งานประจำ เอาเวลาไปหมด คิดลาออกกลับไปทำเกษตร ในยุคโควิด ตอนสถานการณ์ไม่ดี

เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานออฟฟิศ เข้างาน 8.30 เลิกงาน 17.00 พักกลางวัน 12.00 เหมือนกับบริษัทฯ อื่น ๆ ทั่วไป ทำงานอย่างเดียวมาเป็นเวลา 20 ปี ไม่เคยเปลี่ยนเป็นงานอย่างอื่นเลย มีแต่ย้ายบริษัท แต่ก็ทำงานแบบเดิมอยู่ ย้ายไปหลายบริษัท เนื่องจากคิดว่าการปรับเงินเดือนจะทำให้เรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บริษัทแรก บริษัทสอง ยังไม่เท่าไร แต่พอย้ายมาบริษัทที่ปัจจุบันทำอยู่ การทำงานเป็นแบบเดิมก็จริง แต่ว่าระบบการทำงานนั้นมีความยุ่งยาก บวกกับการที่เราเหมือนตัวคนเดียว ทีมนี้มีพนักงานทั้งหมด 5 คน รวมตัวเรา และหัวหน้าทีม 1 คน มีการแบ่งฝ่ายออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายละ 2 คน ทำให้เราเหมือนเป็นส่วนเกินระหว่างทีม หัวหน้าทีมไม่สนใจลูกน้อง ชอบสั่งงานโดยไม่ได้สอนรายละเอียดงาน และชอบพูดจาวกวน กำกวม ไม่ชัดเจน
        
         ความอัดอั้นแรกเลย คือ ระบบการทำงาน มีความยุ่งยาก บวกกับการทำงานของ Marketing การปิดงานเดิม ซึ่งเป็นรูปแบบการต่ออายุเช่นเดิม แต่ส่งงานมาผิด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำงานยังไง ผิดแล้ว ผิดอีก ต้องเสียเวลาในการแก้ไข แล้วก็ไม่ยอมตรวจสอบงานที่ส่งมาก่อน ทำให้เสียเวลาในการทำงาน และปิดงานมาจะมาเร่งเอาอีก เราจึงเหนื่อยกับการทำงานของคนบริษัทฯ นี้มาก 
        
         สอง การแบ่งเป็นสองฝ่าย เราไม่รู้ว่าอดีตของคนทั้ง 4 คนนี้ เป็นมาอย่างไร เราไม่ได้อยากรับรู้ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปทำงาน ก็รับรู้ได้โดยสัญชาติญาณของตัวเอง มีการแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน เราเข้าไปเป็นคนที่ 5 ทำให้อึดอัดใจ ไม่รู้ว่าจะไปคุยกับทางไหนดี เพราะเวลาคุยกับฝ่ายแรก ฝ่ายหลังก็มอง เราจึงรู้สึกไม่มีความสุข จึงเลือกที่จะไม่สนิทกับใครในที่ทำงาน ไม่คุยเรื่องส่วนตัว ไม่เพิ่มเพื่อนในเฟส คิดว่าการที่อยู่เงียบ ๆ แล้วทั้งสองฝ่ายจะไม่นินทาเหรอ ไม่มีหรอก โดนนินทาเต็ม ๆ 
        
         สาม หัวหน้าทีมไม่สนใจลูกน้อง หัวหน้าทีมมีการปล่อยให้ทีมทำงานกันเอง โดยไม่สนใจที่จะมาดูทีม มีคำพูดของคนเก่าในทีมนี้ เคยพูดไว้ว่า “พี่กำลังปล่อยให้ทีมจมน้ำตาย โดยที่ไม่ยื่นมือมาช่วยเลย” ตอนแรกเราไม่รู้ว่าคำพูดที่น้องคนนี้พูด คือการกระทำอย่างไรของหัวหน้า ต่อมาเราถึงรู้ความหมายของคำพูดชองน้องคนนั้น ว่าเป็นอย่างไร การกระทำของหัวหน้าทำให้ทีมเบื่อหน่ายต่อตัวหัวหน้าเอง แต่เค้าไม่รู้ ทุกคนได้แต่ก้มหน้าก้มตา รับชะตากรรมกันต่อไป เราคิดว่าทุกคนไม่กล้าที่จะก้าวออกไปที่อื่นเองมากกว่า และการทำงานของหัวหน้าสามารถที่จะดึงข้อมูลต่าง ๆ ออกมาจากระบบได้ โดยที่ไม่ต้องขอข้อมูลจากทางทีม แต่หัวหน้าเลือกที่จะไม่ทำ ห่วงแต่ว่ากำหนดการส่งงานจะไม่ทัน ( KPI กำหนดว่าการทำงานต้องไม่เกิน 3 วัน ) เราคิดว่าเวลาการทำงานของทุกคนที่ทัน เนื่องจากว่าวันเสาร์ อาทิตย์ ต้องมานั่งทำงานให้รู้หรือไม่ ทำให้โดยเอาเวลาไปหมดโดยที่ไม่ได้โอที เวลาหัวหน้าไปพรีเซ้นท์แต่ละเดือน ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ซึ่งปัญหาทางหัวหน้าไม่เคยรับรู้ว่ามันมีปัญหาอะไรบ้าง ปล่อยให้คนในทีมทำกันเอง เวลาไปพรีเซ้นท์ผู้ใหญ่ถามว่ามีปัญหาอะไรมั้ย ก็เลยไม่มีไง 
        
              มีอีกเรื่องหนึ่ง วันนั้นทางหัวหน้าทีมโทร MS Team หาเรา โดยที่เราเห็นว่าเค้าโทรมา ยังไม่ทัน 2 วินาทีเลยเรากดรับ คำพูดแรกเลยที่ได้ยินเค้าพูดว่า “มัวแต่ทำอะไรอยู่ โทรไปตั้งนานแล้วทำไมไม่รับ” เราเลยสวนกลับไปว่า MS Team ที่โทรมายังไม่ถึง 2 วินาทีผมกดรับเลยนะ เลยเงียบไม่พูดอะไรซักอย่าง คนเป็นหัวหน้าคน เค้าไม่พูดกันอย่างนี้ มันทำให้การตัดสินใจครั้งใหญ่สุดชีวิตเริ่มต้น คือ “เขียนใบลาออก” เนื่องจากเราคิดว่างานประจำเอาเวลาเราไปหมด และมันทำให้เรากับคนที่บ้านมีความห่างเหินกัน รู้สึกได้เลยว่ามีแต่ความเครียด ไม่มีเวลาให้กัน เวลาครอบครัวกลับมาบ้าน เรารู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน จึงทำให้เราไม่อยากที่จะพูดจะคุย เราเลยคิดว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้จะทำให้เราไม่สามารถที่จะทำให้คำว่า “ ครอบครัว “ สามารถเป็นครอบครัวได้ เราจึงคิดระหว่างการทำงานกับครอบครัว การทำงานทำให้เรามีเงินสามารถมาใช้จ่ายในครอบครัวได้ก็จริง แต่ไม่มีความสุขเลยที่ต้องเอาเวลาทั้งหมดไปลงกับมัน
       
            เราปรึกษากับคนในครอบครัวว่า เราเครียดเรื่องงาน ครอบครัวเราก็เลยถามเราว่า เราจะทนอยู่อย่างนี้เหรอ ความรู้ความสามารถเราก็มี ทำไมต้องมาทนเสียเวลาทั้งหมดให้กับงานบริษัทฯ 
     
           เราชอบงานเกษตร เคยพูดกับแม่เลี้ยงว่า “จะไม่ไปปลูกผักขาย” สงสัยต้องกลืนน้ำลายตัวเองแล้ว และลงมือทำตามที่ตัวเองชอบ ที่ตัวเองสนใจ ถึงแม้มันจะได้รายได้ไม่เท่ากับงานประจำ แต่มันทำให้เรามีความสุข ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มทำเกษตร เนื่องจากตัวเราอาศัยอยู่ในเมืองหลวง แต่เรามีที่ของแม่ภรรยา อยู่ที่ต่างจังหวัด 
       
          ทุกท่านคิดอย่างไรกับการที่จะออกจากงานประจำ แล้วไปทำสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำแล้วมีความสุข ไม่ต้องมาทนกับการเสียเวลา เสียความรู้สึกกับคำพูดของคนอื่น แนะนำกันหน่อยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่