ฟุตบอลยูโร 2020 แข่งจบรอบรองชนะเลิศไปแล้ว นอกจากจะได้ 2 ทีมที่ผ่านเข้าไปลุ้นกันว่าใครจะได้แชมป์ ก็มีอีก 2 ทีมที่ต้องอำลาเวทีตกรอบรองชนะเลิศสามไป มาดูกันดีกว่าว่ามีใครบ้าง แต่ละทีมมีผลงานเป็นอย่างไรกันบ้าง เรียงลำดับตามผลงานที่ทำได้เลย
3. สเปน
ผลงาน (รอบแรก) เสมอสวีเดน 0-0 เสมอโปแลนด์ 1-1 ชนะสโลวาเกีย 5-0 (รอบสอง) ชนะโครเอเชีย (3-3) 5-3 (รอบสาม) เสมอสวิตเซอร์แลนด์ (1-1) 1-1 ชนะลูกโทษ (รอบรองชนะเลิศ) เสมออิตาลี (1-1) 1-1 แพ้ลูกโทษ ได้ 10 แต้ม ประตูได้เสีย 13-6
สเปนเริ่มต้นรายการด้วยผลงานน่าอึดอัด จนทำท่าว่าจากกระทิงจะกลายเป็นโคขุนโพนยางคำแทน แต่มาเอาตัวรอดคืนฟอร์มในนัดสุดท้ายของนัดแรก ก่อนจะเป็น กระทิง OT เล่นต่อเวลามันทุกนัดในรอบน็อคเอาท์จนเหมือนกับต้องเล่นมากกว่าทีมอื่น 1 เกมเต็ม ด้วยปัญหาเดิม ๆ คือครองบอลมากจริง แต่ก็จบสกอร์กันไม่ค่อยคมเอง แม้จะเป็นทีมที่ยิงเยอะสุดในตอนนี้ก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับเปอร์เซนต์การครองบอลแล้วต้องบอกว่า โอกาสยิงและจำนวนประตูที่ได้ยังน้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถปิดจ็อบได้ใน 90 นาทีและต้องยืดเยื้อต่อเวลาพิเศษ สุดท้ายก็เลยไม่ผ่านด่านสุดท้ายเข้าไปชิงจนได้
สรุป - ยังดีไม่พอที่จะได้เข้าชิง
4. เดนมาร์ก
ผลงาน (รอบแรก) แพ้ฟินแลนด์ 0-1 แพ่เบลเยี่ยม 1-2 ชนะรัสเซีย 4-1 (รอบสอง) ชนะเวลส์ 4-0 (รอบสาม) ชนะสาธารณรัฐเช็ก 2-1 (รอบรองชนะเลิศ) แพ้อังกฤษ (1-1) 1-2
เรื่องราวของเดนมาร์กในปีนี้เหมือนกับมีคนเขียนเป็นสตอรีเทพนิยายเอาไว้ เริ่มจากพระเอกต้องตกระกำลำบากจนเกือบเอาตัวไม่รอด แต่พอผ่านช่วงคับขันมาได้ก็กลับมาคืนฟอร์มเก่งผ่านรอบแรกมาได้ แล้วก็เดินหน้าต่อมาเรื่อย ๆ จนทำท่าว่าอาจจะสร้างเทพนิยายภาคสองได้ แต่สุดท้ายก็ต้องมาจอดป้ายในรอบรองฯ เมื่อต้อแพ้ต่ออังกฤษอย่างน่าเสียดาย ทำให้เทพนิยายต้องจบไว้แต่เพียงแค่รอบรองชนะเลิศ
สรุป - เทพนิยายภาคสอง จบแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง
ฟุตบอลยูโร 2020 กับ 2 ทีมที่ต้องอำลาเวทีในรอบรองชนะเลิศ
3. สเปน
ผลงาน (รอบแรก) เสมอสวีเดน 0-0 เสมอโปแลนด์ 1-1 ชนะสโลวาเกีย 5-0 (รอบสอง) ชนะโครเอเชีย (3-3) 5-3 (รอบสาม) เสมอสวิตเซอร์แลนด์ (1-1) 1-1 ชนะลูกโทษ (รอบรองชนะเลิศ) เสมออิตาลี (1-1) 1-1 แพ้ลูกโทษ ได้ 10 แต้ม ประตูได้เสีย 13-6
สเปนเริ่มต้นรายการด้วยผลงานน่าอึดอัด จนทำท่าว่าจากกระทิงจะกลายเป็นโคขุนโพนยางคำแทน แต่มาเอาตัวรอดคืนฟอร์มในนัดสุดท้ายของนัดแรก ก่อนจะเป็น กระทิง OT เล่นต่อเวลามันทุกนัดในรอบน็อคเอาท์จนเหมือนกับต้องเล่นมากกว่าทีมอื่น 1 เกมเต็ม ด้วยปัญหาเดิม ๆ คือครองบอลมากจริง แต่ก็จบสกอร์กันไม่ค่อยคมเอง แม้จะเป็นทีมที่ยิงเยอะสุดในตอนนี้ก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับเปอร์เซนต์การครองบอลแล้วต้องบอกว่า โอกาสยิงและจำนวนประตูที่ได้ยังน้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถปิดจ็อบได้ใน 90 นาทีและต้องยืดเยื้อต่อเวลาพิเศษ สุดท้ายก็เลยไม่ผ่านด่านสุดท้ายเข้าไปชิงจนได้
สรุป - ยังดีไม่พอที่จะได้เข้าชิง
4. เดนมาร์ก
ผลงาน (รอบแรก) แพ้ฟินแลนด์ 0-1 แพ่เบลเยี่ยม 1-2 ชนะรัสเซีย 4-1 (รอบสอง) ชนะเวลส์ 4-0 (รอบสาม) ชนะสาธารณรัฐเช็ก 2-1 (รอบรองชนะเลิศ) แพ้อังกฤษ (1-1) 1-2
เรื่องราวของเดนมาร์กในปีนี้เหมือนกับมีคนเขียนเป็นสตอรีเทพนิยายเอาไว้ เริ่มจากพระเอกต้องตกระกำลำบากจนเกือบเอาตัวไม่รอด แต่พอผ่านช่วงคับขันมาได้ก็กลับมาคืนฟอร์มเก่งผ่านรอบแรกมาได้ แล้วก็เดินหน้าต่อมาเรื่อย ๆ จนทำท่าว่าอาจจะสร้างเทพนิยายภาคสองได้ แต่สุดท้ายก็ต้องมาจอดป้ายในรอบรองฯ เมื่อต้อแพ้ต่ออังกฤษอย่างน่าเสียดาย ทำให้เทพนิยายต้องจบไว้แต่เพียงแค่รอบรองชนะเลิศ
สรุป - เทพนิยายภาคสอง จบแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง