คุณอา (ที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก) จากไปกระทันหันวันนี้ เพื่อนๆ ทำใจยังงัยหากคนในครอบครัวที่รักจากไปแบบไม่ทันตั้งตัว

คือเราอยากรู้ว่าเพื่อนๆ ที่เคยมีประสบการณ์การจากไปของคนรักจะทำยังงัย หรือ เตรียมใจยังงัย เพราะวันนี้ถือว่าเป็นวันที่ 2 ที่คุณอาจากไป (คุณอาจากไปตอน 17.15 น. ของวันที่ 8 กรกฎาคม 2564) ด้วยอาการติดเชื้อในปอด

เรื่องของเรื่องคือคุณอาซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก ไปไหนไปด้วยกันจนถึงตอนนี้ (เท่ากับมีความผูกพันใกล้ชิดระดับหนึ่งลเยล่ะ) ฟอกไตมาประมาณ 10 กว่าปีแล้ว ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็เป็นเสาหลักของบ้าน ชอบทำนู่นนี่ ดูมีแรง Active... แต่เมื่อเร็วๆ นี้ คุณอาไปตรวจโควิด เพราะคนทั้งบ้านไอ เราก็ไอแล้วก็ไม่สบาย จนไปถึงการกักตัว 14 วันตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2564 เรากับคุณอาตรวจเจอเชื้อก่อนคนในบ้าน (คนในบ้านเจอทีหลัง กักตัวตามทีหลัง)  พวกเราถูกส่งไปกักตัววันเดียวกัน เราไปโรงพยาบาลสนาม ส่วนคุณอาได้อยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ หมอเก่ง และเราก็มีใจที่สู้ อยากให้คุณอาหายดี พลังใจล้นมาก

วันแรก : อาโทรมาคุยว่าถึงแล้ว คุยกันทุกอย่างปกติ
วันที่สอง : เหมือนเดิม คุยนู่น นี่ นั่น
วันที่สาม : คุยกันเหมือนเดิม แต่ X-Ray เริ่มมีฝ้าในปอด
วันที่สี่ : ที่บ้านโทรมาบอกว่าคุณอาเข้า ICU หมอเริ่มการรักษาแล้ว ถึงมือหมอ อุ่นใจ
วันที่ห้า : เราโทรไปหาคุณอาหลายครั้ง เป็นเสียงสายว่าง
วันที่หก : เหมือนวันที่ห้าแต่กลายเป็นฝากข้อความ
วันที่เจ็ด : ยังโทรไปหา เสียงฝากข้อความ
วันที่แปด : ยังโทรไปหาแต่ก็เป็นเสียงฝากข้อความ
วันที่เก้า : ก็ยังโทรไปหา เหมือนเดิม แต่ตกดึกประมาณห้าทุ่มหมอ ICU โทรมาว่าคุณอาเริ่มไม่ได้สติ ช็อค ต้องใส่ท่อช่วยหายใจกับฟอกไต 24 ชั่วโมง - ความดันเริ่มตก ต้องเริ่มใส่ยากระตุ้นความดัน หมอบอกว่าอยากไปสแกนช่องท้องเพราะเจอความผิดปกติตรงนั้น เราก็บอกให้หมอทำเลย
วันที่สิบ : ตอนเช้า - หมอลำไส้โทรมา บอกว่าลำไส้ขาดเลือด แต่เนื่องจากภาวะช็อค ผ่ายาก วางยากลัวไม่ฟื้น แต่หมอลำไส้ก็บอกว่าจะปรึกษาอาจารย์อีกที ช่วงสายๆ หมอ ICU บอกว่าอาการเริ่มไม่ดี ขอเพิ่มยากระตุ้น เราก็บอกว่าโอเค เพราะหมอบอกว่ายาที่ให้ยังอยู่ในระดับน้อย จะปรับเป็นระดับกลาง
วันที่สิบเอ็ด : ไม่โทร เงียบ
วันที่สิบสอง : ไม่โทร เงียบ
วันที่สิบสาม : ไม่โทร เงียบ
วันที่สิบสิบสี่ : หมอ ICU โทรมาตอนเย็น บอกว่าคุณอาความดันตกลงไปอีก ถ้าไม่ไหวแล้วจะให้ปั๊มหัวใจรึเปล่า เราตอบว่าไม่ต้อง คิดในใจว่าถ้าไปจริง ไม่อยากให้ไปแบบทรมานเพราะไม่เหมือนคนจมน้ำที่ปั๊มแล้วฟื้น รู้ว่าเกิดจากการจมน้ำ ส่วนของคุณอาคือติดเชื้อถ้าปั๊มขึ้นมาก็เหมือนเดิม ไม่ได้สติ แค่ยื้อ (ส่วนเราพยาบาลโทรมาว่าพรุ่งนี้เราออกจากกักตัวได้แล้ว ไม่ติด ทุกอย่างปกติแล้ว เราก็รอ และนอนไม่หลับ)
วันที่สิบห้า : เราตื่นตั้งแต่ตีห้า เตรียมตัวรอกลับบ้าน ซึ่งช่วงเวลาอยู่กลางทาง หมอ ICU ก็โทรมาอีกว่าคนไข้ความดันตกลงไปอีกตอนตีห้า เกรงว่าจะไม่รอด คุณหมอขออนุญาตฟอกไตแบบเป็นระยะแทน 24 ชั่วโมง) เราก็ตอบโอเค เพราะคิดว่าอยากให้คุณอาเริ่มผ่อนคลาย ใจเริ่มเสียแล้ว ณ ตอนนั้น

พอกลับบ้าน เราเตรียมตัวทำความสะอาดบ้าน พออยู่คนเดียวจิตใจก็ฟุ้งซ่านแล้ว คิดไปถึงว่าคุณอาจะไม่รอด ร้องไห้ ร้องไห้ คุยกะเพื่อนไปร้องไห้ไป หลังจากนั้นก็ทำงานบ้าน ซักผ้าที่บ้าน ซักผ้าส่วนตัวที่เอาไปโรงพยาบาลสนาม ทุกอย่างจนเสร็จ เรียมมานั่งเคลียร์งาน WFH ของออฟฟิศช่วงห้าโมงเย็นกว่า สักพักพยาบาลโทรมาว่าคุณอาเสียแล้ว !! เราคือร้องไห้เลย ปล่อยร้องไห้หนักมาก ในชีวิตไม่เคยร้องเยอะขนาดนี้ ทุกอย่างคือพังทลาย เรากลัวมาก กลัวไปหมด รีบเปลี่ยนจากเคลียร์งานเป็นอาบน้ำแต่งตัวไปทำเอกสารที่โรงพยาบาล ระหว่างทางก็คิดไปว่า เหมือนคุณอาจะรู้ เรากลับจากโรงพยาบาลสนามพอดี แถมทำงานบ้านที่ค้างอยู่ 14 15 วันเสร็จ เดินไปร้องไห้ไป ทำเรื่องเสร็จถามว่าต้องเผาเลยใช่ไหม (คือเคสเหมือนน้าค่อมเลย) คือเราคิดว่ามันไวไป แถมญาติก็ไม่ใส่ใจอะไรกับครอบครัวเราแล้ว คิดไปถึงหลายๆ คนที่จากไปด้วยเหคุอื่นๆ ยังตั้งศพไว้หลายวัน ยัพอเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย แต่โควิดคือเปิดดูหน้าก็ไม่ได้ ไม่ได้เจอกันหลายวัน สุดท้ายแทนที่จะได้ออกจากการกักตัววันเดียวกันกลายเป็นว่าไม่

ตอนนี้ 01.13 น. ของวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เรานอนไม่หลับ เครียดมาก กลัว เศร้า เสียใจ คนที่เรารักจากไปไวเกินไป เกินกว่าที่จะรับไหว ตอนนี้อยากได้คนแชร์ประสบการณ์กันหน่อย หรือ อยากจะรู้ว่ารับมือยังงัยกับเรื่องที่คาด แต่มันไวกว่าเวลาที่คาดไว้ ยังงัย

ขอบคุณนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่