯลฯ
ว่ามากันต่อในพาร์ต Better Life ก็จะมีหลายฟีเจอร์ด้วยกัน แต่ที่เป็นไฮไลต์คือ รองรับการใช้งาน eSIM ซึ่ง eSIM ก็คือการที่หมายเลขโทรศัพท์เดียวกัน สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ได้สองเครื่อง มีความปลอดภัยกว่าซิมธรรมดาที่เราใช้กันอยู่ แต่ต้องบอกว่ายังไม่ครอบคลุมทุกดีไวซ์นะ ยังอยู่ในสถานะขั้นต้น ใช้งานได้กับบางรุ่นบางดีไวซ์เท่านั้น ซึ่งการจะเปิดใช้งาน eSIM เพื่อให้ตัว HUAWEI WATCH 3 ใช้งานโทรศัพท์ได้โดยแบบอิสระ สามารถไปขอทำที่โอเปอเรเตอร์ได้เลยครับ ยื่น HUAWEI WATCH 3 ให้เจ้าหน้าที่ได้เลย ใช้เวลาไม่นาน
หลังจากนี้ก็สามารถใช้ HUAWEI WATCH 3 เป็นโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องพกมือถือติดตัวอีกต่อไปเวลาไปยิม หรือสวนสาธารณะ
นอกจากรองรับ eSIM เราสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก APP Gallery ลง HUAWEI WATCH 3 โดยตรงได้เลย แบบเดียวกับการดาวน์โหลดแอปฯ ลงสมาร์ตโฟน เท่าที่สำรวจใน APP Gallery ก็มีหลายแอปฯ ให้โหลดแล้ว เช่น แอปฯ รายการวิทยุ COOLISM ติดตั้งเสร็จ เราสามารถฟังเพลงจากสมาร์ตวอตช์ได้ เสียงดังชัดเจน
อันนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ จขกท ว่าเพิ่มความน่าใช้ให้กับ HUAWEI WATCH 3 เอามากๆ คือการเปลี่ยนสกรีนหน้าปัด หรือ Watch Face ซึ่งในตัวนาฬิกาเองมีหลายแบบให้เลือกเปลี่ยน แต่ถ้าไม่สะใจเราสามารถที่จะซื้อ Watch Face ที่มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน หรือ DIY Watch Faces เพิ่มรูปที่ชอบให้เป็นสไตล์ของตัวเองได้ โดยเข้าไปที่เมนู Setting จากนั้นไปที่ Watch Face& launcher ส่วนถ้าเราอยากจะดาวน์โหลด Watch Face ใหม่ๆ จากสโตร์ ก็ทำได้แค่เปิดแอปฯ HUAWEI Health ไปที่แถบ Device
ส่วนวิธีการ DIY Watch Faces ใส่รูปภาพที่เราชอบ อันนี้ก็เหมือนกับการแอดรูปลงในแอปฯ ทั่วไป อย่างเราตอนนี้ที่คิดถึงการเดินทางมาก แก้ความคิดถึง ด้วยการเอารูปทริปญี่ปุ่นมาทำเป็น Watch Faceเข้าที่เมนู Watch Faces ในแอปฯ HUAWEI Health เลือกแถบ Mine > Gallery จัดการเพิ่มรูปภาพใส่เข้าไป
มาถึงพาร์ตสุดท้าย การทำงานและแบตเตอร์รี่ HUAWEI WATCH 3 มีฟีเจอร์ Voice Memo มาด้วยฮะ เราสามารถที่จะอัดเสียงจากนาฬิกาได้เลย ด้วยการเข้าไปที่ไอคอน Note เท่าที่ลองใช้บันทึกเสียงและเปิดฟัง เสียงค่อนข้างดังชัดเจน ใช้งานเลยแหละ ต้องบอกว่าการที่นาฬิกาอัดเสียงได้นี่เป็นอะไรที่เพิ่มความสะดวกให้กับชีวิตเหมือนกันนะ โดยเฉพาะกับคนที่ลืมบ่อยอย่างเรา หรือเคสด่วนๆ เช่น หัวหน้าสั่งงานที่แล้วมีดีเทลที่ต้องแก้ไขเยอะ จะคว้ากระดาษมาจดเพื่อกันลืมก็ดูจะไม่ทันใจ จะใช้จำอย่างเดียวก็อาจจะพลาดได้ การอัดเสียงเก็บไว้ก่อนแล้วมาฟังย้อนหลังก็ทำให้ชีวิตง่ายดี
ด้วยฟีเจอร์และฟังก์ชันที่จัดเต็มขนาดนี้ แบตเตอร์รี่อยู่ได้นานไหม? น่าจะเป็นคำถามหลายคนอยากรู้มากที่สุด ก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้าไม่หนักหนาหักโหม 2-3 วันก็ไหว จากที่ลองใช้ก็ประมาณเดียวกับสเปก โดยสเปกระบุว่าถ้าเปิดใช้งาน Smart Modes อยู่ได้ประมาณ 3 วัน ขณะที่ตัว Pro จะอยู่ได้ประมาณ 5 วัน แต่ถ้าเปิดใช้งาน Ultra Long Battery Life Modes ก็จะอยู่ได้ ประมาณ 14 วันสำหรับรุ่นธรรมดา และประมาณ 21 วัน สำหรับตัว Pro หรือถ้ากลัวแบตฯ ไม่พอกลางทาง HUAWEI WATCH 3 รองรับการชาร์จแบบย้อนกลับด้วย
แต่ถ้าจะให้ดี แนะนำว่าถ้าแบตเตอร์รี่เหลือสักประมาณ 20% ก็เสียบสายชาร์จได้เลย ใช้เวลาชาร์จ 10 นาที นาฬิกาก็จะใช้ต่อได้อีกประมาณ 15 ชั่วโมง ไม่ต้องรอจนแบตฯ เกลี้ยง
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน