เรื่องสั้นเรื่องแรกบนถนนนักเขียน เมื่อกว่าหกปีมาแล้วค่ะ
"ขอโทษ...."
ล. วิลิศมาหรา
หลังอาบน้ำเสร็จ สมหมาย ครูชายวัยใกล้เกษียณของโรงเรียนบ้านเนินผีเสื้อ ก็พยายามแต่งกายให้ดูดีที่สุด หนุ่มใหญ่วัยดึกเป็นคนดูแลตัวเองดี เขาออกกำลังกายสม่ำเสมอ ด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ รอบบ้านทุกเช้า รวมระยะทางไม่น้อยกว่าหนึ่งกิโลเมตรในแต่ละวัน และไม่ค่อยแตะต้องของมึนเมา
ในวัยใกล้ชรา สมหมายจึงยังคงรูปร่างสมส่วนเอาไว้ได้ ไม่มีพุงหย่อนออกมาเวลาสอดชายเสื้อเข้าในขอบเอวกางเกง เหมือนเพื่อนร่วมวัยเดียวกันหลายคน สิ่งหนึ่งที่เอาไม่อยู่เห็นจะเป็นเส้นผมบนศีรษะที่เริ่มบางลงและมีสีขาวแซม จนต้องพึ่งน้ำยาย้อมผมดำอยู่ทุกอาทิตย์
เมื่อหันซ้ายหันขวาดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าในกระจกเงาจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงหันมาบอกเพื่อนร่วมห้องที่เป็นครูอำเภอเดียวกัน ซึ่งขณะนี้นอนหมดสภาพ เพราะไม่คุ้นกับการหลับนอนบนรถไฟระยะทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร ว่าตัวเขาเองจะลงไปนั่งฟังเพลงที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรมที่พักเสียหน่อย และจะไขกุญแจเข้าห้องเอง ไม่ต้องรอ ครูชายวัยเดียวกันพยักหน้าให้ เป็นทำนองว่าเชิญตามสบาย
สมหมายมองเพื่อนครูที่เตรียมตัวหลับนอนพลางพูดกระเซ้าว่า นาน ๆ ทีจะได้เข้ามาอบรมถึงในเมืองกรุง น่าจะออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง อีกอย่าง จะได้เป็นการผ่อนคลายความเครียดจากการคร่ำเคร่งสอนหนังสือเด็ก ๆ ที่โรงเรียน
พ่อพิมพ์อาวุโสส่ายหน้า ยิ้มให้เพลีย ๆ ตอบกลับมาว่า เขาเหนื่อยจากการเร่งทำเอกสารเพื่อให้ทันการประเมินรับรองมาตรฐาน และการประเมินคุณภาพการศึกษา ที่ยังไม่ทันจะเสร็จดี ก็ต้องเดินทางมาอบรมที่โรงแรมในเมืองกรุงแห่งนี้เสียแล้ว
“ผมกลัวไม่มีแรงลงไปอบรมพรุ่งนี้เอาน่ะ อาทิตย์ที่แล้วก็เหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ เชิญอาจารย์ก่อนเลยครับ”
สมหมายไม่เซ้าซี้อีก เขาออกจากห้องพักลงลิฟต์มาที่ลอบบี้ของโรงแรม ตรงไปที่คอกเทลเลาจน์ข้างโรงแรม ซึ่งหมายตาตั้งแต่ทีแรก ด้วยจุดมุ่งหมายบางประการ
ความจริงแล้วครูหนุ่มใหญ่ก็เบื่อหน่ายการเดินทางมาอบรมไกล ๆ ที่ต้องใช้เวลาหลายวัน เขาเป็นห่วงนักเรียนชั้นประถมสี่ที่สอนอยู่
โรงเรียนบ้านเนินผีเสื้อตั้งอยู่ในหมู่บ้านชื่อเดียวกัน เหตุที่หมู่บ้านชื่อนี้ เพราะมีสภาพพื้นที่เป็นเนินเขา และมีผีเสื้อชุกชุม โรงเรียนเองก็ตั้งอยู่บนเนิน ล้อมรอบด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ ด้านหลังเป็นป่าละเมาะ ตัวโรงเรียนห่างจากหมู่บ้านพอสมควร ต้องเดินทางผ่านเรือกสวนรกร้างหลายแห่ง กว่าจะมาถึงโรงเรียน ข้างกันไม่ไกลนัก เป็นป่าช้าเก่าของหมู่บ้าน ว่ากันว่าสมัยก่อน สถานที่สองแห่งนี้ ที่ดินเป็นผืนเดียวกัน
เพราะความเปลี่ยวของเส้นทาง ก่อนหน้าจะมีรถรับส่งนักเรียน ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบลเนินผีเสื้อ ผู้ปกครองต้องมาส่งนักเรียนด้วยตัวเองทุกวัน
โรงเรียนของครูสมหมายเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่ถึงร้อยคน รับเด็กเข้าเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่หก มีครูสอนไม่ครบชั้นเรียน ขาดอยู่หนึ่งชั้น ถ้าเขาไม่อยู่อีกคน ครูที่เหลือก็ต้องรับภาระดูแลเด็กมากชั้นกว่าเดิม
เขายังจำได้ เมื่อหลายปีก่อน เคยเกิดเหตุเด็กชั้นประถมหก ชื่อนงนุช จันดี แอบชวนน้องสาวหลบออกข้างนอกโรงเรียน ตอนพักเที่ยง เพื่อจะกลับไปดูแม่ซึ่งกำลังนอนป่วยอยู่ที่บ้าน แล้วถูกคนร้ายหลอกพาไปล่วงละเมิดในป่าละเมาะหลังโรงเรียน น้องสาวที่เรียนอยู่ประถมสี่ ชั้นที่เขาสอนอยู่ วิ่งกลับมาบอก ขณะเขากำลังเตรียมการสอนช่วงบ่ายอยู่ในห้องพักครู
ทันทีที่รู้ ครูสมหมายรีบโผนตามหลังลูกศิษย์ตัวน้อย ซึ่งวิ่งนำหน้าไปก่อน กระนั้นก็ยังไม่ทันการณ์ ตอนที่เขาไปถึง เจ้าปีศาจร้ายกำลังใช้ร่างของเด็กหญิงเป็นที่บำบัดกามกิจของมันอยู่ ครูสมหมายคว้าท่อนไม้แถวนั้น ไล่ฟาดไอ้คนโฉดไม่ยั้งด้วยความเคียดแค้นที่มันบังอาจมาทำอนาจารลูกศิษย์ของตัวเอง ตามด้วยประเคนเท้าและหมัดลุ่น ๆ เข้าใส่ จนมันหนีไปทั้งเป็นชีเปลือย ทิ้งร่างเปล่าเปลือย พร้อมเสียงสะอื้นไห้ปานจะขาดใจตายของเด็กหญิงไว้กับครูสมหมาย
เขาถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่สวมอยู่ ออกห่มร่างให้ลูกศิษย์หญิง กอดปลอบร่างน้อยที่หวาดกลัวจนตัวสั่นเทา เขาเป็นคนอุ้มร่างเธอส่งสถานีอนามัยพร้อมน้ำตาคลอเบ้า หลังจากนั้นยังเป็นธุระเรื่องคดีความ จนสามารถเอาตัวคนร้ายเข้าตะรางจนได้
แต่แล้วก็เกิดเรื่องสลดใจขึ้น สมหมายมารู้ทีหลังว่าเด็กหญิงผู้เสียหายเกิดความอับอายอย่างหนัก จนหนีหายออกจากหมู่บ้านไป ทั้งยังเรียนไม่จบชั้นประถมหกดี ในสังคมแคบ ๆ แห่งนี้ คำนินทาของชาวบ้านเกินที่เด็กหญิงผู้โชคร้ายจะต้านทานไหว เธอหายสาบสูญไปโดยไม่เคยมีใครได้พบเจออีกเลย
เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับครูทุกคนในโรงเรียน ให้ตระหนักถึงการดูแลความปลอดภัยของเด็ก ๆ ภายในโรงเรียน บรรดาครูอาจารย์จึงพากันระมัดระวังมากขึ้น
พูดถึงการมาอบรมในเมืองกรุงแต่ละครั้ง ปกติเมื่อเดินทางมาถึง สมหมายมักเข้าที่พักเลย และไม่เคยออกไปย่ำราตรีที่ไหน แต่ครั้งนี้มันต่างไป เพราะครูสมหมายกลับนึกชอบใจ เมื่อรู้ว่าจะได้ออกมาไกลบ้าน แม้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แถมยังหมายมาดบางสิ่งเอาไว้ในใจ
อันที่จริงหลังจากลูกหญิงชายแต่งงานไปหมดแล้ว ภาระในการเลี้ยงดูบุตรได้จบสิ้นลง หนี้สินที่เคยมีก็ลดลงเป็นอันมาก จนไม่สร้างปัญหาในการดำเนินชีวิตให้อีก ครูสมหมายควรมีชีวิตที่สุขสบายเสียที แต่แล้วเขากลับเป็นทุกข์ ...ทุกข์จากการแสวงหาธรรมะของภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก พิกุลลาออกจากการเป็นครูเพราะมีปัญหาสุขภาพ เธอหมดอารมณ์รักใคร่ต่อคู่สมรส หันหน้าเข้าหาธรรมะ หัดนั่งสมาธิ นุ่งขาวห่มขาวตามญาติธรรม และเริ่มเดินสายทำบุญ นัยว่าเพื่อสะสมบุญ พร้อมกับหาทางดับทุกข์ด้วยธรรมะ
แต่สิ่งที่ภรรยาแสดงออกกลับเพิ่มความทุกข์ให้กับผู้เป็นสามี วันนี้สมหมายจึงคิดจะมาระบายทุกข์ทิ้ง
ในคอกเทลเล้าจน์ ของค่ำคืนแห่งการปลดปล่อย ครูวัยใกล้ชราสั่งเบียร์มาดื่มย้อมใจ เขาตั้งใจมานั่งดูโคโยตี้สาว ๆ เต้นโยกย้ายส่ายสะโพก บ้างก็ดีดดิ้นด้วยลีลาอันเร่าร้อนไปตามจังหวะดนตรีบนเวที
สักครู่ก็มีน้องผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่ง สะอิ้งกายเข้ามาขอนั่งด้วย อายุอานามของเด็กสาวไม่น่าจะเกินสิบแปดปี ผิวขาวผ่องเป็นยองใย อวบอัดไปทั้งเนื้อทั้งตัว ใบหน้านวลเด่นอยู่ในกรอบผมยาวสลวย ย้อมสีน้ำตาลแดง ดวงตาดำขลับมองเขาด้วยแววตาประหลาด เธอนุ่งยีนซีดขาสั้น สวมเสื้อยืดสายเดี่ยวสีดำ อวดเนินถันเต่งตึง เป็นรูปเป็นร่างสะดุดตา เมื่อเห็นเธอตั้งใจจะนั่งคุยด้วย สมหมายจึงสั่งเบียร์กับน้ำส้มอีกรอบ บอกเธอไปตามตรงว่ามาพักที่โรงแรมใกล้ ๆ อีกสองสามวันก็จะกลับบ้านแล้ว
“เรียกหนูว่ากุ้งก็ได้ค่ะ กุ้งทำงานพีอาร์ที่นี่มาหลายปีแล้ว”
เธอบอกพลางมองหน้าเขา ยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นเขาพยักหน้า และไม่ได้ว่าอะไรต่อ
“มาเที่ยวหรือมาทำงานคะ” ตาคมชำเลืองมองหน้า ขณะก้มลงดูดน้ำส้มจากหลอด
“ผมมาทำงาน”
“งานทีทำอยู่คงเหนื่อย มาผ่อนคลายเสียบ้างก็ดีค่ะ คลายเครียดดี” เธอชวนคุย เขาพยักหน้ารับอีก สาวสวยหัวเราะคิก เย้าว่า
“พูดกับกุ้งน้อยจัง เขินกุ้งเหรอคะ” สาวน้อยเอียงคอถามด้วยท่าทางน่ารัก สมหมายหัวเราะหึหึ นึกขำตัวเองที่ทำอะไรแบบนี้ลงไป
“อยากไปที่อื่นไหมคะ กุ้งอาสาพาเที่ยวเอง”
รู้ดีอยู่แก่ใจว่าสาวไซด์ไลน์กำลังหยั่งท่าทีเขา รู้สึกทึ่งที่เธอดูเหมือนเต็มอกเต็มใจจะให้บริการ ทั้งที่จะว่าไป เขาไม่ได้มีมาดเสี่ยเงินถุงเงินถังอะไรเลย ท่าทางออกจะเชย ๆ ตามประสาครูประชาบาลแก่ ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“ไปที่ไหนดี”
จะเพราะด้วยฤทธิ์น้ำเมาหรือเพราะความเงียบเหงาที่เกาะกินหัวใจมานานก็ไม่รู้ ที่ทำให้สมหมายอ้าปากถามออกไปอย่างนั้น กุ้งดวงตาเป็นประกาย บอกชื่อผับชั้นดีชื่อหนึ่ง
“คืนนี้เที่ยวให้สนุก ลืมเรื่องเครียด ๆ สักคืนเถอะค่ะ” เธอกระซิบริมหูเขาระหว่างนั่งรถแท็กซี่ออกไปด้วยกัน
ที่นั่นคนแน่นเอี้ยด แต่ไม่มีใครสนใจใคร แต่ละคนเหมือนจ้องตักตวงเอาความสุขใส่ตัว ต่างดื่มและกินเคล้าเสียงดนตรีที่เล่นกระหึ่มอย่างเมามัน หนุ่มสาวคลอเคลีย บ้างก็ลุกขึ้นเต้นเร่า ๆ ท่ามกลางเสียงเพลงกระแทกกระทั้นร้อนแรง
กุ้งพาสมหมายมานั่งหลบมุมมืดที่โต๊ะตัวในสุด เธอสั่งเบียร์มาดื่มต่อ ร่างอวบอัดซุกตัวเคลียคลอ เบียดเสียดกับร่างเขา ศีรษะเอนซบอยู่ที่หัวไหล่ มือเธอลูบไล้ไปตามแผงอก ก่อนวกมาโอบรอบคอ โน้มใบหน้าสมหมายให้ลงมาหา ลมหายใจร้อนแรงเป่ารดซอกคอ ขณะปากประกบปาก วินาทีนั้นเอง สติของครูวัยดึกก็ขาดผึง
ในเวลาเกือบตีหนึ่งของวันใหม่ ภายในห้องพักของโรงแรมอีกที่หนึ่ง ซึ่งมีบริการห้องพักรายชั่วโมง ไฟปรารถนาของสมหมายมอดดับลงแล้ว เขานึกสะเทือนใจต่อการกระทำของตัวเอง ร่างอวบอิ่มนุ่มเนียนยังซุกอยู่ในอ้อมกอด ครูหนุ่มใหญ่เอ่ยถามเด็กสาวในอ้อมแขนเบา ๆ
“เรายังไม่ได้ตกลงค่าบริการกันเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สำหรับครูกุ้งเต็มใจ เรื่องเงินแล้วแต่จะกรุณา ไม่ต้องมากนักหรอกนะคะ ค่าตัวกุ้งแค่สองพัน”
หล่อนพูดพึมพำอยู่แถวซอกคอของชายรุ่นพ่อ นิ้วเรียวแตะปลายคางเขาอย่างหยอกล้อ ก่อนพลิกตัวออกจากอก ลุกขึ้นสะบัดสะโพกเดินเข้าห้องน้ำไป
ครูชายแห่งโรงเรียนบ้านเนินผีเสื้อตัวเย็นวาบ เขารีบลุกจากเตียงตรงไปที่กระเป๋าสะพายของเด็กสาวไซด์ไลน์ หยิบกระเป๋าเงินในนั้นออกมาเปิดดู ด้วยมืออันสั่นเทา เสร็จแล้วรีบเก็บเข้ากระเป๋าสะพายตามเดิม
ครูสมหมายคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างเร่งรีบ เหลือบตาดูประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ได้ยินเสียงอาบน้ำซ่า ๆ อยู่ข้างใน เขาคว้ากระดาษทิชชูบนโต๊ะมาเขียนข้อความด้วยปากกาหมึกแห้งที่พกติดตัวอยู่เสมอ เอามันวางไว้บนเตียงนอนพร้อมเงินอีกสองพันบาท ก่อนเปิดประตูห้องออกไปอย่างรวดเร็ว ข้อความบนกระดาษทิชชูแผ่นนั้นเขียนว่า
“นงนุช จันดี ครูขอโทษ”
จบบริบูรณ์
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง "ขอโทษ...."
ล. วิลิศมาหรา
หลังอาบน้ำเสร็จ สมหมาย ครูชายวัยใกล้เกษียณของโรงเรียนบ้านเนินผีเสื้อ ก็พยายามแต่งกายให้ดูดีที่สุด หนุ่มใหญ่วัยดึกเป็นคนดูแลตัวเองดี เขาออกกำลังกายสม่ำเสมอ ด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ รอบบ้านทุกเช้า รวมระยะทางไม่น้อยกว่าหนึ่งกิโลเมตรในแต่ละวัน และไม่ค่อยแตะต้องของมึนเมา
ในวัยใกล้ชรา สมหมายจึงยังคงรูปร่างสมส่วนเอาไว้ได้ ไม่มีพุงหย่อนออกมาเวลาสอดชายเสื้อเข้าในขอบเอวกางเกง เหมือนเพื่อนร่วมวัยเดียวกันหลายคน สิ่งหนึ่งที่เอาไม่อยู่เห็นจะเป็นเส้นผมบนศีรษะที่เริ่มบางลงและมีสีขาวแซม จนต้องพึ่งน้ำยาย้อมผมดำอยู่ทุกอาทิตย์
เมื่อหันซ้ายหันขวาดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าในกระจกเงาจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงหันมาบอกเพื่อนร่วมห้องที่เป็นครูอำเภอเดียวกัน ซึ่งขณะนี้นอนหมดสภาพ เพราะไม่คุ้นกับการหลับนอนบนรถไฟระยะทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร ว่าตัวเขาเองจะลงไปนั่งฟังเพลงที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรมที่พักเสียหน่อย และจะไขกุญแจเข้าห้องเอง ไม่ต้องรอ ครูชายวัยเดียวกันพยักหน้าให้ เป็นทำนองว่าเชิญตามสบาย
สมหมายมองเพื่อนครูที่เตรียมตัวหลับนอนพลางพูดกระเซ้าว่า นาน ๆ ทีจะได้เข้ามาอบรมถึงในเมืองกรุง น่าจะออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง อีกอย่าง จะได้เป็นการผ่อนคลายความเครียดจากการคร่ำเคร่งสอนหนังสือเด็ก ๆ ที่โรงเรียน
พ่อพิมพ์อาวุโสส่ายหน้า ยิ้มให้เพลีย ๆ ตอบกลับมาว่า เขาเหนื่อยจากการเร่งทำเอกสารเพื่อให้ทันการประเมินรับรองมาตรฐาน และการประเมินคุณภาพการศึกษา ที่ยังไม่ทันจะเสร็จดี ก็ต้องเดินทางมาอบรมที่โรงแรมในเมืองกรุงแห่งนี้เสียแล้ว
“ผมกลัวไม่มีแรงลงไปอบรมพรุ่งนี้เอาน่ะ อาทิตย์ที่แล้วก็เหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ เชิญอาจารย์ก่อนเลยครับ”
สมหมายไม่เซ้าซี้อีก เขาออกจากห้องพักลงลิฟต์มาที่ลอบบี้ของโรงแรม ตรงไปที่คอกเทลเลาจน์ข้างโรงแรม ซึ่งหมายตาตั้งแต่ทีแรก ด้วยจุดมุ่งหมายบางประการ
ความจริงแล้วครูหนุ่มใหญ่ก็เบื่อหน่ายการเดินทางมาอบรมไกล ๆ ที่ต้องใช้เวลาหลายวัน เขาเป็นห่วงนักเรียนชั้นประถมสี่ที่สอนอยู่
โรงเรียนบ้านเนินผีเสื้อตั้งอยู่ในหมู่บ้านชื่อเดียวกัน เหตุที่หมู่บ้านชื่อนี้ เพราะมีสภาพพื้นที่เป็นเนินเขา และมีผีเสื้อชุกชุม โรงเรียนเองก็ตั้งอยู่บนเนิน ล้อมรอบด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ ด้านหลังเป็นป่าละเมาะ ตัวโรงเรียนห่างจากหมู่บ้านพอสมควร ต้องเดินทางผ่านเรือกสวนรกร้างหลายแห่ง กว่าจะมาถึงโรงเรียน ข้างกันไม่ไกลนัก เป็นป่าช้าเก่าของหมู่บ้าน ว่ากันว่าสมัยก่อน สถานที่สองแห่งนี้ ที่ดินเป็นผืนเดียวกัน
เพราะความเปลี่ยวของเส้นทาง ก่อนหน้าจะมีรถรับส่งนักเรียน ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบลเนินผีเสื้อ ผู้ปกครองต้องมาส่งนักเรียนด้วยตัวเองทุกวัน
โรงเรียนของครูสมหมายเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่ถึงร้อยคน รับเด็กเข้าเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่หก มีครูสอนไม่ครบชั้นเรียน ขาดอยู่หนึ่งชั้น ถ้าเขาไม่อยู่อีกคน ครูที่เหลือก็ต้องรับภาระดูแลเด็กมากชั้นกว่าเดิม
เขายังจำได้ เมื่อหลายปีก่อน เคยเกิดเหตุเด็กชั้นประถมหก ชื่อนงนุช จันดี แอบชวนน้องสาวหลบออกข้างนอกโรงเรียน ตอนพักเที่ยง เพื่อจะกลับไปดูแม่ซึ่งกำลังนอนป่วยอยู่ที่บ้าน แล้วถูกคนร้ายหลอกพาไปล่วงละเมิดในป่าละเมาะหลังโรงเรียน น้องสาวที่เรียนอยู่ประถมสี่ ชั้นที่เขาสอนอยู่ วิ่งกลับมาบอก ขณะเขากำลังเตรียมการสอนช่วงบ่ายอยู่ในห้องพักครู
ทันทีที่รู้ ครูสมหมายรีบโผนตามหลังลูกศิษย์ตัวน้อย ซึ่งวิ่งนำหน้าไปก่อน กระนั้นก็ยังไม่ทันการณ์ ตอนที่เขาไปถึง เจ้าปีศาจร้ายกำลังใช้ร่างของเด็กหญิงเป็นที่บำบัดกามกิจของมันอยู่ ครูสมหมายคว้าท่อนไม้แถวนั้น ไล่ฟาดไอ้คนโฉดไม่ยั้งด้วยความเคียดแค้นที่มันบังอาจมาทำอนาจารลูกศิษย์ของตัวเอง ตามด้วยประเคนเท้าและหมัดลุ่น ๆ เข้าใส่ จนมันหนีไปทั้งเป็นชีเปลือย ทิ้งร่างเปล่าเปลือย พร้อมเสียงสะอื้นไห้ปานจะขาดใจตายของเด็กหญิงไว้กับครูสมหมาย
เขาถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่สวมอยู่ ออกห่มร่างให้ลูกศิษย์หญิง กอดปลอบร่างน้อยที่หวาดกลัวจนตัวสั่นเทา เขาเป็นคนอุ้มร่างเธอส่งสถานีอนามัยพร้อมน้ำตาคลอเบ้า หลังจากนั้นยังเป็นธุระเรื่องคดีความ จนสามารถเอาตัวคนร้ายเข้าตะรางจนได้
แต่แล้วก็เกิดเรื่องสลดใจขึ้น สมหมายมารู้ทีหลังว่าเด็กหญิงผู้เสียหายเกิดความอับอายอย่างหนัก จนหนีหายออกจากหมู่บ้านไป ทั้งยังเรียนไม่จบชั้นประถมหกดี ในสังคมแคบ ๆ แห่งนี้ คำนินทาของชาวบ้านเกินที่เด็กหญิงผู้โชคร้ายจะต้านทานไหว เธอหายสาบสูญไปโดยไม่เคยมีใครได้พบเจออีกเลย
เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับครูทุกคนในโรงเรียน ให้ตระหนักถึงการดูแลความปลอดภัยของเด็ก ๆ ภายในโรงเรียน บรรดาครูอาจารย์จึงพากันระมัดระวังมากขึ้น
พูดถึงการมาอบรมในเมืองกรุงแต่ละครั้ง ปกติเมื่อเดินทางมาถึง สมหมายมักเข้าที่พักเลย และไม่เคยออกไปย่ำราตรีที่ไหน แต่ครั้งนี้มันต่างไป เพราะครูสมหมายกลับนึกชอบใจ เมื่อรู้ว่าจะได้ออกมาไกลบ้าน แม้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แถมยังหมายมาดบางสิ่งเอาไว้ในใจ
อันที่จริงหลังจากลูกหญิงชายแต่งงานไปหมดแล้ว ภาระในการเลี้ยงดูบุตรได้จบสิ้นลง หนี้สินที่เคยมีก็ลดลงเป็นอันมาก จนไม่สร้างปัญหาในการดำเนินชีวิตให้อีก ครูสมหมายควรมีชีวิตที่สุขสบายเสียที แต่แล้วเขากลับเป็นทุกข์ ...ทุกข์จากการแสวงหาธรรมะของภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก พิกุลลาออกจากการเป็นครูเพราะมีปัญหาสุขภาพ เธอหมดอารมณ์รักใคร่ต่อคู่สมรส หันหน้าเข้าหาธรรมะ หัดนั่งสมาธิ นุ่งขาวห่มขาวตามญาติธรรม และเริ่มเดินสายทำบุญ นัยว่าเพื่อสะสมบุญ พร้อมกับหาทางดับทุกข์ด้วยธรรมะ
แต่สิ่งที่ภรรยาแสดงออกกลับเพิ่มความทุกข์ให้กับผู้เป็นสามี วันนี้สมหมายจึงคิดจะมาระบายทุกข์ทิ้ง
ในคอกเทลเล้าจน์ ของค่ำคืนแห่งการปลดปล่อย ครูวัยใกล้ชราสั่งเบียร์มาดื่มย้อมใจ เขาตั้งใจมานั่งดูโคโยตี้สาว ๆ เต้นโยกย้ายส่ายสะโพก บ้างก็ดีดดิ้นด้วยลีลาอันเร่าร้อนไปตามจังหวะดนตรีบนเวที
สักครู่ก็มีน้องผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่ง สะอิ้งกายเข้ามาขอนั่งด้วย อายุอานามของเด็กสาวไม่น่าจะเกินสิบแปดปี ผิวขาวผ่องเป็นยองใย อวบอัดไปทั้งเนื้อทั้งตัว ใบหน้านวลเด่นอยู่ในกรอบผมยาวสลวย ย้อมสีน้ำตาลแดง ดวงตาดำขลับมองเขาด้วยแววตาประหลาด เธอนุ่งยีนซีดขาสั้น สวมเสื้อยืดสายเดี่ยวสีดำ อวดเนินถันเต่งตึง เป็นรูปเป็นร่างสะดุดตา เมื่อเห็นเธอตั้งใจจะนั่งคุยด้วย สมหมายจึงสั่งเบียร์กับน้ำส้มอีกรอบ บอกเธอไปตามตรงว่ามาพักที่โรงแรมใกล้ ๆ อีกสองสามวันก็จะกลับบ้านแล้ว
“เรียกหนูว่ากุ้งก็ได้ค่ะ กุ้งทำงานพีอาร์ที่นี่มาหลายปีแล้ว”
เธอบอกพลางมองหน้าเขา ยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นเขาพยักหน้า และไม่ได้ว่าอะไรต่อ
“มาเที่ยวหรือมาทำงานคะ” ตาคมชำเลืองมองหน้า ขณะก้มลงดูดน้ำส้มจากหลอด
“ผมมาทำงาน”
“งานทีทำอยู่คงเหนื่อย มาผ่อนคลายเสียบ้างก็ดีค่ะ คลายเครียดดี” เธอชวนคุย เขาพยักหน้ารับอีก สาวสวยหัวเราะคิก เย้าว่า
“พูดกับกุ้งน้อยจัง เขินกุ้งเหรอคะ” สาวน้อยเอียงคอถามด้วยท่าทางน่ารัก สมหมายหัวเราะหึหึ นึกขำตัวเองที่ทำอะไรแบบนี้ลงไป
“อยากไปที่อื่นไหมคะ กุ้งอาสาพาเที่ยวเอง”
รู้ดีอยู่แก่ใจว่าสาวไซด์ไลน์กำลังหยั่งท่าทีเขา รู้สึกทึ่งที่เธอดูเหมือนเต็มอกเต็มใจจะให้บริการ ทั้งที่จะว่าไป เขาไม่ได้มีมาดเสี่ยเงินถุงเงินถังอะไรเลย ท่าทางออกจะเชย ๆ ตามประสาครูประชาบาลแก่ ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“ไปที่ไหนดี”
จะเพราะด้วยฤทธิ์น้ำเมาหรือเพราะความเงียบเหงาที่เกาะกินหัวใจมานานก็ไม่รู้ ที่ทำให้สมหมายอ้าปากถามออกไปอย่างนั้น กุ้งดวงตาเป็นประกาย บอกชื่อผับชั้นดีชื่อหนึ่ง
“คืนนี้เที่ยวให้สนุก ลืมเรื่องเครียด ๆ สักคืนเถอะค่ะ” เธอกระซิบริมหูเขาระหว่างนั่งรถแท็กซี่ออกไปด้วยกัน
ที่นั่นคนแน่นเอี้ยด แต่ไม่มีใครสนใจใคร แต่ละคนเหมือนจ้องตักตวงเอาความสุขใส่ตัว ต่างดื่มและกินเคล้าเสียงดนตรีที่เล่นกระหึ่มอย่างเมามัน หนุ่มสาวคลอเคลีย บ้างก็ลุกขึ้นเต้นเร่า ๆ ท่ามกลางเสียงเพลงกระแทกกระทั้นร้อนแรง
กุ้งพาสมหมายมานั่งหลบมุมมืดที่โต๊ะตัวในสุด เธอสั่งเบียร์มาดื่มต่อ ร่างอวบอัดซุกตัวเคลียคลอ เบียดเสียดกับร่างเขา ศีรษะเอนซบอยู่ที่หัวไหล่ มือเธอลูบไล้ไปตามแผงอก ก่อนวกมาโอบรอบคอ โน้มใบหน้าสมหมายให้ลงมาหา ลมหายใจร้อนแรงเป่ารดซอกคอ ขณะปากประกบปาก วินาทีนั้นเอง สติของครูวัยดึกก็ขาดผึง
ในเวลาเกือบตีหนึ่งของวันใหม่ ภายในห้องพักของโรงแรมอีกที่หนึ่ง ซึ่งมีบริการห้องพักรายชั่วโมง ไฟปรารถนาของสมหมายมอดดับลงแล้ว เขานึกสะเทือนใจต่อการกระทำของตัวเอง ร่างอวบอิ่มนุ่มเนียนยังซุกอยู่ในอ้อมกอด ครูหนุ่มใหญ่เอ่ยถามเด็กสาวในอ้อมแขนเบา ๆ
“เรายังไม่ได้ตกลงค่าบริการกันเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สำหรับครูกุ้งเต็มใจ เรื่องเงินแล้วแต่จะกรุณา ไม่ต้องมากนักหรอกนะคะ ค่าตัวกุ้งแค่สองพัน”
หล่อนพูดพึมพำอยู่แถวซอกคอของชายรุ่นพ่อ นิ้วเรียวแตะปลายคางเขาอย่างหยอกล้อ ก่อนพลิกตัวออกจากอก ลุกขึ้นสะบัดสะโพกเดินเข้าห้องน้ำไป
ครูชายแห่งโรงเรียนบ้านเนินผีเสื้อตัวเย็นวาบ เขารีบลุกจากเตียงตรงไปที่กระเป๋าสะพายของเด็กสาวไซด์ไลน์ หยิบกระเป๋าเงินในนั้นออกมาเปิดดู ด้วยมืออันสั่นเทา เสร็จแล้วรีบเก็บเข้ากระเป๋าสะพายตามเดิม
ครูสมหมายคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างเร่งรีบ เหลือบตาดูประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ได้ยินเสียงอาบน้ำซ่า ๆ อยู่ข้างใน เขาคว้ากระดาษทิชชูบนโต๊ะมาเขียนข้อความด้วยปากกาหมึกแห้งที่พกติดตัวอยู่เสมอ เอามันวางไว้บนเตียงนอนพร้อมเงินอีกสองพันบาท ก่อนเปิดประตูห้องออกไปอย่างรวดเร็ว ข้อความบนกระดาษทิชชูแผ่นนั้นเขียนว่า
“นงนุช จันดี ครูขอโทษ”