คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
+ ชาวรุสหันมานับถือคริสตศาสนาได้อย่างไร? ตอนที่ 1
เนื่องในวันนี้ ศาสนจักรของยูเครนเบลารุสและรัสเซียกำหนดให้เป็นวันฉลองครบรอบ 1030 ปี การรับศีลล้างบาปของชาวรุสเมื่อปี 988 ผมก็ขอเล่าถึงความเป็นมาของเรื่องให้ได้อ่านกันเสียเล็กน้อยนะครับ
สำหรับการเข้ามาของคริสตศาสนาสู่ดินแดนแถบนี้นั้น ตามตำนานกล่าวว่า นักบุญแอนดรูว์ หนึ่งในอัครสาวกทั้งสิบสองได้ออกเดินทางประกาศความเชื่อทั่วชุมชนที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่งทะเลดำ เชื่อว่าท่านได้ล่องเรือย้อนขึ้นแม่น้ำนีเปอร์มายังบริเวณที่เป็นกรุงเคียฟในปัจจุบัน ท่านได้ปักกางเขนและทำนายว่าที่นี่จะกลายเป็นมหานครอันเป็นศูนย์กลางของคริสตศาสนาในภายภาคหน้า
แต่แน่ล่ะ มันเป็นเพียงตำนาน จริงหรือไม่ก็มิอาจทราบได้ กระนั้นก็พบว่าเริ่มมีชุมชนคริสเตียนตามชายฝั่งทะเลดำตั้งแต่ศตวรรษแรกแล้วจริง โดยเฉพาะปลายคาบสมุทรไครเมียที่ถือว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางคริสตศาสนาเลยทีเดียว จึงอาจพอกล่าวได้ว่าคริสตศาสนาคงเริ่มเผยแพร่ไปยังดินแดนของชาวรุสมาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว เพียงแค่มิอาจทราบได้ว่าท่านเดินทางขึ้นเหนือไปจนถึงกรุงเคียฟจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ก่อนหน้าที่เจ้าชายวลาดีมีร์แห่งเคียฟรุสจะทรงเข้ารับศีลล้างบาปนั้น พบว่าเริ่มมีการส่งมิชชันนารีเข้ามาอยู่ก่อนแล้วแน่นอน ทำให้มีชาวรุสบางส่วนหันมานับถือคริสตศาสนา มีการสร้างโบสถ์และปรากฏว่ามีสังฆราช(บิชอป) ประจำกรุงเคียฟแล้วอีกด้วย โดยขึ้นตรงกับพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิล แต่กระนั้นก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จน้อยเพราะคนส่วนใหญ่ยังคงนับถือเทพเจ้าสลาฟเดิมอยู่
ส่วนผู้ปกครอง แม้พระนางออลกา(Olga of Kiev) พระชายาในเจ้าชายอีกอร์แห่งเคียฟจะทรงเข้ารับศีลล้างบาปที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล รวมถึงพยายามชักจูงให้บุตรชายของพระนางคือเจ้าชายสวีอาโตสลาฟ(Sviatoslav I of Kiev) เปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาด้วยกัน แต่ไม่สำเร็จเพราะเจ้าชายสวีอาโตสลาฟไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา หากแต่ยังคงนับถือความเชื่อเดิมต่อไปอย่างเคร่งครัด
จุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ชาวรุสจึงมาอยู่ที่วลาดีมีร์ โอรสของเจ้าชายสวีอาโตสลาฟและมีศักดิ์เป็นหลานของพระนางออลกาครับ ทรงขึ้นครองบัลลังก์เป็นเจ้าชายแห่งเคียฟในปี 980 ต่อจากบิดาและทรงเป็นผู้รวมอาณาจักรเคียฟรุสของพระองค์ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ในที่สุด อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ความเชื่อสลาฟเดิม สร้างศาสนสถานอุทิศแด่เทพเปรูน เทพเจ้าสูงสุดของชาวสลาฟก็ไม่น้อย ไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนศาสนาเลย
แล้ว...ทำไมจู่ๆพระองค์เปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาล่ะ? แถมเปลี่ยนคนเดียวไม่พอ ยังนำพาชาวรุสทั้งมวลมาเปลี่ยนตามพระองค์ด้วย เพราะอะไรกัน?
เรื่องนี้มีเอกสารหลายชิ้นบันทึกไว้ครับ ที่ดังที่สุดคือพงศาวดารที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักพรตที่ชื่อว่าเนสเตอร์ (Nestor the Chronicler) ได้บันทึกไว้ว่าหลังจากพระองค์ทรงรวบรวมอาณาจักรเคียฟรุสให้เป็นหนึ่งเดียวได้แล้วนั้น พระองค์ยังทรงหมายมั่นจะรวมชาวรุสให้เป็นหนึ่งใน “ความเชื่อ” ด้วย จึงเสาะแสวงหาศาสนาต่างๆเท่าที่จะหาได้เพื่อที่พระองค์และชาวรุสจะได้เปลี่ยนมานับถือศาสนานั้น
ซึ่งศาสนาที่พระองค์พอเข้าถึงได้มีดังนี้คือ ศาสนายูดาย อิสลาม คริสต์แบบเยอรมัน(ละติน) และคริสต์แบบไบแซนไทน์(กรีก)
ในปี 986 เผ่าบัลการ์ทางตะวันออกที่นับถืออิสลามมาเข้าเฝ้าและได้ประกาศศาสนาแก่เจ้าชายวลาดิมีร์ ซึ่งพระองค์พอพระทัยทุกอย่างเลย...
.
.
.
...ยกเว้นเรื่องการเข้าสุหนัตและห้ามรับประทานเนื้อสุกรกับสุรา พระองค์ไม่พอพระทัย ตรัสว่า “การดื่มสุราถือเป็นความสุขของชาวรุสเรา เราอยู่ไม่ได้แน่หากขาดความสุขตรงนี้ไป"
ต่อมา มีคณะทูตชาวเยอรมันมาเข้าเฝ้าซึ่งอ้างตนว่าเป็นสมณทูตจากพระสันตะปาปา และประกาศความเชื่อคริสตศาสนาแบบเยอรมันของตน แต่ดูเหมือนพระองค์จะเฉยๆ และขอให้ท่านทูตกลับไปเสียอย่างนั้น
ต่อมาอีก มีพวกยิวจากเผ่าคาซาร์ ซึ่งได้มาเข้าเฝ้าและอธิบายหลักความเชื่อปฏิบัติของยิวไป แต่พระองค์ก็ไม่พอพระทัยอีก เพราะทรงคิดว่าการที่ชาวยิวเสียเยรูซาเล็ม ก็เสมือนว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งโดยพระเป็นเจ้าเสียแล้วนั่นเอง จึงปฏิเสธไปโดยสิ้นเชิง ไม่นำมาพิจารณาอีก
สุดท้าย มีพวกกรีกมาเข้าเฝ้า รายนี้พิเศษ มาถึงก็วิจารณ์ทุกความเชื่อที่เจ้าชายวลาดีมีร์ได้พบเจอมา พร้อมยกย่องสรรเสริญถึงความเชื่อตน กระนั้น พระองค์ก็ดูเหมือนพอพระทัยเพราะทรงเห็นว่าพวกกรีกพูดจามีเหตุผลน่าฟัง แต่พระองค์ก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นพอในปี 987 พระองค์จึงส่งทูตที่มีความสามารถและสติปัญญาเฉียบแหลมออกเดินทางไปยังดินแดนความเชื่อเหล่านั้น เพื่อสังเกตการณ์และศึกษาความเชื่อกันถึงถิ่นเลยทีเดียว
เมื่อกลับมา คณะทูตจึงได้กราบทูลถึงศาสนาต่างๆที่ได้พบเจอ จนเจ้าชายสามารถตัดตัวเลือกอิสลามออกไปได้ ส่วนยูดายนั้นตัดออกไปตั้งแต่พวกยิวมาเข้าเฝ้าครั้งแรกแล้ว
แต่สำหรับอีกสองความเชื่อที่เหลือและเรื่องราวหลังจากนั้น ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อน ไว้มาต่ออีกทีช่วงบ่ายนะครับ พักกินข้าว!
/AdminMichael
ภาพ: เจ้าชายวลาดีมีร์ทรงเลือกศาสนา วาดโดย Johann Lebrecht Eggink จิตรกรชาวเยอรมัน(1784-1867)
ข้อมูลอ้างอิง:
พงศาวดารฉบับหลักของชาวรุส
(http://www.mgh-bibliothek.de/dokumente/a/a011458.pdf)
https://www.britannica.com/biography/Vladimir-I
https://russianlife.com/.../online.../kievan-rus-the-church/
http://www.encyclopediaofukraine.com/display.asp...
CR. : https://www.facebook.com/HistoryofChristianitybothWestandEast/posts/2129455930659344
เนื่องในวันนี้ ศาสนจักรของยูเครนเบลารุสและรัสเซียกำหนดให้เป็นวันฉลองครบรอบ 1030 ปี การรับศีลล้างบาปของชาวรุสเมื่อปี 988 ผมก็ขอเล่าถึงความเป็นมาของเรื่องให้ได้อ่านกันเสียเล็กน้อยนะครับ
สำหรับการเข้ามาของคริสตศาสนาสู่ดินแดนแถบนี้นั้น ตามตำนานกล่าวว่า นักบุญแอนดรูว์ หนึ่งในอัครสาวกทั้งสิบสองได้ออกเดินทางประกาศความเชื่อทั่วชุมชนที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่งทะเลดำ เชื่อว่าท่านได้ล่องเรือย้อนขึ้นแม่น้ำนีเปอร์มายังบริเวณที่เป็นกรุงเคียฟในปัจจุบัน ท่านได้ปักกางเขนและทำนายว่าที่นี่จะกลายเป็นมหานครอันเป็นศูนย์กลางของคริสตศาสนาในภายภาคหน้า
แต่แน่ล่ะ มันเป็นเพียงตำนาน จริงหรือไม่ก็มิอาจทราบได้ กระนั้นก็พบว่าเริ่มมีชุมชนคริสเตียนตามชายฝั่งทะเลดำตั้งแต่ศตวรรษแรกแล้วจริง โดยเฉพาะปลายคาบสมุทรไครเมียที่ถือว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางคริสตศาสนาเลยทีเดียว จึงอาจพอกล่าวได้ว่าคริสตศาสนาคงเริ่มเผยแพร่ไปยังดินแดนของชาวรุสมาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว เพียงแค่มิอาจทราบได้ว่าท่านเดินทางขึ้นเหนือไปจนถึงกรุงเคียฟจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ก่อนหน้าที่เจ้าชายวลาดีมีร์แห่งเคียฟรุสจะทรงเข้ารับศีลล้างบาปนั้น พบว่าเริ่มมีการส่งมิชชันนารีเข้ามาอยู่ก่อนแล้วแน่นอน ทำให้มีชาวรุสบางส่วนหันมานับถือคริสตศาสนา มีการสร้างโบสถ์และปรากฏว่ามีสังฆราช(บิชอป) ประจำกรุงเคียฟแล้วอีกด้วย โดยขึ้นตรงกับพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิล แต่กระนั้นก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จน้อยเพราะคนส่วนใหญ่ยังคงนับถือเทพเจ้าสลาฟเดิมอยู่
ส่วนผู้ปกครอง แม้พระนางออลกา(Olga of Kiev) พระชายาในเจ้าชายอีกอร์แห่งเคียฟจะทรงเข้ารับศีลล้างบาปที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล รวมถึงพยายามชักจูงให้บุตรชายของพระนางคือเจ้าชายสวีอาโตสลาฟ(Sviatoslav I of Kiev) เปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาด้วยกัน แต่ไม่สำเร็จเพราะเจ้าชายสวีอาโตสลาฟไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา หากแต่ยังคงนับถือความเชื่อเดิมต่อไปอย่างเคร่งครัด
จุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ชาวรุสจึงมาอยู่ที่วลาดีมีร์ โอรสของเจ้าชายสวีอาโตสลาฟและมีศักดิ์เป็นหลานของพระนางออลกาครับ ทรงขึ้นครองบัลลังก์เป็นเจ้าชายแห่งเคียฟในปี 980 ต่อจากบิดาและทรงเป็นผู้รวมอาณาจักรเคียฟรุสของพระองค์ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ในที่สุด อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ความเชื่อสลาฟเดิม สร้างศาสนสถานอุทิศแด่เทพเปรูน เทพเจ้าสูงสุดของชาวสลาฟก็ไม่น้อย ไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนศาสนาเลย
แล้ว...ทำไมจู่ๆพระองค์เปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาล่ะ? แถมเปลี่ยนคนเดียวไม่พอ ยังนำพาชาวรุสทั้งมวลมาเปลี่ยนตามพระองค์ด้วย เพราะอะไรกัน?
เรื่องนี้มีเอกสารหลายชิ้นบันทึกไว้ครับ ที่ดังที่สุดคือพงศาวดารที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักพรตที่ชื่อว่าเนสเตอร์ (Nestor the Chronicler) ได้บันทึกไว้ว่าหลังจากพระองค์ทรงรวบรวมอาณาจักรเคียฟรุสให้เป็นหนึ่งเดียวได้แล้วนั้น พระองค์ยังทรงหมายมั่นจะรวมชาวรุสให้เป็นหนึ่งใน “ความเชื่อ” ด้วย จึงเสาะแสวงหาศาสนาต่างๆเท่าที่จะหาได้เพื่อที่พระองค์และชาวรุสจะได้เปลี่ยนมานับถือศาสนานั้น
ซึ่งศาสนาที่พระองค์พอเข้าถึงได้มีดังนี้คือ ศาสนายูดาย อิสลาม คริสต์แบบเยอรมัน(ละติน) และคริสต์แบบไบแซนไทน์(กรีก)
ในปี 986 เผ่าบัลการ์ทางตะวันออกที่นับถืออิสลามมาเข้าเฝ้าและได้ประกาศศาสนาแก่เจ้าชายวลาดิมีร์ ซึ่งพระองค์พอพระทัยทุกอย่างเลย...
.
.
.
...ยกเว้นเรื่องการเข้าสุหนัตและห้ามรับประทานเนื้อสุกรกับสุรา พระองค์ไม่พอพระทัย ตรัสว่า “การดื่มสุราถือเป็นความสุขของชาวรุสเรา เราอยู่ไม่ได้แน่หากขาดความสุขตรงนี้ไป"
ต่อมา มีคณะทูตชาวเยอรมันมาเข้าเฝ้าซึ่งอ้างตนว่าเป็นสมณทูตจากพระสันตะปาปา และประกาศความเชื่อคริสตศาสนาแบบเยอรมันของตน แต่ดูเหมือนพระองค์จะเฉยๆ และขอให้ท่านทูตกลับไปเสียอย่างนั้น
ต่อมาอีก มีพวกยิวจากเผ่าคาซาร์ ซึ่งได้มาเข้าเฝ้าและอธิบายหลักความเชื่อปฏิบัติของยิวไป แต่พระองค์ก็ไม่พอพระทัยอีก เพราะทรงคิดว่าการที่ชาวยิวเสียเยรูซาเล็ม ก็เสมือนว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งโดยพระเป็นเจ้าเสียแล้วนั่นเอง จึงปฏิเสธไปโดยสิ้นเชิง ไม่นำมาพิจารณาอีก
สุดท้าย มีพวกกรีกมาเข้าเฝ้า รายนี้พิเศษ มาถึงก็วิจารณ์ทุกความเชื่อที่เจ้าชายวลาดีมีร์ได้พบเจอมา พร้อมยกย่องสรรเสริญถึงความเชื่อตน กระนั้น พระองค์ก็ดูเหมือนพอพระทัยเพราะทรงเห็นว่าพวกกรีกพูดจามีเหตุผลน่าฟัง แต่พระองค์ก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นพอในปี 987 พระองค์จึงส่งทูตที่มีความสามารถและสติปัญญาเฉียบแหลมออกเดินทางไปยังดินแดนความเชื่อเหล่านั้น เพื่อสังเกตการณ์และศึกษาความเชื่อกันถึงถิ่นเลยทีเดียว
เมื่อกลับมา คณะทูตจึงได้กราบทูลถึงศาสนาต่างๆที่ได้พบเจอ จนเจ้าชายสามารถตัดตัวเลือกอิสลามออกไปได้ ส่วนยูดายนั้นตัดออกไปตั้งแต่พวกยิวมาเข้าเฝ้าครั้งแรกแล้ว
แต่สำหรับอีกสองความเชื่อที่เหลือและเรื่องราวหลังจากนั้น ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อน ไว้มาต่ออีกทีช่วงบ่ายนะครับ พักกินข้าว!
/AdminMichael
ภาพ: เจ้าชายวลาดีมีร์ทรงเลือกศาสนา วาดโดย Johann Lebrecht Eggink จิตรกรชาวเยอรมัน(1784-1867)
ข้อมูลอ้างอิง:
พงศาวดารฉบับหลักของชาวรุส
(http://www.mgh-bibliothek.de/dokumente/a/a011458.pdf)
https://www.britannica.com/biography/Vladimir-I
https://russianlife.com/.../online.../kievan-rus-the-church/
http://www.encyclopediaofukraine.com/display.asp...
CR. : https://www.facebook.com/HistoryofChristianitybothWestandEast/posts/2129455930659344
แสดงความคิดเห็น
สงสัยไทม์ไลน์ของศาสนาคริสต์
สงสัยไทม์ไลน์การเดินทางของศาสนาคริสต์ครับ
#ขออธิบายตามความเข้าใจของผมก่อนนะครับ
หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ อัครฑูตซีโมนเปโตรได้เดินทางไปยังกรุงโรมและเป็นมรณะสักขี ในปี ค.ศ. 64 ศาสนาคริสต์เริ่มขยายตัวที่จักรวรรดิโรมันตั้งแต่นั้นมา
ปี ค.ศ.395 จักรวรรดิโรมันแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือโรมันตะวันตก และโรมันตะวันออก
ปี ค.ศ.1054 ศาสนาคริสต์แยกนิกาย ศูนย์กลางคาทอลิกอยู่ที่โรมและออร์โธดอกซ์อยู่ที่คอนสแตนติโนเปิล
ปี ค.ศ.1453 กรุงคอนสแตนติโนเปิลแตกโดยการบุกของอาณาจักรออตโตมันและกลายเป็นเมืองอิสลาม
ปัจจุบันจักวรรดิออตโตมันล่มสลายแล้ว และกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้เปลี่ยนชื่อเป็นอิสตันบูลแต่ศาสนาอิสลามยังอยู่
ส่วนอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ซึ่งเป็นศาสนาของโรมันตะวันออกที่ล่มสลายไป กลับมีการขยายไปถึงประเทศรัสเซีย และเป็น 1 ในศูนย์กลางของคริสตจักรออโธดอกซ์ในปัจจุบัน
คำถามคือออร์โธดอกซ์ขยายไปยังประเทศรัสเซียช่วงไหน และอย่างไรครับ
หากมีข้อมูลช่วงเวลาไหนผิดพลาด แชร์กันได้นะครับขอบคุณครับ